ตำรวจตั้งข้อหา “แกนนำพันธมิตรฯ รุ่นหนึ่ง-รุ่นสอง” ก่อการร้าย มั่วสุม ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง บุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ขณะที่ “กษิต-พล.อ.ปฐมพงษ์” และผู้ร่วมอภิปรายก็โดนด้วย นัดรายงานตัว 09.30 น. และ 13.00 น. วันที่ 16 ก.ค.นี้ ที่สโมสรตำรวจ
วันนี้ (4 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน สภ.ราชาเทวะ ออกหมายเรียกวันที่ 1 ก.ค.52 ลงนามโดย พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ในคดีระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กับพวก ผู้กล่าวหา และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพวก ผู้ต้องหา โดยให้ผู้ต้องหาทั้งหมดเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน ในข้อหา “ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญฯ มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้า ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการมั่วสุมแล้วไม่เลิก, ก่อการร้าย, บุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์ ฯลฯ” ทำให้การให้บริการของท่าอากาศยานหยุดชะงักลง
ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2551 และฉบับที่ 2 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2551 เหตุเกิดระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2551 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ
ผู้ที่ถูกออกหมายเรียกในข้อหาบุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิรวมทั้งสิ้น 25 คน ประกอบไปด้วย 1. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
2. นายสนธิ ลิ้มทองกุล
3. นายสุริยะใส กตะศิลา
4. นายสำราญ รอดเพชร
5. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
6. นายอมร อมรรัตนานนท์
7. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์
8. นายศิริชัย ไม้งาม
9. นางมาลีรัตน์ แก้วก่า
10.นายเทิดภูมิ ใจดี
11.นายพิภพ ธงไชย
12.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์
13.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก
14.นายพิชิต ไชยมงคล
15.นายประพันธ์ คูณมี
16.นายบรรจง นะแส
17.นายกษิต ภิรมย์
18.นายศรัณยู วงศ์กระจ่าง
19.นายวีระ สมความคิด
20.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
21.น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์
22.ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์
23.นายชนะ ผาสุกสกุล
24.พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์
25.นายสุรวิชช์ วีรวรรณ
นอกจากนั้น พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ออกหมายเรียกวันที่ 1 ก.ค.52 ลงนามโดย พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ในคดีระหว่างสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยนายพงษ์ศักดิ์ ศิริวงษ์ ผู้รับมอบอำนาจกับพวก ผู้กล่าวหา และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข กับพวก ผู้ต้องหา โดยให้ผู้ต้องหาทั้งหมดเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน ในข้อหา “กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใด อันมิใช่เป็นการ กระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่ จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือ ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลัง ประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้สั่งการ และเป็นผู้ใช้ ยุยงส่งเสริม โฆษณา หรือประกาศ, ร่วมกันบุกรุกสำนักงาน หรืออสังหาริมทรัพย์ ในความครอบครองของผู้อื่น, ร่วมกันบุกรุกสำนักงาน หรืออสังหาริมทรัพย์ ในความครอบครองของผู้อื่น โดยเป็นผู้ใช้ ยุยงส่งเสริม โฆษณา หรือประกาศ” เหตุเกิด ท่าอากาศยานดอนเมือง ระหว่าง วันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม 2551
ผู้ที่ถูกออกหมายเรียกในข้อหาบุกรุกสนามบินดอนเมือง รวมทั้งสิ้น 27 คน ประกอบไปด้วย
1. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
2. นายสนธิ ลิ้มทองกุล
3. นายพิภพ ธงไชย
4. นายสุริยะใส กตะศิลา
5. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
6. นางมาลีรัตน์ แก้วก่า
7. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์
8. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
9. นายอมร อมรรัตนานนท์
10.นายสำราญ รอดเพชร
11.นายศิริชัย ไม้งาม
12.นายเทิดภูมิ ใจดี
13.นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
14.นายสาวิทย์ แก้วหวาน
15.นายพิชิต ไชยมงคล
16.นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด
17.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก
18.นายประพันธ์ คูณมี
19.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์
20.นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์
21.นายสมบูรณ์ สุวรรณฝ่าย
22.น.ส.จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
23.นายเติมศักดิ์ จารุปราณ
24.นายบัณฑิต ปิ่นมงคลกุล
25.น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา
26.นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที
27.นายสุมิตร นวลมณี
ด้าน นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมแนวร่วมพันธมิตรฯ ที่ถูกออกหมายเรียกจะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ในวันที่ 16 ก.ค.นี้ ตามหมายเรียก โดยเบื้องต้นจะได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นไปตามกรอบแห่งรัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งประชาชนสามารถกระทำได้
ทั้งนี้ ให้ผู้ต้องหาเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สโมสรตำรวจ วันที่ 16 ก.ค.นี้ โดยให้ผู้ต้องหาคดีบุกรุกสนามบินดอนเมืองเข้ารายงานตัวในเวลา 09.30 น. ส่วนคดีบุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลา 13.00 น.
