xs
xsm
sm
md
lg

สกัดดาวรุ่ง (ให้ริ่ง) เรื่องจริงในวงการมายา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากดาวรุ่งพุ่งแรงเตรียมเป็นดาวจรัสแสงในวงการบันเทิง เส้นทางของดาราหน้าใหม่หลายคนกลับต้องสะดุดลงเพราะเจอพิษข่าวฉาวสกัดดาวรุ่ง

งานนี้…นักร้องนักแสดงหลายคนจึงกลายเป็นดาราหน้าหนึ่งโดยไม่เต็มใจ ความหวังที่จะโด่งดังกลับดับวูบลงเพียงชั่วข้ามคืน เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดถึงมีข่าวทำนองนี้เกิดขึ้นถี่บ่อยครั้งในช่วงนี้ เป็นเพราะความบังเอิญที่ผิดพลาดหรือตั้งใจ หรือมี ‘ใคร’ อยู่เบื้องหลังของข่าวสกัดดาวรุ่งเหล่านี้?


เมื่อดาวรุ่งกลายเป็นดาวร่วง

‘จุ๋ม-นุสรา’ เจอสกัดดาวรุ่ง ภาพสุดหวือว่อนเน็ต
‘อาร์ตี้’ บุญชู 9 อึ้ง คลิปฉาวสกัดดาวรุ่ง
‘สายป่าน’ เศร้า! เจอสกัดดาวรุ่งปล่อยข่าวติดยา
มาริโอ้ ปัดคู่เกย์ วิน ชินข่าวสกัดดาวรุ่ง


เป็นตัวอย่างพาดหัวบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ประเภทหัวสี ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นี่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเบาะๆ…เพราะหากยกตัวอย่างข่าวสกัดดาวรุ่งทั้งหมดมารวมกัน ความยาวอาจประมาณน้องๆ หนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คสักเล่ม

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในยุคสมัยนี้ ข่าวดีไม่ค่อยมีใคร (อยาก) อ่าน แต่ข่าวฉาวๆ โดยเฉพาะข่าวดาราด้วยแล้ว กลับเป็นที่สนอกสนใจของมวลชนยิ่งกว่าข่าวการเมืองเสียอีก เห็นได้จากการเกิดของหนังสือประเภทกอสซิปดารามากมายจนแทบจะล้นแผง
และหากลองสังเกตข่าวพาดหัวดีๆ คุณอาจพบว่าข่าวดาราหน้าหนึ่งทุกวันนี้ 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปมักเป็นข่าวฉาวและสกัดดาวรุ่งแทบทั้งสิ้น

อาร์ม อิสระ บรรณาธิการนิตยสารสตาร์ส์อัลบั้ม บอกเล่าให้ฟังว่าที่จริงข่าวสกัดดาวรุ่งในวงการบันเทิงมีมานานแล้ว และส่วนใหญ่ต้นตอก็มักจะมาจาก ‘ผู้จัดการดารา’ เป็นคนปล่อยข่าวสกัดดาวรุ่ง โดยใช้เทคโนโลยีอย่างอินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นเครื่องมือ

“พวกผู้จัดการนี่ยิ่งตัวดี ถ้าเกิดว่าเด็กของเค้าตกไปอยู่ช่องเดียวกันกับอีกคนหนึ่ง งานมันจะมาเหมือนกัน เขาแค่ปล่อยข่าว สร้างข่าวแค่นั้นเอง มันก็จบแล้ว”

โดยเหตุผลสำคัญในการสกัดดาวรุ่ง ก็มีสาเหตุจากการแย่งงานกันนั่นเอง

“บรรดานักปั้น บรรดาผู้จัดการทั้งหลายจะไม่ค่อยถูกกันอยู่แล้วเพราะต่างแย่งงานละครกันมั่ง แย่งงานโฆษณากัน โดยเฉพาะโฆษณานี่ตัวดีเลย…เพราะค่าตัวมันแพง ก็ดูท่าว่า เฮ้ย มันจะไปอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็แซะซะก่อน ก่อนที่จะดังไปกว่านี้ ก็จะประมาณทำลายเด็กคนนี้ของในเครือค่ายนี้ มันจะได้เดี้ยงๆ กันไป มันจะลดความเชื่อถือในตัวของค่ายของผู้จัดการไปด้วย ส่วนคนอื่นที่ดังอยู่แล้ว ก็อาจจะถูกข้อหาหมั่นไส้ มันก็มี…อยู่ดีๆ แบบว่าเออๆ หมั่นไส้มันน่ะ สักนิดหนึ่ง สักดอกหนึ่งอะไรอย่างนี้”

