"ดร.เจิมศักดิ์" เย้ยฎีกาหางแดง แค่กิจกรรมหาทางลง ชี้พลังเสื้อแดงแผ่วระบอบทักษิณกำลังตาย แนะยื่นถวายฎีกาผิดหลักรัฐธรรมนูญ น่าจะมีโทษถึงขั้นยุบพรรคเช่นเดียวกับการเลือกตั้ง เหน็บฝ่ายค้านตัวทำลายประเทศ ไม่ทำงานแล้วยังเชิญทูต ตปท. สาวไส้ทำลายความน่าเชื่อถือประเทศอีก
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "รู้ทันประเทศไทย"
รายการ “รู้ทันประเทศไทย”ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 18.30-20.00 น. สำหรับวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2552 โดยมี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายสันติสุข มะโรงศรี ดำเนินรายการ ในช่วงมุมมองเจิมศักดิ์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง พูดถึงเรื่องจุดประสงค์การยื่นฎีกาและบทบาทหน้าที่ของฝ่ายค้าน
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่า พลังเสื้อแดงกำลังแผ่วลง ดูได้จากหลังเหตุการณ์สงกรานต์เลือด แนวร่วมหายไปเยอะ และการยื่นถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้ ทำไปเพื่อต้องการหาทางลง เพราะเมื่อขึ้นไปขี่หลังเสือแล้วลงยาก ดังนั้นอยู่ดีๆจะหยุดเคลื่อนไหวทันที มันก็ไม่ได้ จึงต้องจัดกิจกรรมเพื่อหาทางลง นอกจากนี้ นายสุรชัย แซ่ด่าน สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล รศ. ใจ อึ๊งภากรณ์ ที่เป็นคนเสื้อแดงดั้งเดิมแท้ๆด้วยกัน ยังไม่เห็นด้วยกับการยื่นรายชื่อถวายฎีกา เพราะเขามองออก ว่า คนเสื้อแดงหรือพลังทักษิณ กำลังแผ่วลง เพราะตามปกติของคนเมื่อทุ่มแททำอะไรอย่างสุดตัวแล้วไปต่อไม่ได้ ก็ย่อมทำให้มีจิตใจเศร้าหมองห่อเหี่ยวไปด้วย จึงต้องหันไปพึ่งพิธีกรรม ไสยศาสตร์ และจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำพิธีตัดกรรม หงายบาตร ตนวิเคราะห์ได้เลยว่า ขณะนี้ระบอบทักษิณกำลังจะตาย
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การที่นายประชา ประสพดี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาประกาศว่าภายในสามเดือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตนมองว่า นั่นคือความหวังของคนกลุ่มนี้ ที่พยายามจะให้เป็นเหมือนช่วง พ.ศ.2475 หลังเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนเดือดร้อนจึงออกมาต่อต้านรัฐบาล และเที่ยวนี้เศรษฐกิจของโลกกำลังตกต่ำ เขาจึงหวังว่าอีกไม่กี่เดือน คนจะว่างงาน แล้วปะทุออกมากดดันรัฐบาล ก็จะอาศัยเหตุการณ์เหล่านั้นมาเป็นข้ออ้างกล่าวหารัฐบาล จนเป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันฝ่ายนิติบัญญัติ ดูเหมือนไม่ค่อยทำงาน ตอนนี้พรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน 1.ไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน 2.ตัวรัฐมนตรีเงา ที่ต้องติดตามรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร คอยเตือนหากเห็นว่าทำหน้าที่ออกนอกลู่นอกทาง ก็ไม่มี 3. ฝ่ายนิติบัญญัติ ปกติจะมีคนที่ต่อสู้ทางการเมือง ท้ายที่สุดเขาจะร่วมกันสร้างประโยชน์แก่ประเทศ อย่างกรณีนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่เคยมาประเทศไทยเมื่อช่วงประชุมอาเซียน ที่ภูเก็ต ได้มี นายสิทธิชัย หยุ่น ขอให้วิจาร บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งนางฮิลลารี ก็บอกว่า ตนเคยเคยวิจารชนิดถึงพริกถึงขิงแล้ว ในสมัยที่สู้กันในการเลือกตั้ง แต่ในขณะนี้จำเป็นที่จะต้องร่วมมือกัน เพื่อที่จะให้ประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับผลประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนกลับมาดูฝ่ายค้านในประเทศไทย นอกจากจะไม่ทำหน้าที่ในสภา ยังเชิญทูต 34 ประเทศมา แล้วบอกว่า ประเทศไทยไม่น่าเชื่อถือในระบอบประชาธิปไตย นับตั้งแต่ 2475 เป็นต้นมา มีการรัฐประหารหลายครั้ง โดยเฉพาะรัฐประหาร 19 ก.ย. รัฐธรรมนูญและรัฐบาลไม่เป็นประชาธิปไตย ตรงนี้คือจุดเสียระบอบประชาธิปไตยไทย ที่ขายฝ่ายนิติบัญญัติ ที่มีวุฒิภาวะ จึงทำให้ประเทศไทยต้องเป็นอย่างนี้
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่สมัย สมัคร สุนทรเวช และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยไม่เคยเสนอพระราชบัญญัติเข้าสู่สภาเลยแม้แต่ตั้งเดียว มิหนำซ้ำพอมีกฎหมายที่พอจะเอาเข้าสภาได้ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็คอยขัดขวางคัดค้านทำให้กฎหมายนั้นตกไป ด้วยเหตุนี้ฝ่ายนิติบัญญัติก็เลยทำงานอย่างกระท่อนกระแทน เหมือนไม่มีฝ่ายนิติบัญญัติ ทำให้กระบวนการถ่วงดุลตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจเป็นแบบเลื่อนกันไป ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ทำงาน เพราะอยากเป็นฝ่ายบริหาร
“บทบาทพรรคเพื่อไทย หวังที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครอง เช่นอยู่เบื้องหลังการยื่นฏีกาขอพระราชทานอภัยโทษ หวังให้เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในระบอบประชาธิปไตย โดยที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จริงๆแล้วการกระทำดังกล่าว ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ตรงนี้น่าจะมีโทษถึงขั้นยุบพรรค เช่นเดียวกับการเลือกตั้งผิดหลักรัฐธรรมนูญ” ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว