ASTVผู้จัดการรายวัน - นายกฯ ยันไม่มีเงื่อนไขใดๆ ให้ปฏิวัติช่วงไปประชุมยูเอ็น เตรียมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนพิจารณาประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ ใน ครม.วันนี้ "สาทิตย์" ระบุ "ชัยสิทธิ์" จุดพลุปฏิวัติ เสมือนยืนยันแนวคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองของกลุ่มการเมืองนี้ หวังสถาปนารัฐไทยใหม่ "ธานี" เรียกประชุมตำรวจ ทหารติวเข้มคุมม็องเสื้อแดง 19 กันยาฯ ปรับใช้แผนกรกฎ 52 อดีตหัวหน้าสำนักงาน คมช.เชื่อม็อบไม่รุนแรงจนต้องปฏิวัติซ้ำ ส่วน "แม้ว" โฟนอินอ้างไม่ได้ติดต่อใครเรื่อง 19 ก.ย.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (14 ก.ย.) ถึงกรณีที่ชุมนุม ของกลุ่มคน เสื้อแดง ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่นายกรัฐมนตีเดินทาง ไปประชุมสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระหว่างวันที่ 20-26 ก.ย.นี้ ว่า ได้คุยไว้แล้ว ถ้ามีความจำเป็นอยากจะสื่อสารก็จะติดต่อกลับมา แต่คงไม่มีการกำหนดตายตัวว่าจะต้องติดต่อกลับมาทุกวัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.ไม่น่ามีอะไร เหตุการณ์น่าจะปกติ ส่วนกระแสข่าวปฏิวัตินั้น ตนยังมองไม่เห็นเหตุผล
ส่วนเหตุผลที่เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงนั้น นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการเห็นบ้านเมืองอยู่ในสภาวะปกติ ขณะนี้ไม่มี เงื่อนไขอะไรเลย มีคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง และอยากแสดงออก ก็ขอให้แสดงออกอยู่ในกรอบของกฎหมาย ถ้าเกินเลยไป เจ้าหน้าที่ที่รักษากฎหมายก็ต้องทำหน้าที่ของเขา
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่มีอะไรเลย การทำงานปกติ ทุกคนก็ปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง
***ถก พ.ร.บ.ความมั่นคงวันนี้
การประชุม ครม.ในวันนี้ (15 ก.ย.) จะพิจารณาการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 โดยจะดูถึงเวลาและสถานที่ที่จะประกาศใช้ ซึ่งยังคงให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เป็น ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งการประชุม กอ.รมน.จะเกิดหลังการประชุม ครม.แล้วในวันที่ 15 ก.ย. ส่วนจะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เฉพาะเขตดุสิตหรือไม่นั้นจะสรุปในการประชุม ครม.วันที่ 15 ก.ย.นี้
นายอภิสิทธิ์ เชื่อว่าแม้จะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯบ่อยก็จะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะที่ประกาศทุกครั้งเป็นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้ว และเป็นการประกาศเพื่อป้องกันให้เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเท่านั้นเอง และการประกาศก็ไม่ได้บ่อยมาก เฉพาะเวลามีการประชุมที่สำคัญ ที่จำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้น ถึงจะประกาศเท่านั้น
ผู้สื่อช่าวถามว่า กรณีที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงยังมีคดีติดตัวอยู่ตำรวจ ต้องมีการพิจารณาเรื่องการถอนประกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นเงื่อนไข ที่ไปขัดกับคดีในอดีตต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งก็ต้องดูไปตามข้อเท็จจริง เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้ยังไม่มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)จะเป็นสูญญาการ ในการดูแลกลุ่มชุมนุมหรือไม่ เนื่องจากไม่มีผู้บัญชาการสูงสุด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สอบถาม พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการ ผบ.ตร.แล้ว ท่านก็บอกว่าไม่มีปัญหาอุปสรรคอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯแล้วจะทำให้เจ้าหน้าที่ ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความมั่นใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นประเด็นหนึ่ง ที่เวลาเราประกาศใช้กฎหมายก็จะมีการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และตนได้ยืนยันไปแล้วว่า แนวทางของรัฐบาลไม่ต้องการให้มีปัญหาหรือการกระทบกระทั่ง จนเกิดความรุนแรง ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายปกติก็จะได้รับการคุ้มครองอยู่แล้ว มีอำนาจพิเศษตามกฎหมายก็ได้รับการคุ้มครองชัดเจนขึ้นไปอีก และตราบใดที่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ทางรัฐบาลก็จะเป็นผู้รับผิดชอบ
ความจริงการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ก็เพื่อประโยชน์ทำให้เกิด ความเรียบร้อยและเป็นประโยชน์กับผู้ชุมนุมเองด้วย เพราะจะทำให้ตรวจตราอาวุธ ต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้นด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแทรกซ้อนขึ้นได้
ส่วนการที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะไปชุมนุมหน้าบ้านสีเสาเทเวศน์ ซึ่งเป็นบ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงจะเป็นผู้กำหนดแผน และอาจจะต้องมีการพูดคุยกับผู้ชุมนุมทำความเข้าใจกัน ซึ่งในส่วนของผู้ชุมนุมเองเห็นแกนนำก็มีความกังวล ในเรื่องของมือที่สามอยู่ ก็เห็นจะมีมาตรการในการติดกล้อง ดังนั้นถ้าทุกคนต้องการ เห็นการชุมนุมหรือการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมายว่าน่าจะพูดคุยกันเพื่อกำหนดแนวทางได้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 19 ก.ย.รัฐบาลพยายามหาวิธีรักษาความสงบเรียบร้อยให้ดีที่สุด ขณะนี้ปัญหาของเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นจึงอยากให้ ภาพของประเทศไทยออกไปสู่สายตาชาวโลกเป็นภาพที่ดี จึงหวังว่าประชาชนที่จะมาชุมนุมน่าจะปฏิบัติตามกฎหมาย ตามกฎหลักการของระบอบประชาธิปไตย ไม่ทำให้อะไรที่เป็นการฝ่าผืนกฎหมายจนเกิดความเสียหายกับประเทศ
นายสุเทพ กล่าวว่าไม่กลัวผู้ปฏิบัติงานจะกลั่ว ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 เพราะการสั่งการของรัฐบาลชุดนี้จะเป็นไปโดยมีกฎหมายรองรับหากมีความผิดพลาดก็เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลหรือของฝ่ายการเมือง ไม่ใช่ของเจ้าหน้าที่ ตนจะสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษรทุกอย่างเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ ไม่ต้องมารับผิดในการปฏิบัติงาน
ผมยืนยันว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามกฎหมาย ภายใต้กรอบของกฎหมาย การสั่งการของรัฐบาลทุกอย่างต้องมีกฎหมายรองรับ ส่วนการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง มาควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงนั้น ผมคิดว่ามีความจำเป็น แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ ครม.จะพิจารณา ซึ่งรัฐบาลต้องการรักษาความสงบเรียร้อย อยากเรียนประชาขให้ช่วยกันวิงวอน และขอร้องผู้ที่มาชุมนุมอย่าทำอะไรที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ
ด้าน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์และประเมินว่ามีความรุนแรงหรือไม่ถึงประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย และให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้ อย่างไรก็ตาม การข่าวก็ยังไม่มีสิ่งใดผิดปกติหรือบ่งบอกว่าจะก่อให้เกิดความรุนแรง
***มท.1ระบุม็อบเสื้อแดง 3 หมื่น
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ตนเป็นห่วง และลำบากใจ เพราะเท่าที่ทราบจะมีผู้เข้ามาร่วมชุมนุมประมาณ 3 หมื่นคน ส่วนที่แกนนำคนเสื้อแดง ระบุว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนั้น ตนอยากให้เปลี่ยนแปลงไปในทาง ที่ดี เพื่อให้ประเทศมีความสงบสุข ถ้าการชุมนุมอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ก็คิดว่าคงไม่มีปัญหา เพราะมีการชุมนุมมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ทางที่ดีที่สุดไม่ควรมีการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงมหาดไทยจะขอดูแผนรักษาความปลอดภัยจากตำรวจ หรือไม่เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้องเหมือนครั้งที่ผ่านมา นายชวรัตน์ กล่าวว่า เป็นความคิดที่ดี แต่เรื่องนี้เขาไม่ได้ขอกระทรวงมหาดไทยไปร่วมประชุม หากมีโอกาสก็ยินดีเข้าร่วมประชุมด้วย จะได้ลดความเข้าใจผิดกันระหว่างหน่วยงานราชการด้วยกัน
