xs
xsm
sm
md
lg

"ประพันธ์" เหน็บ "มาร์ค" อย่าดีแต่หล่อ ยัดข้อหา "ก่อการร้าย" ใส่ร้าย "พันธมิตรฯ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ประพันธ์" เหน็บ "มาร์ค" อย่าดีแต่หล่อ ยัดข้อหา "ก่อการร้าย" ใส่ร้าย "พันธมิตรฯ" ชี้ "ม็อบแดงถ่อย" ล้มประชุมอาเซียนที่พัทยา ต่างหากเรียกกบฏ ระบุหมายจับคลุมเครือว่าผิดมาตราใด ย้ำพันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่รบ.ทรราช ไม่ได้สั่งปิดสนามบิน ยัน 16 ก.ค.นี้ ตบเท้าพบพนักงานสอบสวน ปัดทุกข้อกล่าวหาเป็นเท็จ ด้าน "พล.อ.กิตติศักดิ์" ลั่นอย่าป้ายสีพันธมิตรฯ เผยโฉมไอ้โม่งตัวจริงที่สั่งปิดสนามบิน




  คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการคนในข่าว 

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 9 กรกฎาคม โดยนายเติมศักดิ์ จารุปราน เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ กรรมการที่ปรึกษาคณะกรรมการ การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน นายประพันธ์ คูณมี ที่ปรึกษารับมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนายชัยวัฒน์ สุรวิชัย ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองภาคประชาชน ร่วมพูดคุยถึงความไม่ชอบธรรมของพนักงานสอบสวนที่ตั้งขอหาเกินจริง

นายประพันธ์ กล่าวว่า หมายเรียกของพนักงานสอบสวน ที่ตั้งข้อหาก่อการร้ายทั้งคดีที่ ดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ทุกข้อกล่าวหาล้วนเป็นการกล่าวหาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นเท็จทั้งสิ้น รวมถึงข้อกล่าวหาในหมายเรียกไม่ได้ระบุว่ากระทำผิดฐานใดมาตราอะไร ซึ่งเท่าที่ตรวจดู น่าจะเป็นการลอกตัวบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116(3) ในหมวด 2 ของประมวลกฎหมายอาญา ว่าด้วยความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร สรุปก็คือกำลังตั้งข้อหากบฏ อีกทั้งการตั้งข้อหาฐาน มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก็ไม่ได้ระบุไว้ว่าทำผิดตามมาตรา 215 ส่วนประเด็นที่ 2 ใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งตามกฎหมายอาญาระบุคำว่าใช้กำลังประทุษร้าย หมายถึงทำร้ายกายหรือจิตใจ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม รวมถึงทำให้อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เช่นทำให้มึนเมา ข้อกล่าวหาตรงนี้ก็เป็นการกล่าวหาเท็จ เหตุแท้จริงมีแต่พันธมิตรฯ ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำทั้งโดนยิงกระสุน โดนลอบทำร้าย ดังนั้นจะเห็นว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ จึงไม่เข้าองค์ประกอบการประทุษร้าย และเป็นการกระทำแตกต่างกันโดยสินเชิงเมื่อเปรียบเทียบข้อเท็จจริง ระหว่างพันธมิตรฯ กับ เสื้อแดงที่เข้าไปล้มการประชุมอาเซียน ที่พัทยา หรือกรณีพยายามทำร้ายนายกรัฐมนตรี ที่กระทรวงกลาโหม พวกนี้ต่างหากที่ควรจะเป็นกบฏ

