สวนดุสิตโพลเผยผลงานรัฐบาล “มาร์ค”ในรอบ 6 เดือน ประชาชนให้คะแนน 6.39 นโยบายลดแลกแจกแถมโดนใจอื้อ กระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงยอดเยี่ยม จากผลงานเรียนฟรี 15 ปี ขณะที่ประชาชนยี้การแก้ปัญหาการเงินการคลัง และการกู้เงินของรัฐบาล เจ้าพ่อโพล“สุขุม”ให้แค่ผ่านแบบคาบเส้น เผยนักการเมืองกำลังทำให้ประชาชนเสพติดประชานิยม จนกลายเป็นการสกัดกั้นการพัฒนาประเทศ
รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต(มสด.) ในฐานะประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ในรอบ 6 เดือน ว่า จากการสุ่มประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 13,754 คน ระหว่างวันที่ 15-30 กรกฎาคม 2552 สรุปผลได้ดังนี้ จากคะแนนเต็ม 10 นายกรัฐมนตรี ได้คะแนนความตั้งใจในการทำงาน 7.38 คะแนนผลงาน 6.37 คณะรัฐมนตรี ได้คะแนนความตั้งใจในการทำงาน 6.30 คะแนนผลงาน 5.94 ภาพรวมรัฐบาล ได้คะแนนความจริงใจในการทำงาน 6.26 การให้อิสระแก่ข้าราชการประจำ (ไม่ก้าวก่ายงาน) ได้คะแนน 6.18 ความซื่อสัตย์สุจริตได้คะแนน 5.82 และความสามัคคีได้คะแนน 5.66 คะแนน และเมื่อคิดในภาพรวม รัฐบาลได้คะแนน 6.39
ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล กล่าวต่อไปว่า เมื่อพิจารณาในรายจังหวัด พบว่าคนกรุงเทพฯ ให้คะแนนรัฐบาล 6.05 ในขณะที่ ต่างจังหวัดให้คะแนน 6.52 โดย จ.นครศรีธรรมราชให้คะแนนสูงสุด 8.04 ส่วนจ.บุรีรัมย์ ให้ 6.42 และจ.เชียงใหม่ให้ 5.39
สำหรับกระทรวงที่ได้คะแนนความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ 6.69 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 6.64 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 6.38 กระทรวงวัฒนธรรม สาธารณสุข 6.11 ส่วน 5 อันดับสุดท้าย ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5.77 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5.75 กระทรวงคมนาคม 5.64 กระทรวงการคลัง 5.55 และกระทรวงพาณิชย์ 5.47
สำหรับผลงานยอดเยี่ยมของรัฐบาล 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1. โครงการเรียนฟรี 15 ปี /กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 53.05% อันดับ 2 การดูแลสวัสดิการผู้สูงอายุ คนชรา ผู้ด้อยโอกาส /เบี้ยยังชีพ 21.80% อันดับ 3 เช็ค 2,000 บาท ช่วยชาติ 11.86% อันดับ 4 เรื่อง 5 มาตรการฟรี (น้ำประปา,ไฟฟ้า,รถไฟชั้น 3,ก๊าซหุงต้ม ,รถเมล์) 7.17% และ อันดับ 5 ความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ 6.11% ส่วน ผลงานยอดแย่ 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1 การแก้ไขระบบการเงิน การคลัง ของประเทศ /การกู้เงิน 34.69% อันดับ 2 การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ /สินค้าแพง /ค่าครองชีพสูง 26.88% อันดับ 3 การดูแลภาคการเกษตร 13.89% อันดับ 4 มาตรการป้องกันโรคไข้หวัด 2009 13.48% และอันดับ 5 การแก้ไขปัญหาต่างๆยังไม่ชัดเจน 11.06%
