สพฐ.สั่ง สพท.ล้อมคอกเด็กตีกัน หลังมีคลิปโผล่ ออกคำสั่งเตรียมพร้อม กวดขัน จุดเสี่ยงช่วงใกล้ปิดเทอม พร้อมมอบครูที่ปรึกษาดูแลพฤติกรรม ด้าน “จุรินทร์” ลั่นสถานศึกษาต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงอย่างเข้มงวด พบใครทำผิดฟันทั้งวินัย อาญา ชี้ ผู้บริหารปัดรับผิดชอบไม่ได้ เผยรับรายงานเด็กตีกันที่ อุตรดิตถ์ ไม่ใช่เด็กสังกัด สพฐ.
วันนี้ (22 ก.ย.) คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาท และมีคลิปหลุดออกมา ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้สั่งการไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ความรุนแรงของนักเรียนที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากใกล้ปิดภาคเรียนช่วงเดือนตุลาคมแล้ว โดยเฉพาะการสำรวจจุดเสี่ยงที่นักเรียนจะนัดกันไปก่อเหตุทะเลาะวิวาท หรือจัดกิจกรรมระหว่างโรงเรียนขึ้น เพื่อให้เกิดการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักเรียนต่างโรงเรียนกัน
ขณะเดียวกัน อาจารย์ประจำชั้นจะต้องรู้ข้อมูลนักเรียนของตนเองแต่ละคนด้วยว่า มีพฤติกรรมอย่างไรมีปัญหาครอบครัว หรือปัญหาเรื่องชู้สาวด้วยหรือไม่ เพราะการก่อเหตุทะเลาะวิวาทเด็กมักจะท้าทายกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ดังนั้น ครูจะต้องเข้มงวดเรื่องนี้กับนักเรียนอย่างจริงจัง ซึ่งหากครูไม่ทราบข้อมูลนักเรียนจนปล่อยให้เกิดปัญหาความรุนแรงก็เท่ากับว่าระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนนั้นมีความบกพร่อง
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ตนให้ความสำคัญและสั่งกำชับเป็นพิเศษ ว่า สถานศึกษาต้องดูแล กวดขันไม่ให้เกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะวิวาทกันในลักษณะไหน อย่างไร ไม่ว่าจะในสถาบันเดียวกัน หรือต่างสถาบัน ขณะเดียวกัน ได้มีการออกประกาศกระทรวง เรื่องนโยบายป้องกันนักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท ซึ่งตนลงนามไปเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2552 ถือว่ายังมีผลบังคับใช้ ซึ่งทุกสถาบันต้องปฏิบัติตาม เนื้อหาสำคัญของประกาศ คือ ทุกสถาบันต้องบังคับใช้ระเบียบโดยเข้มงวด ใครกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ต้องดำเนินการทั้งทางวินัย และทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้สถาบันการศึกษากำหนดแผนป้องกันเหตุ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ และต้องอบรมทำความเข้าใจ ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และบุคลากร ด้วย รวมทั้งควรมีการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ละลายพฤติกรรมเด็กในสถาบันการศึกษาที่เป็นกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อนื่อง ที่สำคัญคือหากเกิดเหตุใดๆ ขึ้นผู้บริหารสถานศึกษานั้นๆ ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ปล่อยแล้วมาอ้างว่าไม่รู้
“สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามการนำเสนอข่าวจากสื่อมวลชนนั้นได้สั่งการให้สอบสวนแล้ว ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานความคืบหน้าจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ว่าจากการตรวจสอบตามที่เป็นข่าวใน จ.อุตรดิตถ์ ว่า ไม่ใช่นักเรีนสังกัด สพฐ.แต่อย่างไรก็ตาม ได้ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ตรวจสอบต่อไปจนกว่าจะได้ข้อเท็จจริง เพราะยังมีความเข้าใจที่สับสนกันอยู่ ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้รายงานเช่นกันว่า จากคลิปที่ปรากฏมีอยู่ 2 คลิป คลิปหนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานแล้วตั้งแต่ปี 2551 ส่วนอีกคลิปกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่” รมว.ศธ.กล่าว
