xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คเล่นมุกไม่มีตังค์อยู่ตปท.ไม่ได้-ไปสหรัฐฯต้องกลับมาแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ช่วงที่ 2 วานนี้ (20 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้นำเทปบันทึกภาพรายการ เมื่อวันเสาร์ที่ 19 ก.ย.ที่เชิญ น้องเดียว ด.ช.พันธดนย์ เกลี้ยงจันทร์ เด็กอัจฉริยะจากรายการเกมส์ทศกัณฐ์เด็ก และกลุ่มเยาวชนจากกลุ่ม แรงคิด ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหลานบุคคลเดือนตุลา มาร่วมเป็นพิธีกรซักถาม เนื่อจากวันที่ 20 ก.ย. เป็นวันเยาวชนแห่งชาติ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เลือกที่จะใส่เสื้อของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เป็นเสื้อสีแดงคาดเหลือง โดยกล่าวว่า ตนเป็นอาจารย์ธรรมศาสตร์อยู่ก่อน ไม่ได้มีนัยอะไรแอบแฝง และคิดว่าคนไทยใครอยากใส่เสื้อสีอะไรก็ได้
โดยเยาวชนได้ถามถึงการแก้ปัญหาความขัดแย้ง นายกรัฐมนตรี ตอบว่า เรื่องคนมีความเห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องปกติ แต่ในสังคมสิ่งที่ไม่ต้องให้ทำคือว่า 1. ไปถึงขั้นความรุนแรง เถียงกันได้ แต่ถ้าลงไม้ลงมือกันไม่ถูกต้อง และยิ่งถ้าหากว่าถึงขั้นใช้อาวุธ อันนี้ไม่ได้เลย 2. ถึงที่สุดเวลาที่เห็นไม่ตรงกัน มันต้องมีกติกาว่าจะจบอย่างไร สมมติบอกว่า เป็นเรื่องนโยบาย เรื่องการเมือง เราก็ต้องไปจบที่การเลือกตั้ง ประชาชนก็ตัดสิน แต่สมมติเป็นเรื่องว่าคนนั้นทำผิด ผิดกฎหมายหรือเปล่า จบที่ไหน ก็ต้องไปจบที่ศาล ถ้าทุกคนยอมรับอย่างนี้ สังคมก็อยู่ได้
ไม่มีทางทำให้ทุกคนเห็นตรงกันหมด แต่สิ่งที่พยายามทำให้ได้คือว่า ขอบเขต เห็นไม่ตรงกันแสดงออกอย่างไร กับสองมันมีที่สิ้นสุดที่ทุกตนยอมรับเรื่องนี้จบที่นี่ เรื่องนี้จบที่นี่ แล้วเราก็เคารพกระบวนการตรงนั้น
ส่วนที่ได้ยินมาว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีไปต่างประเทศแล้วอาจไม่ได้กลับมานั้น นายอภิสิทธิ์ ยิ้ม ก่อนจะตอบว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ดีครับ เด็กๆ จึงถามว่า ทำไมไม่กลัว และนายกรัฐมนตรีคิดอย่างไรในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันก็สะท้อนให้เห็นว่าบ้านเมืองก็ยังมีปัญหาอยู่ มีความขัดแย้ง ก็แสดงให้เห็นว่าคนยังวิตกกังวลอยู่ว่าพอขัดแย้งแล้วจะเกิดความรุนแรงหรือไม่ ก็เป็นความวิตกกังวล
บังเอิญ 3 ปีที่แล้วอย่างที่ว่า อดีตนายกฯ เดินทางไปเกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้น ก็เลยมาเทียบเคียง เดี๋ยวไปแล้วเป็นอย่างนั้นบ้าง แต่ว่าผมไม่มีตังค์อยู่ต่างประเทศอยู่แล้วครับ ผมต้องหาทางกลับมาอยู่แล้วครับ ผมก็ยืนยันนะครับว่าผมกลับมาแน่ครับ
