ASTVผู้จัดการรายวัน- ก.พลังงาน- เอกชนยันเซาท์เทิร์นซีบอร์ดจำเป็นต้องเกิดเหตุภาคตะวันออกโดยเฉพาะมาบตาพุดไม่มีพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมหนักโดยเฉพาะปิโตรเคมีเพิ่มอีกแล้ว ขณะที่ภาคอื่นๆเป็นไปได้ยากเหตุไม่สามารถสร้างท่าเรือน้ำลึกได้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หากนโยบายรัฐบาลยืนยันชัดเจนถึงการไม่สนับสนุนการลงทุนอุตสาหกรรมหนักโดยเฉพาะเหล็กและปิโตรเคมีในพื้นที่ภาคใต้หรือโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้(เซาท์เทริ์นซีบอร์ด)ก็จะมีผลกระทบต่อการลงทุนปิโตรเคมีในอนาคตเนื่องจากพื้นที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดหรือบริเวณภาคตะวันออกนั้นไม่สามารถรองรับได้แล้วซึ่งคงจะต้องขอความชัดเจนในภาพรวมเพราะจะมีผลต่อการวางแผนพัฒนาระบบท่อก๊าซและปิโตรเลียมของประเทศด้วย
นายสมมาต ขุนเศษฐ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า เอกชนยังยืนยันว่าเซาท์เทิร์นซีบอร์ดยังมีความจำเป็นที่ไทยจะต้องพัฒนาอยู่เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเท่ากับว่าไทยจะไม่มีพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมหนักเนื่องจากพื้นที่ภาคตะวันออกโดยเฉพาะมาบตาพุดไม่สามารถรองรับการลงทุนได้เพิ่มมากไปกว่าปัจจุบันที่อนุมัติไปแล้ว ขณะที่พื้นที่ภาคอื่นๆ เองไม่สามารถสร้างท่าเรือน้ำลึกได้จึงเป็นเรื่องยากที่จะไปพัฒนาที่อื่นแทน
“ เรื่องนี้เอกชนเองก็ยังสับสนไม่แน่ใจว่านโยบายรัฐบาลแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรบ้างคิดว่าเร็วๆ นี้คงจะต้องสอบถามกันให้ชัดเจนเพราะเห็นว่าเหล็ก และปิโตรเคมีเป็นอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานของอุตสาหกรรมอื่นๆ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับไทยมากหากไม่มีที่ให้ตั้งลงทุนไทยจะลำบาก”นายสมมาตกล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันกล่าวว่า อุตสาหกรรมหนักทั้งเหล็กและปิโตรเคมีต้องยอมรับว่าพื้นที่ในไทยมีจำกัดมากในการลงทุนเมื่อแถบมาบตาพุดหรือภาคตะวันออกเต็มแล้วมีเพียงพื้นที่บริเวณภาคใต้เท่านั้นที่จะรองรับได้เพราะอุตสาหกรรมเหล่านี้มีข้อจำกัดในการขนส่งที่จะต้องมีท่าเรือน้ำลึก
หากรัฐบาลไม่เน้นให้อุตสาหกรรมดังกล่าวไปยังพื้นที่ภาคใต้เท่ากับไทยกำลังเพิ่มเงื่อนไขในการลงทุนมากขึ้นซึ่งในที่สุดจะทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่ได้เปรียบในการดึงการลงทุนเพิ่มขึ้นอีก
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หากนโยบายรัฐบาลยืนยันชัดเจนถึงการไม่สนับสนุนการลงทุนอุตสาหกรรมหนักโดยเฉพาะเหล็กและปิโตรเคมีในพื้นที่ภาคใต้หรือโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้(เซาท์เทริ์นซีบอร์ด)ก็จะมีผลกระทบต่อการลงทุนปิโตรเคมีในอนาคตเนื่องจากพื้นที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดหรือบริเวณภาคตะวันออกนั้นไม่สามารถรองรับได้แล้วซึ่งคงจะต้องขอความชัดเจนในภาพรวมเพราะจะมีผลต่อการวางแผนพัฒนาระบบท่อก๊าซและปิโตรเลียมของประเทศด้วย
นายสมมาต ขุนเศษฐ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า เอกชนยังยืนยันว่าเซาท์เทิร์นซีบอร์ดยังมีความจำเป็นที่ไทยจะต้องพัฒนาอยู่เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเท่ากับว่าไทยจะไม่มีพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมหนักเนื่องจากพื้นที่ภาคตะวันออกโดยเฉพาะมาบตาพุดไม่สามารถรองรับการลงทุนได้เพิ่มมากไปกว่าปัจจุบันที่อนุมัติไปแล้ว ขณะที่พื้นที่ภาคอื่นๆ เองไม่สามารถสร้างท่าเรือน้ำลึกได้จึงเป็นเรื่องยากที่จะไปพัฒนาที่อื่นแทน
“ เรื่องนี้เอกชนเองก็ยังสับสนไม่แน่ใจว่านโยบายรัฐบาลแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรบ้างคิดว่าเร็วๆ นี้คงจะต้องสอบถามกันให้ชัดเจนเพราะเห็นว่าเหล็ก และปิโตรเคมีเป็นอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานของอุตสาหกรรมอื่นๆ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับไทยมากหากไม่มีที่ให้ตั้งลงทุนไทยจะลำบาก”นายสมมาตกล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันกล่าวว่า อุตสาหกรรมหนักทั้งเหล็กและปิโตรเคมีต้องยอมรับว่าพื้นที่ในไทยมีจำกัดมากในการลงทุนเมื่อแถบมาบตาพุดหรือภาคตะวันออกเต็มแล้วมีเพียงพื้นที่บริเวณภาคใต้เท่านั้นที่จะรองรับได้เพราะอุตสาหกรรมเหล่านี้มีข้อจำกัดในการขนส่งที่จะต้องมีท่าเรือน้ำลึก
หากรัฐบาลไม่เน้นให้อุตสาหกรรมดังกล่าวไปยังพื้นที่ภาคใต้เท่ากับไทยกำลังเพิ่มเงื่อนไขในการลงทุนมากขึ้นซึ่งในที่สุดจะทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่ได้เปรียบในการดึงการลงทุนเพิ่มขึ้นอีก