***เย้ยแดงหวังเงินเต็มกระเป๋า
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ารัฐบาลจับตามองการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.และวิเคราะห์สถานการณ์มาโดยตลอด โดยใช้วอร์รูมของพรรคเป็นศูนย์กลางการประเมินสถานการณ์ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณใดๆ ที่น่ากลัว นอกจากความขัดแย้งในกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงกันเอง อาทิ แดงสยาม และแดงสยองของสามเกลอ รวมไปถึงความขัดแย้งในจุดยืนของระบอบทักษิณ ที่กลุ่มหนึ่งเป็นลิ่วล้อเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหาร ส่วนกลุ่มเครือญาติ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาแสดงความเห็นยุยงให้เกิดการปฏิวัติ ซึ่งเป็นความขัดแย้งในหลักการและจุดยืนชัดเจน แต่เชื่อว่าทั้งหมดในการเคลื่อนไหวมีเป้าหมายให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว
ส่วนการเคลื่อนไหวของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมโค่นล้มรัฐบาลอำมาตยธิปไตย ภายใต้ยุทธศาสตร์ เดินด้วยสองขา ทำงานด้วยสองแขน นั้น นายเทพไท กล่าวว่า เป็นยุทธศาสตร์ที่พูดความจริงไม่หมด เพราะยุทธศาสตร์ที่แท้จริงของกลุ่มคนเสื้อแดง คือ เดินด้วยสองขา ทำงานด้วยสองแขน เงินเต็มสองกระเป๋า ทั้งนี้ เชื่อว่า คนเหล่านี้ทำงานด้วยสองขา สองแขน ต้องมีเงินสนับสนุน และเงินทอนเก็บไว้สร้าง ฐานะทางการเงินให้กับตนเองด้วย เพราะการชุมนุมเสื้อแดงยืดเยื้อยาวนานเท่าไหร่ เงินทุนก็เป็นทวีคูณมากเท่านั้น เพราะทัศนคติของคนเหล่านี้คือ เงินไม่มา แขนขาไม่เดิน
***แนวคิด "ชัยสิทธิ์" สถาปนารัฐไทย
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวคิดเรื่องปฏิวัติที่จุดขึ้นโดย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สูงสุด ญาติผู้พี่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มันยืนยันแนวคิดในเรื่องการเปลี่ยนแปลงแนวทางการปกครองของ คนกลุ่มนี้จริงซึ่งก็ไปสอดรับการการสถาปนารัฐไทยใหม่ ตนมองว่าเรื่องนี้ กลายเป็นเรื่องปัญหาความมั่นคงอย่างชัดเจน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหว ที่ผ่านมาทั้งหมดว่าเป้าหมายคืออะไร เกี่ยวข้องการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปว่า เป้าหมายคืออะไร และตนคิดว่าการจะมาอ้างเรื่องการเคลื่อนไหวโดยการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ อย่างเดียวคงไม่ได้ ถ้าแนวคิดไปไกลถึงขนาดนี้
แนวคิดปฎิวัติผมคิดว่าใครทำตอนนี้ ก็คงเผชิญแรงต่อต้านจากประชาชนแน่นอน ผมอยากเห็นเศรษฐกิจดี ผมอยากเห็นประเทศเดินหน้า อยากเห็น เศรษฐกิจฟื้น ใครมาปฎิวัติตอนนี้ผมคิดว่าไม่ได้รับการขานรับจากมวลชน แต่คนที่เป็น คนเสนอแนวคิดนี้เขาสะท้อนถึงความคิดของกลุ่มของท่านเองว่าท่ากำลังคิดอะไร
***"ชัยสิทธิ์" โผล่อวดฉลาดซ้ำ
วานนี้ (14 ก.ย.) พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส. ยังออกมากล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.อีกครั้งว่า เป็นเรื่องของคนไทยที่ต้องการความยุติธรรม ส่วนกองทัพนั้นจะมายุ่งด้วยก็เพราะรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง อยากถามว่า ควรแล้วหรือที่กองทัพจะต้องออกมา ทั้งๆที่กลุ่มคนเสื้อแดงก็บอกแล้วว่าจะชุมนุมโดยสันติปราศจากอาวุธ ดังนั้นหากกองทัพออกมาแล้วมีอะไรที่เกินเลยก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดการปฏิวัติได้