“ถ้าเทียบในเชิงผลการเรียน หากคะแนนเต็ม 10 เมื่อทำได้ 5 คะแนน ก็ถือว่าผ่านแล้ว แต่ตามหลักสถิติ จะนับเกณฑ์ผ่านที่ 5.5 คะแนนขึ้นไป ดังนั้น สรุปได้ว่า ผลงานโดยรวมของรัฐบาล 6 เดือนแรกนั้น ต้องถือว่าอยู่ในเกณฑ์ผ่านแบบคาบเส้น ผลสำรวจความพอใจของประชาชนยังไม่ดีเท่าที่ควร และกระทรวงใดที่คะแนนความพอใจอยู่ในระดับ 5 คะแนน ถือว่าแย่ ซึ่งฟันธงได้ว่าหากไม่มีคะแนนของนายอภิสิทธิ์ 7.38 คะแนน มาอุ้ม คะแนนในภาพรวมของรัฐบาลคงไม่ได้ถึง 6.39 แน่นอน”
รศ.ดร.สุขุม กล่าวอีกว่า นักการเมืองในประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนา จะพยายามทำให้นโยบายประชานิยม ลด แลก แจก แถม เป็นยาเสพติดทางการเมือง ซึ่งเป็นการทำลายประเทศ โดยเฉพาะโครงการแบมืออย่างเช็คช่วยชาติ เป็นต้น ซึ่งน่าเป็นห่วงเพราะประชาชนจะรอแต่รัฐบาลหยิบยื่นให้จนกลายเป็นการสกัดกั้นการพัฒนาประเทศ อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องประชานิยมที่ไม่ใช่แจกฟรี ก็น่าสนใจ แต่เมื่อแจกฟรีจนประชาชนเสพติดแล้ว รัฐบาลก็ต้องหาเงิน และถ้าเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า ก็ต้องกู้จึงทำให้คะแนนผลงานลดลงในเรื่องเศรษฐกิจและการคลัง
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงผลสำรวจประเมินผลงานรัฐบาล 6 เดือน ประชาชนพึงพอใจผลงาน ศธ.เป็นอันดับ 1 ว่า ต้องถือเป็นผลงานในภาพรวมของรัฐบาลและผลงานร่วมกันของข้าราชการทุกคนใน ศธ.ที่ช่วยกันผลักดันงานจนเป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยเฉพาะโครงการเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ยืนยันไม่ใช่นโยบายประชานิยมลดแลกแจกแถมที่ไม่มีเหตุผลหรือไม่เป็นประโยชน์ แต่เป็นการให้ความสำคัญกับการลงทุนสร้างคนสร้างอนาคตให้กับประเทศ ซึ่งได้เตรียมแผนงานรายละเอียดโครงการเรียนฟรีในขั้นที่ 2 บรรจุไว้ในการปฏิรูปการศึกษารอบสองแล้ว ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจการเงินการคลังของประเทศจะต้องให้ระยะเวลา ถ้าให้โอกาสรัฐบาลทำต่อเนื่อง ทุกอย่างจะมีโอกาสดีขึ้น
รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต(มสด.) ในฐานะประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ในรอบ 6 เดือน ว่า จากการสุ่มประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 13,754 คน ระหว่างวันที่ 15-30 กรกฎาคม 2552 สรุปผลได้ดังนี้ จากคะแนนเต็ม 10 นายกรัฐมนตรี ได้คะแนนความตั้งใจในการทำงาน 7.38 คะแนนผลงาน 6.37 คณะรัฐมนตรี ได้คะแนนความตั้งใจในการทำงาน 6.30 คะแนนผลงาน 5.94 ภาพรวมรัฐบาล ได้คะแนนความจริงใจในการทำงาน 6.26 การให้อิสระแก่ข้าราชการประจำ (ไม่ก้าวก่ายงาน) ได้คะแนน 6.18 ความซื่อสัตย์สุจริตได้คะแนน 5.82 และความสามัคคีได้คะแนน 5.66 คะแนน และเมื่อคิดในภาพรวม รัฐบาลได้คะแนน 6.39
ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล กล่าวต่อไปว่า เมื่อพิจารณาในรายจังหวัด พบว่าคนกรุงเทพฯ ให้คะแนนรัฐบาล 6.05 ในขณะที่ ต่างจังหวัดให้คะแนน 6.52 โดย จ.นครศรีธรรมราชให้คะแนนสูงสุด 8.04 ส่วนจ.บุรีรัมย์ ให้ 6.42 และจ.เชียงใหม่ให้ 5.39
สำหรับกระทรวงที่ได้คะแนนความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ 6.69 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 6.64 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 6.38 กระทรวงวัฒนธรรม สาธารณสุข 6.11 ส่วน 5 อันดับสุดท้าย ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5.77 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5.75 กระทรวงคมนาคม 5.64 กระทรวงการคลัง 5.55 และกระทรวงพาณิชย์ 5.47
