xs
xsm
sm
md
lg

รง.น้ำตาลแสบไม่ส่งของแต่ส่งออก ฟันกำไร-พาณิชย์โดดคุมก่อนป่วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว แฉหมดเปลือกโรงงานน้ำตาลบางแห่ง ส่งน้ำตาลให้น้อย แถมบางรายเรียกค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทำให้ไม่มีน้ำตาลพอที่จะขาย และจำเป็นต้องขึ้นราคา เผยเหตุราคาตลาดโลกล่อใจ โรงงานดึงโควตา ก ไปส่งออกฟันกำไรกิโลละไม่ต่ำกว่า 10 บาท “พาณิชย์”ยอมรับราคาน้ำตาลเริ่มมีปัญหา เตรียมหารือสอน. เร่งระบายน้ำตาลออกสู่ตลาดให้เร็วขึ้นพร้อมขอความร่วมมือ 62 จังหวัดที่เหลือออกประกาศราคาจำหน่ายควบคุมด่วน หวั่นปั่นป่วนมากกว่านี้ ขู่อีก หากปัญหาไม่จบ เพิ่มมาตรการคุมทันที

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้ประกอบการค้าส่ง (ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว) น้ำตาลทราย และผู้ประกอบการค้าปลีกรายสำคัญ เพื่อหาสาเหตุปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลน วานนี้ (10 ก.ย.) ว่า ทางยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ยังยืนยันในข้อมูลเดิมว่าขณะนี้มีปัญหาน้ำตาลทรายไม่เพียงพอที่จะจำหน่าย เพราะโรงงานน้ำตาลทรายบางแห่งจัดส่งน้ำตาลทรายให้น้อยลงบางรายได้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น มีผลให้ราคาน้ำตาลทราย 50 กก./ถุง มีราคาสูงขึ้นตั้งแต่ 10-50 บาท ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว จึงต้องมีการขายน้ำตาลในราคาที่สูงขึ้นจากเดิม

“ที่คุยกันวันนี้ เราไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้ามาบันทึกภาพ เพราะยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เขากลัวว่า ถ้ามีภาพ หรือมีคลิปหลุดออกไป เขาจะเดือดร้อนแน่ เพราะโรงงานน้ำตาลจะเล่นงานเอา เพราะเคยโดนมาแล้ว พอมาให้ข้อมูลกับภาครัฐ ก็โดนทันที โดยคราวนี้ เราขอเลย ไม่มีการบันทึกภาพ บันทึกเสียง เลยได้ข้อมูลมาอย่างที่เคยบอกไปแล้ว ก็เลยรู้ว่าที่น้ำตาลทรายขาด และมีราคาแพงขึ้นเกิดขึ้นเพราะอะไร ซึ่งก็เข้าใจ มันเป็นระบบปกติ ที่เมื่อต้นทุนสูงขึ้น ค้าส่ง ต้องผลักภาระไปให้ค้าปลีก ค้าปลีกผลักไปให้ผู้บริโภค กรมฯ จึงต้องเข้ามาดูแลปัญหาตรงนี้”นายยรรยงกล่าว

นอกจากนี้ ยังได้รับข้อมูลอีกว่า ขณะนี้ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลก ราคา FOB เมื่อคำนวนออกมาเป็นราคาน้ำตาลทรายในประเทศจะตกอยู่ที่กก.ละ 32-35 บาท ทำให้มีแรงจูงใจที่จะนำน้ำตาลไปส่งออก ซึ่งไม่ทราบว่ามีโรงงานใดบ้างที่ดึงน้ำตาลทรายสำหรับใช้ในประเทศ (โควตา ก) ไปส่งออกบ้าง แต่สามารถรู้ได้จากเสียงสะท้อนที่ว่ายี่ปั๊ว ซาปั๊วในประเทศได้รับน้ำตาลทรายจากโรงงานน้อยลง

ทั้งนี้ ราคาน้ำตาลทรายในประเทศจำหน่ายปลีกถุง 1 กก. ราคา 23.50 บาท หากคำนวนจากราคา FOB ดังกล่าว จะทำให้ผู้ที่นำน้ำตาลทรายส่งออกไปขายต่างประเทศ จะได้กำไรไม่ต่ำกว่ากก.ละ 10 บาท

นายยรรยงกล่าวว่า แนวทางการแก้ไขปัญหา ทางยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ได้เสนอให้รัฐบาล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันบริหารจัดการการจำหน่ายน้ำตาลทรายโควตา ก ที่เหลือ 5.7 ล้านกระสอบให้มีการเร่งระบายออกมาถี่ขึ้นทุกสัปดาห์ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลน และหาทางป้องกันไม่ให้มีการนำน้ำตาลทรายโควตา ก ไปส่งออก