อนึ่ง นายสุวัตรเคยกล่าวในรายการ “รู้ทันประเทศไทย” ทางเอเอสทีวี เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.51 ว่า พันธมิตรฯ ไมได้ปิดสนามบินจริง มีเหตุการณ์ที่ไล่เรียงได้ วันนั้น (25 พ.ย.) พันธมิตรฯ จะไปขัดขวางการประชุม ครม.ที่ทำเนียบชั่วคราว สนามบินดอนเมือง แต่แล้วก็ไม่มีการประชุม โดยมีข่าวว่าจะประชุมที่กองทัพไทย แต่เมื่อไปที่กองทัพไทยก็ไม่มีการประชุม พอดีมีข่าวว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจะเดินทางกลับมาจากเปรู ซึ่งมีข่าวว่าอาจจะลงที่สนามบินสุวรรณภูมิหรือดอนเมือง พันธมิตรฯ จึงไปชุมนุมในลักษณะล้อมอยู่ข้างนอก ไม่ได้เข้าไปข้างใน แม้แต่การชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลก็ใช้ที่สนามหญ้า การไปสุวรรณภูมิก็ต้องการไปอยู่ข้างหน้า
นายสุวัตรกล่าวต่อว่า วันนั้นที่พันธมิตรฯ ไป มีกลุ่มคนขับแท็กซี่ชุมนุมอยู่ก่อนแล้วและมาไล่ตีพันธมิตรฯ บางส่วน แล้วหลังจากนั้นนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ ก็ประกาศปิดสนามบินทันที อ้างว่ากลัวความวุ่นวาย และผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกสบาย แต่จริงๆ แล้ว ที่ตนรู้มานายเสรีรัตน์ต้องการจะโยนบาปให้พันธมิตรฯ เพราะการปิดสนามบินส่งผลกระทบมาก รวมถึงผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ ด้วย แต่ความจริงแล้วพันธมิตรฯ ต้องการไปอยู่ข้างหน้า โดยที่ผู้โดยสารที่อยู่ข้างในสามารถออกมาได้ คนที่จะเข้าไปก็เข้าไปได้
ระบบขนส่งสาธารณะ ไม่มีอะไรที่พันธมิตรฯ เข้าไปแตะ ไม่ว่าจะเป็นรันเวย์ งวง ตัวเครื่องบิน หอบังคับการบิน แต่นายเสรีรัตน์ สั่งหยุดทำงานหมด ผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องแล้วก็สั่งให้ลง ผู้โดยสารบนเครื่องที่อยู่บนท้องฟ้าก็ไม่มีที่ลง เป็นการปิดโดยไม่วางแผนอะไรรองรับ แทนที่จะหาที่อื่นให้ลง แต่กลับประกาศผิดเช่นนี้ นายเสรีรัตน์ต้องรับผิดชอบ
นายสุวัตรฯ กล่าวอีกว่า เท่าที่ทราบมาในบอร์ดของการท่าฯ ได้ตำหนิการกระทำของนายเสรีรัตน์ และเขาจะต้องรับผิดชอบ ซึ่งศาลจะเป็นคนพิสูจน์เองว่าใครควรรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ส่งออก ผู้โดยสารทั้งจะไปจะกลับ สามารถฟ้องสนามบินได้ ถ้าจะฟ้องพันธมิตรฯ ด้วย เราก็พร้อมจะพิสูจน์ ศาลจะบอกว่าสนามบินปิดเพราะใคร
สำหรับข้อหาก่อการร้ายนั้น นายสุวัตรกล่าวว่า มีขึ้นในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ หลังจากมีเหตุก่อการร้ายที่นิวยอร์ก และทำอย่างรีบๆ โดยออกเป็นพระราชกำหนด มีมาตรา 135/1 ตั้งข้อหาผู้ก่อการร้าย ซึ่งข้อหาก่อการร้ายนั้น ผู้คนโดยทั่วไปก็จะต้องนึกถึงกลุ่มตอลิบาน กลุ่มอัลกออิดะห์ พวกวางระเบิด เผา อาวุธปืนครบมือ พันธมิตรฯ มีแต่มือตบ ถ้ามาตั้งข้อหาการก่อการร้ายนั้นคิดว่าไม่ต้องเป็นนักกฎหมาย ตาสีตาสา ยายมียายมาก็ตัดสินได้ว่าไม่ใช่
อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรา 135/1 ซึ่ง นายแพทย์เหวง โตจิราการ เอาไปแจ้งความ อ้างว่าพันธมิตรฯ ทำความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ แต่ในข้อเท็จจริงวันที่ 3 ธ.ค.หลังจากพันธมิตรฯ มอบพื้นที่คืน ถอนออกมา นายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการ รมว.คมนาคมขณะนั้นบอกว่า ไม่มีอะไรเสียหาย ใช้ได้เลย ทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นจึงถือว่าไม่มีอะไรเสียหายร้ายแรง ซึ่งคำว่าร้ายแรงแค่กระจกแตกบานเดียวก็ไม่ใช่ ความผิดฐานก่อการร้ายตามกฎหมายมาตรา 135/1 นั้น ต้องการเจตนาพิเศษ ไม่ใช่เจตนาธรรมดา แต่พันธมิตรฯ ไม่ได้มีเจตนาพิเศษ
“มิหนำซ้ำ วรรคสุดท้ายของมาตรานี้ มีเหตุยกเว้นความผิดของกฎหมายมาตรานี้ เขาเขียนเลยว่า การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุมประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวให้รัฐช่วยเหลือหรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย ชัดเจน” นายสุวัตรกล่าว