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่าการที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาร้ายแรงกว่าความเป็นจริง ประเด็นนี้โดยปกติตามกฎหมายระบุว่า การกระทำที่จะเป็นการก่อการร้าย จะต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135 ซึ่งต้องเข้าองค์ประกอบ คือ 1.ใช้กำลังประทุษร้าย 2. กระทำการอันใดก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ต่อระบบขนส่งสาธารณะ โทรคมนาคม 3.ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินต่อรัฐหนึ่งรัฐใด ขณะที่พันธมิตรฯชุมนุมด้วยความสงบ ไม่เคยจับเจ้าหน้าที่การบินไทยมาข่มขู่ หรือล็อกคอเจ้าหน้าที่ข่มขู่ห้ามให้เครื่องบินขึ้นลง และการชุมนุมหน้าสนามบินไม่ใช่การทำลายระบบการบิน ที่สำคัญไม่ได้ทำความเสียหายต่อทรัพย์สินของใครเลย ตรงนี้ประธานบอร์ดการท่าอากาศยานก็ได้รายงานแล้วว่าไม่มีทรัพย์สินอะไรเสียหาย ดังนั้นการตั้งข้อกล่าวหาทั้งสองแห่งเป็นเท็จ ปราศจากข้อมูลความจริง ไม่ครบองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดเลยแม้แต่ข้อกล่าวหาเดียว

“ประเด็นการตั้งข้อกล่าวหาอย่างนี้ หากคนที่มีวิสัยอย่างวิญญูชนทั่วไป มองก็จะรู้ได้ทันที ว่าใช้อำนาจของเจ้าพนักงานสอบสวนใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ตั้งข้อกล่าวหาโดยปราศจากข้อเท็จจริง เพราะถ้าการชุมนุมอย่างนี้เป็นการก่อการร้าย ประเทศนี้ก็เต็มไปด้วยเป็นผู้ก่อการร้ายทั่วบ้านทั่วเมือง และการตั้งข้อกล่าวหาพ่วง กษิต เข้าไปด้วยเพียงเพื่อให้เป็นเงื่อนไขทางการเมืองของกลุ่มคนบางพวก ที่ต้องการเอาเหตุนี้มาเล่นงานพันธมิตรฯ” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวถึงการชุมนุมของพันธมิตรฯ ว่า เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่กล่าวไว้ว่าการกระทำในการเดินขบวนหรือเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือหรือให้ได้รับความเป็นธรรม ไม่ถือเป็นการกระทำที่เป็นความผิด ดังนี้แม้พันธมิตรฯจะชุมนุมยาวนานถึง 193 วัน แต่ก็เป็นกรรมเดียวที่กระทำต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคัดค้านการบริหารงานของรัฐบาลนอมินี ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ด้วยการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญฟอกความผิด และยกอธิปไตยบนเขาวิหารให้กัมพูชา จึงเป็นการชุมนุมติชม ติติงการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล ด้วยความสุจริตตามที่กฏหมายรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 16 ก.ค.นี้ เราจะ ไปใช้สิทธิตามตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อคัดค้านโต้แย้ง ข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวน ว่าการที่คุณตั้งข้อกล่าวหา ไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างไรบ้าง รวมถึงจะไปยื่นหนังสือถึง นายกฯ รองนายกฯ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตังคณะกรรมการสอบส่วนมาสอบสวนพนักงานสอบสวนชุดนี้ ว่าได้ใช้ดุลพินิจในการตั้งข้อกล่าวหาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตรงนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นประธาน กตร. ด้วย มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องควบคุมลูกน้องให้อยู่ในแถว อำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน เมื่อนายกฯได้รับรู้เรื่องนี้แล้วต้องสั่งไปเลยว่าให้ตรวจสอบ การตั้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนชุดนี้ ไม่เช่นนั้นนายกฯ อาจจะโดนข้อหาร่วมฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือถ้าเขารับเรื่องแล้วยังยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทำถูกต้องแล้ว เรามีสิทธิไปฟ้องต่อศาลปกครองได้ และเรื่องดังกล่าวเคยมีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานแล้ว ช่วงชุมนุมที่ทำเนียบฯ มีการตั้งข้อหากบฏเหมือนกัน แล้วเราไปค้านต่อศาลถึงการออกหมายดังกล่าว ซึ่งศาลก็ได้เพิกถอนหมายอันนี้ไปโดยมองว่าเป็นการตั้งข้อกล่าวหาเท็จหรือเกินต่อความเป็นจริง ต่อมาเขาอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ว่าการออกหมายไม่ชอบ ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดไม่มีฎีกาต่อ