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ หลังจากที่ได้มีการหารือกับยี่ปั๊ว ซาปั๊วไปแล้ว หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ก็จะเชิญโรงงาน และสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล (สอน.) ที่ดูแลด้านการผลิต และการตลาด มาหารือร่วมกัน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอีก และหากยังไม่คลี่คลาย ก็จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน พิจารณาใช้มาตรการควบคุมเพิ่มเติม เช่น การควบคุมการขนย้าย และให้แจ้งปริมาณสต๊อก เป็นต้น

ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบภาวะการจำหน่ายน้ำตาลทรายทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งพบว่าน้ำตาลทรายที่จำหน่ายในห้างค้าปลีกรายใหญ่ ราคายังอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด แต่บางพื้นที่มีปัญหาทางด้านราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ขณะเดียวกัน จะส่งหนังสือเวียนไปถึงจังหวัดต่างๆ ให้เร่งออกประกาศราคาควบคุมการจำหน่ายน้ำตาลทรายโดยเร็ว เพราะขณะนี้สถานการณ์เริ่มไม่ปกติ โดยปัจจุบันมีเพียง 14 จังหวัด ที่มีการประกาศราคาควบคุม ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ลำปาง ขอนแก่น นครราชสีมา สกลนคร หนองคาย อำนาจเจริญ พังงา ภูเก็ต และระนอง ยังเหลืออีก 62
จังหวัดที่ยังไม่ได้ออกประกาศ ทั้งนี้ ราคาที่แต่ละจังหวัดจะประกาศควบคุมการจำหน่ายนั้น จะมีราคาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับระยะทางการขนส่ง

****กางตัวเลขน้ำตาลมีเพียบ

นายประกิต ประทีปะเสน ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวว่า น้ำตาลทรายโควตา ก. ( บริโภคภายในประเทศ) ฤดูการผลิตปี 2551/2552 จำนวน 19 ล้านกระสอบ (100 กก./กระสอบ) เพียงพอต่อความต้องการ และจะไม่ขาดแคลนจนถึงฤดูการผลิตปี 2552/2553 เนื่องจากน้ำตาลทรายโควตา ก.คงเหลือค้างกระดาน ณ วันที่ 8 กันยายน 2552 มีน้ำตาลทรายค้างกระดานจำนวนรวม 769,344.86 กระสอบและคงเหลือน้ำตาลทรายที่ยังไม่ได้ขึ้นงวดอีก 4,585,968 กระสอบ

ขณะเดียวกันโรงงานน้ำตาลทรายจะเริ่มเปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทรายในเดือน พ.ย.ของทุกปี ซึ่งจะมีน้ำตาลฤดูการผลิตใหม่ (2552/2553) ออกสู่ตลาดในเดือน พ.ย. 2552 และคณะกรรมการอ้อยประมาณการว่าจะมีอ้อยเข้าหีบทั้งสิ้น 71.61 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าฤดูการผลิตปี 2551/2552 ที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบรวมทั้งสิ้น 66.46 ล้านตัน

***รง.คลอด4มาตรการดูแลน้ำตาลขาด

นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการดำเนินการ หากเกิดการขาดแคลนน้ำตาลเพื่อบริโภคภายในประเทศ ดังนี้

1. ให้ทุกโรงงานเลื่อนการจำหน่ายโควตา ก. งวดที่ 52,51 ขึ้นมาจำหน่ายในช่วงที่เกิดการขาดแคลนน้ำตาล และหากยังไม่เพียงพอก็ให้เลื่อนงวดที่ 50,49,48 ขึ้นมาจำหน่ายเพิ่มเติม 2. ให้โรงงานน้ำตาลเปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลเร็วกว่าปีที่ผ่านมา (ปีที่ผ่านมาเริ่มเปิดหีบอ้อยวันที่ 26 พ.ย. 2551) เพื่อให้มีน้ำตาลออกสู่ตลาดมากขึ้น3. ชะลอการขายโควตา ค. (ส่งออก) ฤดูกาลผลิตปี 2551/2552 ออกไปก่อน จนกว่าภาวะการขาดแคลนน้ำตาลเพื่อการบริโภคในประเทศจะคลี่คลาย 4. ผู้แทนโรงงานน้ำตาลพร้อมชี้แจงสถานการณ์ และหารือแนวทางแก้ไขปัญหา หากเกิดการขาดแคลนน้ำตาลต่อประธานคณะกรรมการน้ำตาลทรายตลอดเวลา
กำลังโหลดความคิดเห็น