ด้านวิธีการดิสเครดิตที่ฝ่ายตรงข้ามจะหยิบมาใช้สกัดดาวรุ่งดาราทั้งใหม่และเก่า ก็มีสารพัดวิธีนับตั้งแต่วิธีการเบสิคอย่างปล่อยข่าวลือในทางเสียหายแก่ดารา ไม่ว่าจะเรื่องการขาดวินัยในการทำงานอย่างมาสาย, ขี้วีน, ดังแล้วหยิ่ง, เบี้ยวงาน,โก่งค่าตัว ฯลฯ เป็นต้น

ขยับขึ้นมาอีกหน่อยก็คือการกล่าวหาเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว อาทิเช่น กล่าวหาว่าเป็นมือที่สาม หากเป็นดาราชายก็มักจะตกเป็นข่าวว่าชอบไม้ป่าเดียวกันหรือเป็นเกย์ แต่หนักที่สุดก็เห็นจะเป็นการขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตมาแฉ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมแย่ๆ ของดาราคนนั้นอย่างเป็นเด็กเที่ยว ติดยา ใจแตก เคยแต่งงานมาแล้ว เป็นเมียน้อย ไปจนถึงภาพหวือหวาและคลิปหลุด ซึ่งวิธีการหลังนี้ใช้ได้ผลในการดิสเครดิตดารายิ่งกว่าวิธีอื่น เพราะมีหลักฐานมัดตัวชัดเจน ยากที่จะปฏิเสธ

กรณีตัวอย่างดาราที่ถูกคลิปสกัดดาวรุ่งเล่นงานล่าสุด คือ ดาราสาวหน้าใหม่อย่าง ดิว- อริสรา ทองบริสุทธิ์ เพื่อนสาวคนสนิทของ กอล์ฟ-พิชยะ นิธิไพศาลกุล นักร้องวัยรุ่นชื่อดัง ที่มีมือดีปล่อยคลิปคนหน้าเหมือนเธอกำลังยกพวกรุมกระหน่ำตบและบังคับรุ่นน้องให้ก้มลงกราบว่อนไปทั่วอินเทอร์เน็ต หลังจากถูกสังคมกดดันและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ในที่สุดดาราสาวก็ต้องออกมาแถลงข่าวยอมรับและขอโทษ ทำให้อนาคตของเธอที่น่าจะสดใสในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรงต้องหมองมัวลงไปเพราะข่าวนี้

ดิสเครดิตคำโต-วิธีรับน้องใหม่วงการบันเทิง

อย่างไรก็ตาม บก.นิตยสารสตาร์ส์อัลบั้มยอมรับว่า ข่าวสกัดดาวรุ่งนั้นใช่ว่าจะเป็นข่าวลือที่กุขึ้นทั้งหมด เพราะส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นข่าวที่มีมูลความจริงเกินกว่าครึ่ง

“ปัจจุบันถ้าเกิดว่าอยากจะโจมตีใครสักคน อาจจะเอาเรื่องเสียๆ หายๆ ของเขา ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องจริงบ้างหรือไม่จริงบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นจริงสักเจ็ดสิบ หรืออาจจะแปดสิบ อาจจะแบบเป็นสิ่งที่มันไม่ดีมาแต่ก่อนหน้านี้ เหมือนอย่างน้องดิวเด็กโกโก้ (ผู้จัดการนักแสดง) ถ้าเกิดว่าเราจะทำให้ตัดทางเค้า เหมือนอย่างที่ตอนนี้ที่มีคนไปปล่อยคลิปสมัยเค้ายังเด็กๆ ตั้งแต่ ม.3 ที่เค้าไปตบกัน มันแล้วแต่ว่าเราจะมีลูกเล่นในการสกัดเขายังไง

“ถ้าดาราคนไหนมีข่าวบ่อย ก็เหมือนอย่างขวัญ-อุษามณี ตอนนั้นมีข่าวเพราะว่าขวัญเค้ากำลังจะได้ละคร ‘ฟ้าจรดทราย’ ในขณะที่นางเอกช่อง 7 คนอื่นเค้ารอมาเป็นชาติแล้วยังไม่ได้เลย พอมีข่าวออกมาปั๊บ ก็จะมีข่าวขวัญเสียหายออกมาเยอะมากเลย เพราะอะไร เพราะว่าต้องการจะตัดทางตรงนี้ไง…คือหมายถึงว่าอย่าให้ยูได้แล้วกัน เพราะว่ามีข่าวฉาวๆ เดี๋ยวคุณแดงก็ปลด ซึ่งในใจของผู้ใหญ่เราไม่รู้ไง”

ซึ่งการจะสกัดดาวรุ่งใครนั้น ผู้ที่จะทำก็ต้องมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อมวลชนพอสมควร มิฉะนั้นคงยากที่จะตัดทางโตของนักแสดงคนอื่นๆ ได้สำเร็จ