“การจัดการกับปัญหาของทักษิณ กับพรรคพวก ไม่ใช่เรื่องการแก้แค้นส่วนบุคคล แต่รัฐบาลต้องจัดการระหว่างความดีและความชั่ว ระหว่างคนที่สงเสริมคนดีกับการกำจัดคนชั่ว การที่รัฐนิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลย เสมือนเป็นการซ้ำเติมประเทศชาติ แล้วไปนั่งเสวยสุขอยู่บนความหายนะของประเทศ ปล่อยให้สังคมล่มจมลงไปเรื่อยๆ ไม่ส่งเสริมคนที่ออกมาปกป้องบ้านเมือง แล้วอย่างนี้บ้านเมืองจะมีอนาคตได้อย่างไร ดังนั้นอย่าเอาความหล่อ ความงดงามมาเดินเฉิดฉายอยู่ เพราะมันช่วยอะไรประเทศไม่ได้ กินไม่ได้ บ้านเมืองมีแต่หายนะ ถ้าไม่รู้จักกำจัดคนชั่วส่งเสริมคนดี อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์” นายประพันธ์ กล่าว

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า การปิดสนามบินเป็นเรื่องธรรมดา เหตุการณ์อย่างนี้ไม่ได้เกิดที่บ้านเราเป็นแหงแรก เคยเกิดแล้วหลายแห่งทั่วโลก เช่นที่อังกฤษก็เคยปิดเพราะพนักงานสไตรค์ และข่าวที่พันธมิตรฯ เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรอรับอดีตนายกฯสมชาย คนที่ประกาศปิดคือ ผอ.การท่า สั่งปิดชั่วคราวเมื่อเวลาสามทุ่ม ต่อมาก็ปิดถาวรเลย โดยการปิดเป็นการปิดที่ผิดขั้นตอน ปิดด้วยอำนาจส่วนตัวในฐานะรักษาการผู้อำนวยการ ซึ่งขณะนั้นผู้อำนวยการท่าได้อยู่ที่ประเทศอังกฤษ แล้วบินกลับมาไทยวันที่ 1 จากนั้นได้โทรประสานกับผมว่าผู้ใหญ่อยากเปิดสนามบิน แล้วเช้าวันที่ 2 ผมได้โทรไปหา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพล.ต.จำลอง ได้ย้ำว่าไม่ได้ปิด รักษาการผอ.การท่าเขาสั่งปิดเอง ถ้าอยากจะเปิดก็เปิดเลยเราเต็มใจ เพราะเหนื่อยที่การ์ดพันธมิตรฯ ต้องจัดกำลังเข้าไปดูแลร้านค้า ดูแลความปลอดภัยทั้งหมด หลังจากนั้นตอนบ่ายสอง วันเดียวกัน ผอ.การท่า ลงไปตรวจระบบทั้งหมด ทั้งระบบการสื่อสาร สายพานลำเลียงสำภาระ ระบบการไฟฟ้าทั้งหมด ปรากฏว่าทุกเรียบร้อยไม่มีอะไรเสียหายดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ อยู่นอกสนามบินไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับระบบเลย และในวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พันธมิตรฯส่งมอบสนามบิน ได้มีเครื่องบินขนถ่ายสินค้าขึ้นลง 8 สายการบิน เที่ยวบินขนถ่ายผู้โดยสาร 3 สายการบิน ดังนั้นถ้าขนส่งมันถูกทำร้ายจริง จะบินไม่ได้ในทันที ฉะนั้นการตั้งข้อกล่าวหาจึงเป็นข้อกล่าวหาเท็จ

“ทุกอย่างได้มีบันทึกไว้เป็นหลักฐาน วันที่ 2 ธ.ค. 2551 ที่ ทอท. 9165/2551 ว่าในวันที่ 3 จะทำการส่งมอบสนามบินเวลา 10.00 น. และในวันที่สามมีหนังสือด่วนที่สุด เป็นรายงานการตรวจสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดใช้บริการ เป็นหนังสือที่ประธานบอร์ดการท่ารายงานถึงรัฐมนตรีว่าการคมนาคม โดยระบุว่าทุกอย่างอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ตามปกติ” พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องมีการส่งมอบ ก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่มีเจตนาทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ไม่อย่างนั้นคงไม่เอาคนไปป้องกัน และเป็นการป้องกันมือที่สามใส่ร้าย ดูอย่างที่ทำเนียบฯไม่ได้มีการส่งมอบ ข้าวของเสียหายเยอะ ซึ่งไม่รู้ใครทำ ส่วนการตั้งข้อกล่าวหาเท็จนั้นตนมองว่า เป็นการหาคนรับผิดชอบเพราะตอนนี้ การท่าอากาศยานถูกบริษัทเอกชนฟ้อง ซึ่งการท่าฯ ก็ต้องพยายามหาผู้รับผิดแทน คิดอะไรไม่ออกก็เลยเอาพันธมิตรฯ เพราะเคยชุมนุมที่สนามบิน

