ผบ.ทบ เรียกประชุม กอ.รมน.พร้อมลงหัวหินประเมินสถานการณ์ รับมือป่วนประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เผยใช้มาตรฐานเดียวกับประชุมอาเซียนที่จ.ภูเก็ต ขณะที่มาตรการรับมือเสื้อแดง สั่งเพิ่มกำลังเพิ่มเท่าตัว ดูแลเข้มบ้านสี่เสาเทเวศร์ ระบุไม่สกัดกั้นการชุมนุม แต่อย่าทำเลยกรอบ กม.
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พร้อมนายทหารฝ่ายยุทธการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมหารือ เพื่อเตรียมข้อมูลความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-25 .ต.ค.ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนที่ พล.อ.อนุพงษ์ จะร่วมเดินทางไปกับคณะของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่ โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นจึงได้มีการหารือถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.นี้ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงระหว่างวันที่ 18-22 ก.ย.นี้ โดยใช้เวลาในการหารือ 30 นาที
จากนั้น พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษก กอ.รมน.กล่าวว่า เป็นการประชุมเตรียมรายละเอียดก่อนที่ พล.อ.อนุพงษ์ จะร่วมเดินทางไปกับคณะของนายสุเทพ และพล.อ.ประวิตร ที่จะเดินทางลงไปตรวจดูพื้นที่ อ.หัวหิน ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ ซึ่งกองทัพบกในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อยได้มาสรุปข้อมูลและบรรยายถึงการจัดแบ่งพื้นที่ และการจัดกำลังว่า ใครจะรับผิดชอบในพื้นที่ใดบ้าง ซึ่งแผนในการรักษาความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เคยใช้ได้ผลในการประชุม รมต.ต่างประเทศอาเซียนที่ จ.ภูเก็ต
“การประชุมไม่ได้จัดสถานที่เดิม ทำให้ต้องมีการศึกษารายละเอียดของพื้นที่ เพื่อทำให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่ง ผบ.ทบ.เป็นห่วงว่า ประชาชนในพื้นที่จะไม่ได้รับความสะดวก เพราะหัวหินเป็นเส้นทางที่มีประชาชนสัญจรผ่านจำนวนมาก และช่วงเวลาการจัดการประชุมเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มีการหยุดยาว ทำให้ผบ.ทบ.ห่วงว่า ผู้ท่องเที่ยวอาจไม่ได้รับความสะดวก เพราะอาจจะต้องมีการตรวจรถที่เข้าออกภายในบริเวณพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง” โฆษกกอ.รมน.กล่าว
พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า หลังจากประชุมหารือเตรียมการการประชุมอาเซียนซัมมิทเสร็จ ได้มีการประชุม กอ.รมน.ต่อ ซึ่ง ผบ.ทบ.เป็นห่วงในเรื่องการดูแลประชาชนจึงได้มีการสอบถามถึงการวางแผนในการรักษาความปลอดภัยในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.นี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายยุทธการไปเตรียมข้อมูลด้านการข่าวและการใช้กำลัง เพื่อนำข้อมูลเสนอต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.ศรส.) ต่อไป ซึ่งแผนที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยคงปรับจากแผนเดิมที่เคยใช้เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนจะมีการปรับมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ นายสุเทพ
“จากการข่าวที่ระบุว่ากลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนย้ายการชุมนุมไปยังบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้น เป็นจุดที่เพิ่มมาจากการชุมนุมครั้งที่แล้ว ทำให้ครั้งนี้เราต้องดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณบ้านพัก พล.อ.เปรม เพิ่มเติม และการที่บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงมีสถานที่สำคัญ และมีบ้านพักอาศัยของประชาชนด้วย จึงเกรงว่าอาจทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวก ทำให้เราต้องรักษาความปลอดภัยเข้มข้นมากกว่าเดิม เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปละเมิดสิทธิ์ของบุคคลอื่นที่อยู่ในพื้นที่” โฆษก กอ.รมน.กล่าว
พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า การชุมนุมที่อยู่ในขอบเขต และไม่ละเมิดสิทธิใครสามารถทำได้ รวมถึงประชาชนจากต่างจังหวัดที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมในกรุงเทพก็สามารถเดินทางเข้ามาชุมนุมได้ โดยเราจะไม่มีการสกัดกั้น เพราะประชาชนมีสิทธิ์ที่เดินทางเข้ามาได้ แต่การเข้ามาชุมนุมต้องต้องอยู่ในขอบเขต แสดงออกเป็นพื้นที่ และไม่ปิดกั้นพื้นที่คนอื่น รวมถึงไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน ส่วนเรื่องมือที่สามเป็นเรื่องที่เรามีความเป็นห่วงทุกครั้ง เพราะไม่อยากให้ประชาชนในพื้นที่ ประชาชนที่มาชุมนุม และเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการ กอ.รมน.ที่นายกฯ เป็น ผอ.รมน.เพื่ออนุมัติโครงสร้างการจัดอัตรากำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในวันที่ 17 ก.ย.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการประเมินตัวเลขกลุ่มผู้ชุมนุม แต่เชื่อว่าจะไม่ยืดเยื้อเพราะจากการข่าว พบว่า แกนนำในต่างจังหวัดไม่ได้แจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมเสื้อผ้ามาด้วย อย่างไรก็ตาม ได้มีการสั่งการให้เฝ้าระวังผู้ที่ไม่หวังดีที่พยายามทำให้เกิดสถานการณ์วุ่นวาย เพื่อหวังให้ข้อเรียกร้องเห็นผล ซึ่งอาจทำให้เกิดสถานการณ์แทรกซ้อน และการชุมนุมอาจยืดเยื้อได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของ กอ.รมน.จะได้จัดทำโครงสร้างอัตรากำลังที่คาดว่า น่าจะมีการใช้กำลังจากทหารและตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ และมีกำลังเสริมที่เตรียมพร้อมไว้ มากกว่ากำลังที่เตรียมไว้เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ประมาณหนึ่งเท่าตัว