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อ ไม่ชอบ และเป็นคนรักความยุติธรรม แต่มองว่าหากทุกอย่างไม่มีทางเลือก และมีการมองในเรื่องของการสลายอำนาจ ในบางครั้งก็อาจเป็นทางออกที่ต้องทำ เพื่อผ่าทางตัน
"ส่วนตัวเชื่อว่า ทหารคงไม่ทำการปฏิวัติ เพราะทหารอยู่ฝ่ายรัฐบาล เป็นคนของรัฐบาล จะทำไปทำไม บอกตรงๆ เขาใจไม่ถึงหรอก พ.ร.บ.ความมั่นคง เมื่อประกาศใช้ ก็คงไม่มีใครกล้าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้ามีใครยุแหย่ เช่น เหตุการณ์ 14 ต.ค. 16 ก็อาจจะทำให้มีการลุกฮือขึ้นมาได้ ทั้งทหาร ตำรวจ รัฐบาลใช้งานได้ทั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่า จะใช้แบบไหน ตอนนี้การเมืองกำลังเข้าไปแทรกแซงข้าราชการ พอมีเรื่องเมื่อไร นักการเมืองก็รอดทุกที มีแต่ข้าราชการที่ต้องรับโทษ" พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าขณะนี้กองทัพถูกแทรกแซงหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ตนออกมา 4 ปีแล้วคงไปวิจารณ์ไม่ได้ แต่เชื่อว่ากองทัพรู้หน้าที่ของเขาดี ส่วนห่วงทหารหรือไม่ หากมีการสลายการชุมนุม เพราะมีการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. ต่อรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นบรรทัดฐาน พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ปกติแล้วมีความยุติธรรมมากกว่านี้ แต่ ป.ป.ช.ชุดนี้ มาไม่ถูกต้อง ตั้งมาแต่ละคน ก็เป็นศัตรูทุกคน อยากถามว่าป.ป.ช.ชุดนี้ได้รับการโปรดเกล้าฯ มาหรือไม่ ถึงได้มาชี้มูลนายสมชาย ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยทำอะไรใคร.
***"ธานี" ติวเข้มคุมม็อบแดง
เมื่อเวลา 09.00 น.วันเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรชา ผบช.น.เรียกประชุมนายตำรวจ ระดับ รองผบช.น. รับผิดชอบงานความมั่นคง งานด้านการจราจร งานกิจการพิเศษ ดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยพื้นที่ กทม.สถานที่ราชการบ้านพักบุคคลสำคัญ พร้อมด้วย ผบก.น.1-9 ผู้บังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (ผบก.ตปพ.) ผบก.จร. และ ผบก.อก. และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อมอบนโยบาย ปฏิบัติหน้าที่พร้อมซักซ้อมทำความเข้าใจวางแนวทางปฏิบัติดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง วันที่ 19 ก.ย. โดยมี ผบช.ภ.1 ผู้บังคับการกองปราบปราม และตัวแทนหน่วยงานทหารเข้าร่วมด้วย
***ใช้แผนกรกฎ 52 ดูแล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดูแลความสงบเรียบร้อยกลุ่มผู้ชุมนุมครั้งนี้จะใช้กำลังจาก บช.น.เป็นหลัก มีกำลังจากหน่วยงานทหารเข้าร่วม 33 กองร้อย ใช้แผนปฏิบัติ กรกฎ 52 ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติเดียวกับการปฏิบัติในวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่ผ่านการปรับปรุงปรับเปลี่ยนการปฏิบัติจากคณะทำงานปรับปรุงแผนการควบคุมฝูงชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ท.อดุลย์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ปรับ แผนกรกฎ 48 เป็น แผนกรกฎ 52 ผ่านการศึกษาปัญหาข้อจำกัดต่างๆของแผนเดิมสู่ การทำงานควบคุมฝูงชนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทันต่อสถานการณ์การชุมนุม ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงปรับเปลี่ยนการจัดกำลัง ยุทธวิธี ยุทโธปกรณ์ เครื่องมือ กฎการใช้กำลัง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยยึดตามหลักมาตรฐานสากล เพื่อเป็นหลักประกันให้ตำรวจมีความมั่นใจในการทำงาน
โดยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นจะมีความชัดเจนในตัวผู้รับผิดชอบในการควบคุมฝูงชนมากขึ้นโดยมอบหมายให้นายตำรวจระดับกองบัญชาการ มีรองผู้บัญชาการ 1 คน เป็นผู้รับผิดชอบโดยเฉพาะ และระดับกองบังคับการมี รองผู้บังคับการ 1 คน เป็นผู้รับผิดชอบ และที่ผ่านมาเพื่อให้ทุกหน่วยมีความพร้อม ได้ทำการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมให้ กับกองร้อยควบคุมฝูงชน ส่วนเรื่อง ยุทโธปกรณ์ประจำกายนั้นมีการมีการนำอุปกรณ์เพิ่มเติมจำนวน 13,000 ชุด ได้แก่ หมวกโล่ กระบอง สนับแข้ง สนับมือ ที่ผ่านการจัดซื้อเรียบร้อยแล้วมาใช้ด้วย