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า นายกฯ ต้องกล้าตัดสินใจ กล้าเดินไปในทางที่ถูกต้อง อย่าไปตัดตอนประวัติศาสตร์ ให้เข้าใจว่าการได้มาซึ่งตำแหน่งบทบาทหน้าที่ ไม่ใช่อยู่ดีๆจะได้มา แต่ได้มาเป็นขบวนการของพี่น้องประชาชนที่ได้เสียสละ ต่อสู้กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม ต่อสู้กับคนที่ต้องการทำลายสถาบันเพื่อประชาธิปไตย ดังนั้นนายกฯ ต้องคิดว่าจะอยู่ในตำแหน่งเพื่อผลประโยชน์ในหน้าที่ หรือต้องการเป็นรัฐบุรุษ ปัจจุบันประเทศไทยเราขาดรัฐบุรุษ ฉะนั้นการเมืองเราถึงไม่ก้าวหน้า

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การยื่นข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวน มันเป็นอะไรที่แปลก ไม่แน่ใจว่าจะมีผู้เดือดร้อน เพราะผู้ถูกกล่าวหาดูมีความสุข อิ่มเอมใจ เพราะเขาทำไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ปกป้องการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต่อสู้กับคนที่จ้องจะทำลาย ขณะเดียวกันคนที่ตั้งข้อกล่าวหากลับทุกข์ร้อน วิตกกังวล ตรงนี้ต้องขอสดุดีการต่อสู้ของพี่น้องประชาชนที่ลุกขึ้นต่อสู้ เพราะนี้เป็นวีรกรรมที่ยิงใหญ่ เป็นขบวนการสร้างประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย และในขณะเดียวกันเป็นขบวนการต่อสู้ให้เกิดความยุติธรรมที่เป็นธรรมในสังคมไทย

นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงประเทศที่กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจ ประจวบกับสถานการณ์หวัด2009 อย่างนี้ การที่กลุ่มคนเสื้อแดงประท้วง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขขณะเข้าไปแก้ปัญหา ว่า พวกเขากำลังทำลายวัฒนธรรมประเพณีของคนทางภาคเหนือ นอกจากนี้นายชัยวัฒน์ ยังกล่าวต่อไปว่า ในสมัย “ทักษิณ” เป็นนายกฯ โครงการณ์ใหญ่ๆ ดีๆ จะถูกโยกย้ายไปที่ จ.เชียงใหม่ทั้งหมด และการที่ประกาศว่า ถ้าจังหวัดไหนเลือก ส.ส. ของผม จะเข้าไปบริหารตรงนั้นก่อน การที่คุณเป็นนายกฯ กลับไม่ให้ความเป็นธรรม ตรงนี้ต้องถูกรับกรรม ถูกคดีตัดสินจากขบวนการยุติธรรม ดังนั้นในโอกาสช่วงเข้าพรรษานี้ ควรยุติได้แล้ว กลับมารับกรรม ยอมรับความผิด แล้วยกเลิกสิ่งต่างๆที่ทำให้คนเดือดร้อน คนไทยเคยให้โอกาส ทักษิณ มาเป็นเวลานานแล้ว ตอนนี้น่าจะให้โอกาสรัฐบาล ได้บริหารประเทศ แก้ปัญหาเศรษฐกิจบ้าง
นายประพันธ์ คูณมี
พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ
นายชัยวัฒน์ สุรวิชัย
กำลังโหลดความคิดเห็น