“ผู้จัดการดาราจะสนิทกับนักข่าว ถ้าผู้จัดการส่วนตัวสนิทกับนักข่าวก็สบายแล้ว สามารถขอให้เขียนเชียร์ดาราได้ บางครั้งก็อาจจะมาในทำนองรูปแบบว่า นี่ๆ มีข่าวอะไรจะบอก อาจจะเป็นการซุบซิบของอีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่ถูกกับเรา ก็อย่างที่บอกว่าอยู่ที่ลูกเล่นของผู้จัดการส่วนใหญ่”

นอกจากผู้จัดการส่วนตัวของดาราแล้ว ‘แฟนคลับ’ ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งในการสร้างกระแสสกัดดาวรุ่งได้ไม่แพ้กัน

“สมมติในช่วงที่ดาราทั้งสองคนกำลังแข่งขันกัน ส่วนใหญ่มันจะมีพ้อยท์อยู่ที่ว่าถ้าเกิดกำลังแข่งกับใครสักคนหนึ่ง แฟนคลับจะไม่ถูกกันอยู่แล้ว แฟนคลับบางส่วนจะไม่ถูกกันเพราะว่าเค้าจะจงรักภักดีกับดาราของเค้าสุดยอดสุดชีวิต แฟนคลับจะหานู่นหานี่มา แล้วพวกนี้เค้าเก่งนะ เก่งกว่านักข่าวอีก จะไปหาจุดบอดอะไรต่างๆ เยอะแยะมาเล่นโจมตี แต่มีน้อยมากสำหรับแฟนคลับแบบนี้ แฟนคลับส่วนใหญ่จะนิสัยดี”

ยิ่งฉาว ยิ่งดัง

อาชีพที่ต้องอาศัยสื่อตลอดเวลาอย่างดารานักแสดงนั้น การตกเป็นข่าวหมายถึงว่ายังอยู่ในกระแสความสนใจของสังคม แน่นอน…ย่อมหมายถึงชื่อเสียงและงานที่จะตามมา ดาราหลายคนจึงเลือกที่จะตกเป็นข่าว ดีกว่าเงียบเชียบไม่มีข่าวใดๆ เลย
แม้ว่าในบางครั้ง ข่าวนั้นจะไม่ใช่ข่าวดีก็ตาม เพราะในทางตรงข้าม ข่าวบางข่าวก็มาพร้อมกับชื่อเสีย (ง) ที่ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นแลกกับการยอมเปลืองตัวนิดหน่อย เข้าทำนองยิ่งฉาว ยิ่งดัง…

บางครั้งภาพหรือคลิปดาราที่หลุดออกมานั้น จึงกลายเป็นแผนการโปรโมตดารานักแสดงคนนั้นๆ อีกทางหนึ่ง ซึ่งบางครั้งก็ทำได้เนียน แต่บางครั้งก็ดูรู้ว่าจงใจให้ ‘หลุด’ ก็มี

“สื่ออินเทอร์เน็ตเราสามารถเอาไปพลิกแพลงทำอะไรก็ได้ แต่จำอะไรไว้อย่างหนึ่งว่า ในบางครั้งสื่ออินเทอร์เน็ตถ้าคุณไปเล่น มันเป็นดาบสองคมนะ ถ้าคุณเชื่อก็ดีไป แต่ถ้าคุณไม่เชื่อเดี๋ยวคุณก็จะเจอเหมือนตัวอย่างที่เห็นกัน” อาร์ม อิสระ ให้ความเห็น

หากจะว่าไปแล้ว ปัจจัยหนึ่งที่ถือเป็นตัวเพิ่มกระแสให้เรื่องแบบนี้ออกมามากก็คือ ข่าวบันเทิงนั่นเอง เพราะทันทีที่มีข่าวปรากฏขึ้น นักข่าวบันเทิงก็ไม่รอช้า พากันเกาะติดข่าวดังกล่าวโดยพลัน จนส่งผลให้ข่าวฉาวจำนวนมากเป็นที่รับรู้ของสาธารณชน

ทัศน์สรวง วรกุล นายกสมาคมนักข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย แสดงทัศนะว่าแท้ที่จริงแล้ว การที่มีข่าวแบบนี้ออกมาไม่ได้หมายความว่าสื่อบันเทิง ชอบข่าวแบบนี้ เพราะหากไปดูตามนิตยสารข่าวบันเทิงก็จะพบว่า มีข่าวน้ำดี มีสาระเยอะแยะไปหมด เพราะฉะนั้นการมีข่าวกอสซิปปบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นสีสันของหนังสือ การมองว่าสื่อจ้องแต่จะนำเสนอข่าวฉาวเพียงอย่างเดียวนั้น จึงถือเป็นการมองสื่อในภาพลบจนเกินไป