สำหรับปัญหาต่างๆ จะจบแบบ Happy ending อย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าสุดท้ายเลยต้องการเห็น ทุกคนอยู่ในสังคมเดียวกัน แล้วก็มีความสุขในการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ หรือมีส่วนร่วมในการ ช่วยกำหนดอนาคตของบ้านเมือง แล้วก็บางคนหรือว่าจริงๆ ทุกคนก็คงได้บางเรื่องที่ตัวเองอยากเห็นเกิดขึ้นแล้วได้ และก็จะต้องอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้ แต่ว่ายอมรับได้ ถ้าการตัดสินนี้มันเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย แล้วจริง ๆ ถ้าทุกคนยอมรับกติกาได้ ความสุขมันเกิดขึ้นเอง
เด็กๆ ถามว่าทำไมในรัฐสภาเวลาประชุมกันถึงได้แจกกล้วย แจกวรนุชกัน ท่านไม่ทราบว่ากำลังถ่ายทอดสดอยู่หรือ และเด็ก ๆ อย่างหนูควรเอาเยี่ยงอย่าง หรือเปล่า แล้วรายการนี้ควรจัดอยู่ในเรตอะไร นายกรัฐมนตรี ตอบว่า หนึ่งตนไม่เคยทำ สองก็คือว่าคนเราคงเกิดอารมณ์ แต่เรื่องปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม มันไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ไม่เหมาะสมก็คงต้องอยู่ที่ประชาชนว่าอยากจะได้ผู้แทนฯ แบบนี้ไหม ก็ต้องจดใส่บัญชีไว้ ผู้แทนฯ คนนี้พูดดีทำดีก็สนับสนุน ผู้แทนฯ คนนี้ไม่ควร จะเอาเป็นตัวอย่าง คราวหลังก็อย่าให้เป็นผู้แทนฯ เอาอย่างนี้ละกัน ง่ายที่สุด
สำหรับการบ้านของนายกรัฐมนตรีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการบ้านใหญ่ๆ มีอยู่ 2-3 ข้อ คือข้อแรกเศรษฐกิจตอนนี้โลกเจอเศรษฐกิจวิกฤตปัญหารุนแรงที่สุด ในรอบหลายสิบปี เอาให้ประเทศไทยผ่านพ้นตรงนี้ไป โดยคนเดือดร้อนน้อยที่สุด และก็พร้อมๆ กันไปก็ทำยังไงให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาและคนทำมาค้าขาย มีงานทำ ก็ทำมา 9 เดือน ก็เริ่มดีขึ้นพอสมควร แต่ยังไม่ดีพอก็ต้องทำต่อ
การบ้านข้อที่ 2 คือสังคมแตกแยก สังคมขัดแย้งจะทำกันอย่างไร และการบ้านใหญ่ที่สุดก็คือคุณภาพชีวิตคน ซึ่งปัญหาก็จะแตกต่างกัน เพราะว่าบางพื้นที่ ก็บอกว่าอยากได้แหล่งน้ำ อยากได้ถนน ตอนนี้ก็ทำเรื่องไทยเข้มแข็ง ทำเรื่องผู้สูงอายุให้มีเบี้ยยังชีพ ซึ่งเราอยากจะให้ทุกคนเหมือนกับมีประกันสังคมของตัวเอง เก็บเงินรัฐบาลสมทบ พอถึงเวลาเกษียณไม่ทำงานแล้วก็เอาเงินตัวนี้ออกมาใช้ ก็อยากจะทำของแบบนี้ แนอกจากนี้ปัญหาสังคมก็เยอะ ยาเสพติดหลายพื้นที่ยังเป็น การบ้านข้อใหญ่ ถ้าเพื่อนๆ เราอยู่ 3 จังหวัดภาคใต้ ก็ต้องบอกการบ้านข้อใหญ่คือ ความสงบใน 3 จังหวัด เยอะไปหมดเลยถ้ามาช่วยตนทำได้ก็ดี
