นักธุรกิจหญิงลำปางตั้งวงเสวนาลดความรุนแรงในครอบครัว

ลำปาง - กลุ่มนักธุรกิจสตรีเปิดห้องเสวนาระดมความคิดเห็น หาแนวทางป้องกันและลดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว

วันนี้(27 ส.ค.) ที่ห้องประชุม 5 ธันวา เทศบาลนครลำปาง สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย จ.ลำปาง ได้จัดการประชุมเสวนาพิทักษ์สังคมจากความรุนแรงในครอบครัวขึ้น เพื่อระดมความคิดเห็น กำหนดรูปแบบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ความรู้ ความเข้าใจสาระสำคัญเกี่ยวกับกฎหมายให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงเพื่อหามาตรการทางสังคมในการช่วยลดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว มีนายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานเปิด พร้อมบรรยายพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรง ต้นเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดลำปาง มีกลุ่มสตรี ผู้นำชุมชน ตัวแทนภาคราชการและเอกชน ร่วมประชุม

นายสามารถ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดลำปางว่า ปัจจุบันปัญหายาเสพติดในจังหวัดลำปางไม่รุนแรง เพราะราคายาบ้าสูงขึ้นเด็กเยาวชนหันไปดมกาว สูบบุหรี่ และดื่มสุรา มากขึ้น ซึ่งจากการสอบสวนเยาวชนที่กระทำผิดพิษ พบว่าก่อนเกิดเหตุส่วนใหญ่จะดื่มสุรา สูบบุหรี่และดมกาวทำให้ขาดสติหรือควบคุมตัวเองไม่ได้ป ระกอบกับทำให้เกิดความคึกคะนองจึงไปก่อเหตุ ไม่ว่าจะทะเลาะวิวาท ตบตีกัน ไล่ทำร้ายร่างคนอื่นแม้แต่ทำร้ายบุคคลในบ้านด้วย ดังนั้นทุกคนในสังคมจึงต้องช่วยกันในการควบคุมดูแลไม่ให้เยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องหรือคอยตรวจสอบผู้ใหญ่ที่เห็นแก่เงินทองเพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

นางชูเกียว เอื้อชัยชีพ นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ปัจจุบันความรุนแรงในครอบครัวมีหลายรูปแบบ และเกิดได้กับทุกกลุ่มอายุในครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มสตรี เด็กและผู้สูงอายุ ตัวเลขของศูนย์พึ่งได้ในโรงพยาบาล 297 แห่ง ในปี 2550 มีเด็ก สตรีและผู้สูงอายุ ถูกกระทำทารุณเข้ารับบริการเกือบ 2 หมื่นคน และ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ประเทศไทยจะมี พ.ร.บ.คุ้มครอง การกระทำรุนแรงในครอบครัว มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 2550 แต่จากการติดตาม พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่ามี พ.ร.บ.ตัวนี้ และเจ้าหน้าที่ยังไม่นำมาใช้อย่างจริงจัง

การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวในระยะยาว ควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้สาระความสำคัญของ พ.ร.บ. พร้อมทั้งติดตามให้หน่วยงานนำไปปฏิบัติในทุกระดับอย่างชัดเจนจริงจัง คาดว่าการประชุมในครั้งนี้ จะสามารถนำข้อสรุปแนวทางไปเผยแพร่สู่ประชาชนต่อไปได้