“ถ้าจะว่ากันจริงแล้ว นักข่าวไม่ใช่ตัวจุดประเด็นนะ ข่าวพวกนี้ส่วนใหญ่จะออกมาจากอินเทอร์เน็ต อย่างพวกภาพอะไรที่ดูแล้ว มันเสื่อมเสีย หรือเป็นภาพโป๊ ภาพหลุด แบบนี้เยอะ แล้วพอมันหลุดมาแล้ว ก็เกิดเป็นกระแส พอเป็นกระแส นักข่าวก็ต้องตามข่าวว่า ภาพหรือคลิปนี้มันออกมาได้ยังไง เกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ถ้าพูดให้ถูกก็คือนักข่าวก็ต้องทำตามหน้าที่ของตัวเองในการเผยแพร่ข่าวที่เป็นกระแสในขณะนั้น

“และหากว่ากันจริงๆ สื่อที่เล่นข่าวพวกนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นสื่อสิ่งพิมพ์นั่นแหละ โดยเฉพาะสื่อใหญ่ ถ้าจะว่าไปแล้ว หากสื่อใหญ่เขาไม่พาดหัว ไม่นำเสนอ ก็คงไม่มีใครอยากเล่นหรอก แต่พอเขาเสนอไปแล้ว สื่ออื่นไม่เล่นตาม ก็เหมือนกับตกข่าวใช่ไหม คือบางทีน้องๆ เขาก็ไม่อยากทำหรอก แต่พอ บก. สั่งให้ไปทำ สั่งให้ตามข่าวนี้ ให้ได้ภาพนี้ เจาะให้ได้ เขาก็ต้องตาม อีกอย่างก็คือ สื่อสิ่งพิมพ์การเซ็นเซอร์มันน้อยนะ เมื่อเทียบกับทีวี คือสังเกตได้เลยว่าทีวีไม่ค่อยออกเลยข่าวพวกนี้ เพราะมันมีระบบเซ็นเซอร์ ขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์มันนำเสนอได้ชัดมากกว่า บางทีภาพโจ่งครึ๋ม ตัดคอก็ยังนำเสนอ ไม่ต้องมาคิดหน้าคิดหลัง”

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ว่าภาพหรือคลิปที่ออกมานั้น จะเป็นการประชาสัมพันธ์หรือความพยายามสร้างกระแส นายกสมาคมนักข่าวบันเทิงฯ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า แรกๆ ก็คงไม่ใครกล้า แต่พอๆ นานไป ก็เริ่มไม่แน่ เพราะเมื่อคลิปหรือภาพที่หลุดดังจนเกิดเป็นกระแสได้ บางคนที่หวังจะมีชื่อเสียงก็อาจจะตั้งใจให้ภาพเหล่านี้หลุดออกก็เป็นไปได้ หรือดาราบางคนที่ถูกพวกปาปารัซซี่ตามถ่ายรูป อาจจะรู้สึกอึดอัด เพราะฉะนั้นเขาก็อาจจะตั้งใจให้ถ่ายเลย เพื่อเป็นการตัดรำคาญ

ส่วนกระแสที่หลายคนมองสื่อบางฉบับ เป็นตัวการปล่อยข่าวเหล่านี้ เนื่องจากต้องการดันเด็กในสังกัดหรือดาราที่ตัวเองเชียร์ ก็เลยปล่อยข่าวทำลายคู่แข่งซะเอง ทัศน์สรวง กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่คิดว่าคงมีน้อยมาก เพราะนิตยสารข่าวบันเทิงส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีเด็กในสังกัดของตัวเอง ข่าวที่นำเสนอก็ถูกต้องตามเนื้อผ้าอยู่แล้ว โดยส่วนตัวแล้วมองว่าสื่อส่วนใหญ่นั้นมีจรรยาบรรณ

“จริงมันก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ คือสื่อบางแห่งเขาก็มีวาระซ่อนเร้นอยู่ อย่างที่เราได้ยินข่าวบ่อยๆ ว่าสื่อฉบับนั้นขัดแย้งกับคนนี้ บก.คนนั้นมีเด็กอยู่ในสังกัด แล้วเผอิญเด็กไปทะเลาะกับดาราคนอื่น สื่อก็เลยเขียนข่าวทำลายดาราอีกฝั่ง เหมือนกับการปกป้องเด็กตัวเอง อย่างนี้ก็มี แต่เชื่อว่ามันเป็นส่วนน้อยนะ” นายกสมาคมนักข่าวบันเทิงฯ กล่าวทิ้งท้าย

ตราบใดที่คนยังชอบเสพข่าวฉาวดารา ข่าวสกัดดาวรุ่งทำนองนี้ก็คงยังปรากฏให้เห็นบนสื่อต่อไป…

*****

เรื่อง : ทีมข่าว CLICK

ดิว อริสรา ดาราสาวที่ถูกคลิปในอดีตมาสกัดดาวรุ่งล่าสุด







กำลังโหลดความคิดเห็น