xs
xsm
sm
md
lg

เตือนม็อบหางแดงป่วนปุ๊บเจอกม.มั่นคงปั๊บ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน –หน่วยความมั่นคงประเมินหลังผบตร.ไม่ชัดเจน ตำรวจแดงจับมือแก๊งค์กระหายเลือดลิ่วล้อแม้วใช้ม็อบเสื้อแดงเป็นเครื่องมือสร้างสถานการณ์ “เทพเทือก” การันตีรัฐบาลไม่กลั่นแกล้งก๊กหางแดง เตือนแกนนำคุมมวลชนให้ได้อย่าฝ่าฝืน กม. “อภิสิทธิ์” นัดประชุม กอ.รมน. ตั้งผู้รับผิดชอบ ศอ.รส. พร้อมกำหนดพื้นที่ห้ามสัญจรและก่อม็อบ “สาทิตย์” เตือนสื่อถ่ายสดโฟนอิน นช.แม้ว ปลุกระดม กระทบสถาบันผิดกม.

จากกรณีที่การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ไม่ชัดเจน แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง เปิดเผยว่า การชุมนุมประท้วงของคนเสื้อแดงที่นัดกันวันเสาร์ที่19ก.ย.นี้ความจริงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ การยืมมือคนเสื้อแดงสร้างสถานการณ์ โดยได้รับรายงานว่า กลุ่มตำรวจในระบอบทักษิณโดยเฉพาะกลุ่มที่หลุดจากอำนาจ เตรียมเข้าเกียร์ว่าง ขณะที่มีนายพลที่เกษียณอายุไปแล้วหนุนหลัง และ พร้อมจะให้ความร่วมมือกันกับกลุ่มผู้สนับสนุนนช.ทักษิณ ชินวัตรหัวรุนแรง ใช้คนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุมเป็นเครื่องมือ ซึ่งหวังผลให้เกิดความรุนแรงท้าทายอำนาจรัฐ และ ทดสอบ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการผบ.ตร. จะควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่

แหล่งข่าวกล่าวว่า กลุ่มตำรวจเสื้อแดงมองว่าโอกาสที่จะสร้างสถานการณ์ไม่มีช่วงใดดีกว่าช่วงนี้แล้วและ ถือว่าเป็นการชำระแค้นกรณีคดี 7 ตุลาฯ และ รักษาอำนาจไปในตัวไม่ต้องเกรงใจพล.ต.อ.ธานีที่อีกไม่กี่วันก็จะเกษียณ

**เทือก ขู่เสื้อแดงใช้พรบ.มั่นคงเข้ม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการประกาศ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่ดุสิต ระหว่างวันที่ 18-22 ก.ย.ก็เพื่อออกคำเตือนและขอร้องไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมาชุมนุมว่ารัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลความสงบเรียบร้อย ของบ้านเมือง จึงอยากจะขอให้การชุมนุมเป็นไปตามหลักที่ถูกต้องของระบอบประชาธิปไตยและกฎหมาย หากมีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ของคนอื่น ทำลายทรัพย์สินของราชการและประชาชนคนอื่นไปจนถึงมีเหตุวุ่นวายใดๆ ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องใช้มาตรการต่างๆ ซึ่งจะประกาศให้ทราบตามลำดับและมีมาตรฐานสากล โดยจะไม่ทำอะไรที่รุนแรงเด็ดขาด ยกเว้นเพื่อการป้องกันและรักษากฎหมาย โดยขณะนี้เตรียมร่างคำสั่งต่างๆตามขั้นตอนเรียบร้อย

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไปปิดล้อมสนามบินนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ แต่ต้องขอความกรุณาอย่าทำเลย เพราะจะเกิดความเสียหายมาก และหากประเมินว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะย้อนรอยกลุ่มพันธมิตรฯ ตนก็จะประกาศพื้นที่ที่กระทบกับความมั่นคงเพิ่มเติมและอาจจะต้องใช้กำลังในการแก้ไขปัญหา

***เทพเทือก ยันไม่กลั่นแกล้งรังแกม็อบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าจะเลิกชุมนุมตามกำหนด หากไม่มีการ แทรกแซงหรือสร้างสถานการณ์ นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลไม่สร้างสถานการณ์แน่นอน เพราะเป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองจะสร้างความวุ่นวายทำไม และยังพยายามไม่ให้เกิดอะไรที่รุนแรง ดังนั้นสบายใจได้ว่าจะไม่มีการกลั่นแกล้งหรือรังแก แต่แกนนำผู้ชุมนุมก็ต้องดูแลตัวเองและคนที่นำมาด้วยให้ดี อย่าไปฝ่าฝืนกฎหมาย

ขณะนี้รัฐบาลพยายามรักษาความปลอดภัยผู้ชุมนุมเต็มที่ จึงมีการจำกัดเขตพื้นที่ประกาศเขตความมั่นคงให้แคบที่สุด เพียงเขตดุสิตเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ทำงานได้ดีกว่านี้จะต้องประกาศเขตรอบๆ ด้วยจะได้มีการตั้งด่านตรวจอาวุธอะไรต่างๆ ซึ่งก็ต้องขออภัยประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตดุสิตและต้องผ่านพื้นที่เขตดุสิต เพราะจะมีการตั้งด่านตรวจอาวุธกันกันอย่างละเอียด เพื่อรักษาบ้านเมืองจริงๆ

