ASTVผู้จัดการรายวัน- เผยปีนี้ปีทองเกษตรกรชาวไร่อ้อย ราคาอ้อยขึ้นสุดท้ายปี 51/52 ส่อแตะระดับพันบาทต่อตันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แนวโน้มราคาขั้นต้นฤดูการใหม่ขยับสูงเหตุราคาตลาดโลกพุ่งสวนเศรษฐกิจซบ 14-15 เซนตต่อปอนด์ หลังผลผลิตโลกตกต่ำ
นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) เปิดเผยว่า คาดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 2551/2552 น่าจะอยู่ที่ระดับ 920 บาทต่อตันอ้อย จากราคาขั้นต้นที่ 830 บาทต่อตันอ้อย และหากรวมค่าความหวานเข้าไปอีกก็น่าจะทำให้ราคาอ้อยปีนี้ยืนอยู่ที่ระดับ 1,000 บาทต่อตันอ้อยได้ เนื่องจากราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้นซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ราคาอ้อยขึ้นต้นปี 2552/53 ก็จะไม่ต่ำกว่าฤดูการปี 52/53
“ปีนี้ถือเป็นปีทองของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย โดยฤดูการผลิตอ้อยและน้ำตาลปี 2551/2552 ซึ่งปิดหีบไปแล้วมีผลผลิตอ้อยรวมทั้งสิ้น 66.5 ล้านตัน สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้ 1.7 ล้านตัน ถึงแม้ผลผลิตอ้อยที่ได้จะต่ำกว่าที่คาดไว้ 5 ล้านตัน แต่ด้วยราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จากการขาดดุลน้ำตาลในตลาดโลกเนื่องจากหลายประเทศมีผลผลิตน้ำตาลลดลงจึงต้องมีการนำเข้ามากขึ้น เช่น อินเดีย ยุโรป ปากีสถาน และจีน ทำให้ราคาน้ำตาลอยู่ในระดับที่ดีมากและชาวไร่อ้อยเองก็ได้ค่าอ้อยที่สูง” นายประเสริฐกล่าว
สำหรับทิศทางการส่งออกน้ำตาลทรายในปีนี้ของไทยจะถือเป็นโอกาสที่ดีเพราะแม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอแต่การบริโภคยังคงขยายตัว โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งถือเป็นตลาดส่งออกน้ำตาลที่สำคัญของไทยกว่า 98% เนื่องจากมีข้อได้เปรียบในด้านการขนส่ง โดยคาดว่า ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 14-15 เซนต์ต่อปอนด์
ดังนั้นอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ สร้างรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลในประเทศและส่งออกประมาณกว่า 8 หมื่นล้านบาทต่อปี สร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยประมาณกว่า 1.9 แสนครอบครัว
นายวิบูลย์ ผาณิตวงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง สาเหตุจากการที่หลายประเทศ เช่น อินเดีย จีน และยุโรป ได้ประสบกับปัญหาภัยธรรมชาติทำให้ผลผลิตอ้อยลดลงจนต้องมีการนำเข้าน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น ซึ่งประเมินว่าราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกน่าจะทรงตัวในระดับสูงประมาณ 14-15 เซนต์ต่อปอนด์ ดังนั้นคาดว่าราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาลผลิตปี 2552/2553 จะสูงในระดับไม่ต่ำกว่า 800 บาทต่อตัน
ทั้งนี้ ผลพวงจากราคาอ้อยที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้คาดว่า ในฤดูกาล 2552/2553 เกษตรกรจะหันมาปลูกอ้อยเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อน ซึ่งมีปริมาณอ้อยต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมากโดยมีผลผลิตรวม 66.5 ล้านตัน จากที่คาดว่า จะมีผลผลิต 71.80 ล้านตัน
นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) เปิดเผยว่า คาดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 2551/2552 น่าจะอยู่ที่ระดับ 920 บาทต่อตันอ้อย จากราคาขั้นต้นที่ 830 บาทต่อตันอ้อย และหากรวมค่าความหวานเข้าไปอีกก็น่าจะทำให้ราคาอ้อยปีนี้ยืนอยู่ที่ระดับ 1,000 บาทต่อตันอ้อยได้ เนื่องจากราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้นซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ราคาอ้อยขึ้นต้นปี 2552/53 ก็จะไม่ต่ำกว่าฤดูการปี 52/53
“ปีนี้ถือเป็นปีทองของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย โดยฤดูการผลิตอ้อยและน้ำตาลปี 2551/2552 ซึ่งปิดหีบไปแล้วมีผลผลิตอ้อยรวมทั้งสิ้น 66.5 ล้านตัน สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้ 1.7 ล้านตัน ถึงแม้ผลผลิตอ้อยที่ได้จะต่ำกว่าที่คาดไว้ 5 ล้านตัน แต่ด้วยราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จากการขาดดุลน้ำตาลในตลาดโลกเนื่องจากหลายประเทศมีผลผลิตน้ำตาลลดลงจึงต้องมีการนำเข้ามากขึ้น เช่น อินเดีย ยุโรป ปากีสถาน และจีน ทำให้ราคาน้ำตาลอยู่ในระดับที่ดีมากและชาวไร่อ้อยเองก็ได้ค่าอ้อยที่สูง” นายประเสริฐกล่าว
สำหรับทิศทางการส่งออกน้ำตาลทรายในปีนี้ของไทยจะถือเป็นโอกาสที่ดีเพราะแม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอแต่การบริโภคยังคงขยายตัว โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งถือเป็นตลาดส่งออกน้ำตาลที่สำคัญของไทยกว่า 98% เนื่องจากมีข้อได้เปรียบในด้านการขนส่ง โดยคาดว่า ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 14-15 เซนต์ต่อปอนด์
ดังนั้นอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ สร้างรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลในประเทศและส่งออกประมาณกว่า 8 หมื่นล้านบาทต่อปี สร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยประมาณกว่า 1.9 แสนครอบครัว
นายวิบูลย์ ผาณิตวงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง สาเหตุจากการที่หลายประเทศ เช่น อินเดีย จีน และยุโรป ได้ประสบกับปัญหาภัยธรรมชาติทำให้ผลผลิตอ้อยลดลงจนต้องมีการนำเข้าน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น ซึ่งประเมินว่าราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกน่าจะทรงตัวในระดับสูงประมาณ 14-15 เซนต์ต่อปอนด์ ดังนั้นคาดว่าราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาลผลิตปี 2552/2553 จะสูงในระดับไม่ต่ำกว่า 800 บาทต่อตัน
ทั้งนี้ ผลพวงจากราคาอ้อยที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้คาดว่า ในฤดูกาล 2552/2553 เกษตรกรจะหันมาปลูกอ้อยเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อน ซึ่งมีปริมาณอ้อยต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมากโดยมีผลผลิตรวม 66.5 ล้านตัน จากที่คาดว่า จะมีผลผลิต 71.80 ล้านตัน