สำหรับผลงานยอดเยี่ยมของรัฐบาล 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1. โครงการเรียนฟรี 15 ปี /กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 53.05% อันดับ 2 การดูแลสวัสดิการผู้สูงอายุ คนชรา ผู้ด้อยโอกาส /เบี้ยยังชีพ 21.80% อันดับ 3 เช็ค 2,000 บาท ช่วยชาติ 11.86% อันดับ 4 เรื่อง 5 มาตรการฟรี (น้ำประปา,ไฟฟ้า,รถไฟชั้น 3,ก๊าซหุงต้ม ,รถเมล์) 7.17% และ อันดับ 5 ความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ 6.11% ส่วน ผลงานยอดแย่ 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1 การแก้ไขระบบการเงิน การคลัง ของประเทศ /การกู้เงิน 34.69% อันดับ 2 การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ /สินค้าแพง /ค่าครองชีพสูง 26.88% อันดับ 3 การดูแลภาคการเกษตร 13.89% อันดับ 4 มาตรการป้องกันโรคไข้หวัด 2009 13.48% และอันดับ 5 การแก้ไขปัญหาต่างๆยังไม่ชัดเจน 11.06%
“ถ้าเทียบในเชิงผลการเรียน หากคะแนนเต็ม 10 เมื่อทำได้ 5 คะแนน ก็ถือว่าผ่านแล้ว แต่ตามหลักสถิติ จะนับเกณฑ์ผ่านที่ 5.5 คะแนนขึ้นไป ดังนั้น สรุปได้ว่า ผลงานโดยรวมของรัฐบาล 6 เดือนแรกนั้น ต้องถือว่าอยู่ในเกณฑ์ผ่านแบบคาบเส้น ผลสำรวจความพอใจของประชาชนยังไม่ดีเท่าที่ควร และกระทรวงใดที่คะแนนความพอใจอยู่ในระดับ 5 คะแนน ถือว่าแย่ ซึ่งฟันธงได้ว่าหากไม่มีคะแนนของนายอภิสิทธิ์ 7.38 คะแนน มาอุ้ม คะแนนในภาพรวมของรัฐบาลคงไม่ได้ถึง 6.39 แน่นอน”
รศ.ดร.สุขุม กล่าวอีกว่า นักการเมืองในประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนา จะพยายามทำให้นโยบายประชานิยม ลด แลก แจก แถม เป็นยาเสพติดทางการเมือง ซึ่งเป็นการทำลายประเทศ โดยเฉพาะโครงการแบมืออย่างเช็คช่วยชาติ เป็นต้น ซึ่งน่าเป็นห่วงเพราะประชาชนจะรอแต่รัฐบาลหยิบยื่นให้จนกลายเป็นการสกัดกั้นการพัฒนาประเทศ อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องประชานิยมที่ไม่ใช่แจกฟรี ก็น่าสนใจ แต่เมื่อแจกฟรีจนประชาชนเสพติดแล้ว รัฐบาลก็ต้องหาเงิน และถ้าเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า ก็ต้องกู้จึงทำให้คะแนนผลงานลดลงในเรื่องเศรษฐกิจและการคลัง
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงผลสำรวจประเมินผลงานรัฐบาล 6 เดือน ประชาชนพึงพอใจผลงาน ศธ.เป็นอันดับ 1 ว่า ต้องถือเป็นผลงานในภาพรวมของรัฐบาลและผลงานร่วมกันของข้าราชการทุกคนใน ศธ.ที่ช่วยกันผลักดันงานจนเป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยเฉพาะโครงการเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ยืนยันไม่ใช่นโยบายประชานิยมลดแลกแจกแถมที่ไม่มีเหตุผลหรือไม่เป็นประโยชน์ แต่เป็นการให้ความสำคัญกับการลงทุนสร้างคนสร้างอนาคตให้กับประเทศ ซึ่งได้เตรียมแผนงานรายละเอียดโครงการเรียนฟรีในขั้นที่ 2 บรรจุไว้ในการปฏิรูปการศึกษารอบสองแล้ว ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจการเงินการคลังของประเทศจะต้องให้ระยะเวลา ถ้าให้โอกาสรัฐบาลทำต่อเนื่อง ทุกอย่างจะมีโอกาสดีขึ้น