ต่อข้อถามว่า ท่านจบการศึกษาจากเมืองนอกด้านการเมือง เศรษฐศาสตร์ และปรัชญา แต่นโยบายของรัฐบาลที่ออกมามีลักษณะเป็นนโยบายประชานิยม มันสวนทางกับสิ่งที่เรียนมาหรือไม่ และถ้าประเทศไทยใช้นโยบายประชานิยมต่อไป จะประสบปัญหาเหมือนประเทศแถบลาตินอเมริกาหรือเปล่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนจะนิยามประชานิยมไม่ค่อยเหมือนกัน คือบางคนเขาบอกอะไรถูกใจประชาชน แบบว่าประชานิยม ถ้าอย่างนั้นก็ยอมรับว่า หลายนโยบายก็คงจะต้องประชานิยม เพราะว่าถ้าทำแล้วประชาไม่นิยมก็คงจะลำบาก
แต่ที่ประชานิยมในความหมายที่น้องพูดถึงประสบการณ์ของบางประเทศ ก็คือ 1.ปรากฏว่าทำไปแล้ว ต่อไปรัฐบาลไม่มีสตางค์ที่จะทำ ก็เกิดปัญหาหนี้สินท่วม ระบบเศรษฐกิจล้ม ก็ขอยืนยันว่าทุกนโยบายที่รัฐบาลทำอยู่ จะมีการคำนวณตัวเลขไปล่วงหน้า จะเรียนฟรี ผู้สูงอายุ อะไรต่าง ๆ เงินจะต้องใช้ในอนาคตเท่าไหร่ และมีการประเมินว่ากำลังของรัฐบาล เศรษฐกิจโตเท่านี้จะเก็บภาษีได้เท่านี้ มีปัญหาไหม ก็ยืนยันเลยว่าขณะนี้เนื่องจากเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ หนี้สินรัฐบาลจะพุ่งสูงขั้น แต่เท่าที่ดูขณะนี้ยังเชื่อว่าสัดส่วนไม่มีต่อรายได้ของประเทศ จะไม่สูงเท่ากับเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ตอนที่เจอวิกฤต ที่เขาเรียกต้มย้ำกุ้ง เพราะฉะนั้น ไม่มีปัญหา
2. ประชานิยมที่บอกว่า ลด แลก แจก แถม แต่สิ่งที่รัฐบาลให้ในขณะนี้ เช่น เรื่องเรียนฟรี ผู้สูงอายุ ตนไม่ถือว่าเป็นลด แลก แจก แถม แต่ถือว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นสวัสดิการที่คนเหล่านี้ต้องได้ แต่ถ้าไปให้อย่างอื่นก็คงไม่เหมาะ เช่น ให้แล้ว ก็ทำให้คนอ่อนแอลง เพราะว่าบางเรื่องเราก็พยายามทำ อย่างเรื่องชุมชนพอเพียง ที่สมัยก่อนเป็นโครงการ SML และโครการอยู่ดีมีสุข โดยเอาเงินลงไป แล้วชาวบ้านก็ไปคิด กันว่าจะใช้ทำอะไร ก็พบความจริงว่าหลายโครงการก็ค่อนข้างที่จะสิ้นเปลืองและหลายโครงการก็อาจจะมีทุจริตด้วย
แต่พอเราเข้ามาเราก็บอกว่าทำไมเราไม่เอาแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาจับ ก็ไปทำเรื่องชุมชนพอเพียง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้ผลดี แต่ก็น่าเสียใจว่าก็เกิดทุจริตอีก ก็ยังเป็นเรื่องที่จะต้องแก้ไขกันไป โครงการเหล่านี้จะเรียกประชานิยมหรือไม่ก็ตาม แต่ต้องการให้เป็นโครงการที่มีความยั่งยืน และจริงๆ แล้วช่วงต่อไปนี้ 3 ปีข้างหน้า ที่พูดถึงไทยเข้มแข็ง เงินของรัฐบาลที่ลงไปจะย้อนกลับมาเป็นแหล่งน้ำ เป็นถนน เป็นโรงเรียนที่ดีขึ้น เป็นสถานีอนามัยที่ยกระดับเป็นโรงพยาบาลสุขภาพตำบล มันจะทำให้ประเทศ เศรษฐกิจ สังคม มีความเข้มแข็งมากขึ้นและจะมีผลตอบแทนกลับมา เราต้องเห็นภาพที่มันต่อเสร็จก่อน แล้วค่อยมาดูว่ารอยหยักที่มาต่อตรงนี้กับตรงนี้มันต่อกันยังไง
กำลังโหลดความคิดเห็น