เมื่อถามว่าได้เตรียมความพร้อมสำหรับประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงต่อไป อย่างไรหากมีการชุมนุมยืดเยื้อ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนประกาศเอาไว้ช่วงแรก 5 วัน แต่ถ้ามีการชุมนุมยืดเยื้อและจำเป็นจะต้องประกาศก็จะขออนุมัติจาก ครม.อีกครั้ง

***มาร์ค ถกกอ.รมน.รับมือม็อบวันนี้
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ เวลา 16.30 น. จะมีการ ประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ที่รัฐสภา โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กอ.รมน. เป็นประธาน เพื่อจัดทำข้อกำหนด หลังมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ ในพื้นที่เขตดุสิต ระหว่างวันที่ 18-22 ก.ย.นี้

การจัดทำข้อกำหนดจะเป็นไปตามมาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว เช่น การกำหนดเส้นทางสัญจรเข้า-ออกภายในพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ. และถนนที่อาจห้ามสัญจร เชื่อว่า จะไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว เพราะจะสร้างความไม่สะดวกแก่เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานและผู้ที่จะมาชุมนุม นอกจากนี้ ที่ประชุม กอ.รมน. จะจัดตั้ง ศูนย์ อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)และผู้รับผิดชอบดูแล ศอ.รส.ด้วย

***ผบ.ทบ.พร้อมส่งทหารหนุนช่วยตร.
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการดูแลการชุมนุมของ กลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 19 ก.ย. ว่า กองทัพพร้อมให้การสนับสนุนกำลังทหาร เพื่อช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อยในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก และไม่ต้องการ ให้เกิดความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใดก็ตาม ซึ่งหากมีการขอกำลังเสริมก็จะดำเนินการตามแผนเดิมที่เคยปฏิบัติในการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ ครั้งก่อน

ทั้งนี้ เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานความผิดปกติใด และในวันนี้ (17 ก.ย.) จะมีการประชุม กอ.รมน. เป็นการสานต่อมติ ครม.ที่ประกาศพื้นที่ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดยให้ผ่านคณะกรรมการ และถูกขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด

**กอ.รมน.ไม่กีดกันการชุมนุม
พล.ต. ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า กอ.รมน.ได้ประชุมประเมินสถานการณ์ เพื่อเตรียมข้อมูลและความพร้อมดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ตามการประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง ซึ่งคณะอำนวยการ กอ.รมน. ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะประชุมอนุมัติแผนและผู้รับผิดชอบดูแลการปฏิบัติงานอีกครั้งในวันที่ 17 ก.ย.นี้ ขณะที่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จะเป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้แล้ว และปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมตามสถานการณ์ โดยให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของ กลุ่มคนเสื้อแดง ที่แกนนำได้ประกาศท่าทีออกมา นอกจากนี้ ยังได้ติดตาม ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัดด้วย

ยืนยันว่าไม่มีการกีดกันการชุมนุม โดยจะดูแลให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการสำคัญ ทั้งนี้ คงจะปิดเส้นทางรอบทำเนียบฯ ตามแผนเดิม โดย กอ.รมน.เป็นห่วงว่า จะมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ และเกรงว่าหากมีผู้มาชุมนุมจำนวนมากจะทำให้ยากต่อการดูแล จึงต้องเน้นการ ตรวจสอบ การพกพาอาวุธ ทั้งนี้กอ.รมน.ยังได้เตรียมข้อมูลนำเสนอต่อนายกฯ ที่จะเดินทาง มาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย ในฐานะ ผอ.รมน.ในวันศุกร์ที่ 18 ก.ย.นี้ โดย ผบ.ทบ. ในฐานะ รอง ผอ.รมน.จะบรรยายสรุปการปฏิบัติงานและโครงสร้างกอ.รมน. โดยเน้นนำเสนอการทำงานด้านความมั่นคง ของกอ.รมน.ในช่วงที่ผ่านมา

***รัฐบาลให้อิสระการทำข่าวของสื่อ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เรื่องการเสนอข่าวก็เป็นเรื่องที่แต่ละฝ่ายจะใช้ดุลพินิจของตัวเอง ส่วนการชี้แจงก็เป็นเรื่องของฝ่ายรัฐโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามชี้แจงผ่านสื่อมวลชนเป็นระยะ แต่หากการชุมนุมไปกระทบต่อสาธารณะ เช่นปิดการจราจร ก็จะต้องชี้แจงเพิ่มเติม โดยจะใช้ช่อง 11 เป็นแม่ข่ายทำสถานีข่าวสาร

อย่างไรก็ตาม คงจะไม่กำหนดขอบเขตการทำหน้าที่ของสื่อในพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพราะรัฐบาลต้องการให้เกิดความโปร่งใสในการทำงาน ดังนั้นสื่อสามารถใช้สิทธิเสรีได้เต็มที่ยกเว้นกรณีเจ้าหน้าที่กังวลในเรื่องความปลอดภัยก็จะมีคำเตือนออกมา โดยเฉพาะในจุดที่จะตั้งรถถ่ายทอดสด แต่ตนคิดว่าการชุมนุมครั้งนี้คงไม่มีอะไรเข้มงวดในการห้ามสื่อมวลชนเข้าไปทำข่าว

***เตือนเผยแพร่โฟนอิน “แม้ว” อาจผิดกม.
สำหรับการโฟนอินเข้ามาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า หากมีการโฟนอินเข้ามาและมีคำพูดที่ไปกระทบต่อประเทศและสถาบัน รวมทั้งองคมนตรี ก็จะมีปัญหาข้อกฎหมายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นแต่ละฝ่ายจะต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบในส่วนนี้อย่างเข้มงวด และการโฟนอินก็จะควบคุม ได้ยากว่าจะไม่ให้มีถ้อยคำไปกระทบและมีปัญหาในข้อกฎหมาย เพราะต้องยอมรับว่า ช่วงเม.ย.ที่ผ่านมาการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ การะตุ้นให้การชุมนุมบานปลาย จนก่อให้เกิดการกระทำที่ขัดกับกฎหมาย ดังนั้นในครั้งนี้แต่ละฝ่ายก็ต้องระมัดระวังในเรื่องนี้

***สธ.รับมือม็อบ-รักษาไม่เลือกฝ่าย
นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) กล่าวถึงแนวทางปฏิบัติหรือข้อสมควรปฏิบัติที่ “จะรักษาชีวิตประชาชนอย่างไรในเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุม” หลังจากการประชุมถอดประสบการณ์ร่วมกันระหว่า งสพฉ.สำนักการแพทย์กรุงเทพมหานครและผู้ร่วมปฏิบัติงานในการชุมนุมทางการเมือง ในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 และวันที่ 13-14 เมษายน 2552

โดยในการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ความรุนแรงจาก เหตุการณ์ความไม่สงบในชุมนุมทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้น ให้หน่วยกู้ภัยและทีมแพทย์ฉุกเฉินเพื่อกู้ชีพ นำส่งผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบและความรุนแรง โดยไม่เลือกฝ่าย ให้ถึงสถานพยาบาลอย่างมีคุณภาพ เพื่อลดความสูญเสียที่เกิดขึ้น ให้น้อยที่สุด ทั้งไม่เพิ่มความเสียหายให้มากไปกว่าเดิมแก่ผู้ชุมนุม และชุมชนใกล้เคียง รวมทั้งการประสานกับทีมสำรองจากจังหวัดปริมณฑล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของบุคลากรและทีมปฏิบัติการทางการแพทย์เป็นอันดับแรก

***แนะหมอวิพากษ์การเมืองถอด “น.พ.”ทิ้ง
นพ.พีระพงษ์ สายเชื้อ ผอ.สำนักการแพทย์ กทม.กล่าวว่า ได้เตรียมแผนการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมใน กทม. แบ่งเป็น 3 ระดับ แผน 1 ,2 ในสถานการณ์ที่ไม่รุนแรง เป็นแผนระดับพื้นที่ ให้เป็นหน้าที่ของศูนย์เอราวัณ ภายใต้สำนักการแพทย์ กทม. เป็นหน่วยงานหลักในการประสานการให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นเจ้าของพื้นที่ ทำให้มีความชัดเจน และไม่เกิดความสับสนต่อผู้ใช้บริการ

สำหรับแผน 2 จะระดมทุกหน่วยในเขต กทม. ซึ่งมีหน่วยงานเครือข่ายปฏิบัติการรถพยาบาล รวมทั้งสิ้น 53 แห่งทั่วพื้นที่ และโรงพยาบาลเอกชนจำนวน 30 แห่ง รวมถึงมูลนิธิ ในระดับความรุนแรงมากขึ้น และแผน 3 ระดับความรุนแรงที่ต้องใช้กำลังเสริมจาก และเอกชน ถือว่ามีความรุนแรงระดับชาติ มี สพฉ.เป็นผู้ประสาน โดยมีสัญลักษณ์ที่ใช้เพื่อให้ทุกฝ่ายรู้ว่าเป็นทีมแพทย์ เป็นสัญลักษณ์กากบาท ซึ่งได้ขออนุญาตทางกาชาดแล้วเป็นป้ายแขวนคอ ปลอดแขนและติดที่รถด้วย

นพ.พีระพงษ์ กล่าวว่าในการปฏิบัติงานของทีมแพทย์ฉุกเฉิน ทุกคนต้องเป็นกลาง ให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บโดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นสีใด ทุกคนต้องเป็นสีขาว หากแพทย์ต้องการแสดงความเห็นถึงความไม่เป็นกลางก็ไม่ควรร่วมปฏิบัติหน้าที่เป็นแพทย์ หรือ ควรจะถอดคำว่า “นายแพทย์” ออกก่อนการวิพากย์ วิจารณ์ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการทำงานของทีมแพทย์ฉุกเฉินที่ทำงานในพื้นที่ และสามารถทำงานได้อย่างสบายใจ.
กำลังโหลดความคิดเห็น