พล.ต.อ.ธานี กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ซักซ้อมการปฏิบัติและรับทราบปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ไม่ให้เกิดปัญหาจนมีการร้องเรียน ป.ป.ช. โดยให้ผู้ปฏิบัติรับฟังคำสั่งการจากผู้บัญชาการเหตุการณ์คือ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เพียงผู้เดียว โดย ผบช.น.จะเป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ทั้งหมดเอง ส่วนในระดับ ตร.นั้นตนเองจะลงมาช่วยดู เชื่อว่าคงไม่รุนแรงเพราะจากการประเมินสถานการณ์จนถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรบ่งชี้ ส่วนจำนวนผู้เข้าชุมนุมยังตอบไม่ได้ว่ามากน้อยแค่ไหนต้องประเมินแบบวันต่อวัน เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายวัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีการชี้มูลของ ป.ป.ช.จะส่งผลต่อการควบคุมผู้ชุมนุม กลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า จากการซักซ้อมความเข้าใจแผนกรกฎ 52 พล.ต.ท.วรพงษ์ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ก็ได้ให้ความมั่นใจแล้ว ผู้ปฏิบัติทั้งหมดก็จะเพียงแต่ฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาแล้วไม่ต้องรับผิดชอบ ผู้บังคับบัญชาจะรับผิดชอบเองคนเดียว ซึ่งแผนกรกฎ 52 ต่างจากแผนกรกฎ 48 คือมีการปรับปรุงการปฏิบัติการที่ระบุชัดเจนขึ้นว่าต้องทำอย่างไร
***สมเจตน์ชี้ไม่แรงถึงขั้นปฏิวัติซ้ำ
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าว่า การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ไม่น่ามีเหตุรุนแรงที่จะนำไปสู่การปฏิวัติ เพราะการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงขาดความน่าเชื่อถือจากประชาชนจากเหตุการณ์ป่วนเมืองกลางกรุงเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา รวมทั้งการปล่อยคลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่กลุ่มคนเสื้อแดงอ้างว่าเป็นการสั่งสลายการชุมนุม ที่สำคัญการชุมนุมนั้นก็เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนร่วม แต่อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่รัฐไม่ควรประมาทในการดูแลการชุมนุม เพราะกลุ่มเสื้อแดงต้องการให้เกิดความรุนแรง เหมือนเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ รร.รอยัล คลิฟ บีช เมืองพัทยา
วันเดียวกัน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มองว่า สถานการณ์ไม่เอื้อไปถึงขั้นปฏิวัติ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังสามารถประสานผลประโยชน์กันได้อย่างลงตัว เมื่อผลประโยชน์ทุกอย่างลงตัว จึงทำให้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในรัฐบาล แม้ที่ผ่านมาในการบริหารประเทศรัฐบาลจะมีความล้มเหลว ทั้งเรื่องการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง และการเสียที่ดินบริเวณปราสาทพระวิหาร แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่พรรคร่วมฯ ร่วมมือกันไม่ได้
**"แม้ว" อ้างไม่ได้ติดต่อใครเรื่อง 19 ก.ย.
เมื่อเวลา 19.00น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินเข้ามาที่งานเลี้ยงสังสรรค์ หลังจากกลุ่มอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย และเพื่อแผ่นดิน ได้ออกรอบตีกอล์ฟ โดยกล่าวว่า ดีใจที่ได้คุยกัน ได้แสดงให้เขาเห็นว่าเราต้องอดทน และกล้ายิ้มรับความไม่เป็นธรรมอีกเยอะ แล้วที่สุดความจริงเท่านั้นที่จะชนะ แม้จะมีคนโกหก ต่อเนื่องยาวนานอย่างไร แต่ก็จะหนีความจริงไปไม่ได้ ถ้าเรายังเข้มแข็ง เข้าใจกัน สักวันหนึ่งประเทศไทยจะสดใส
พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวบอกสื่อว่า ถ้าประเทศไทยไม่มีความจริง ไม่มีความยุติธรรม ก็อยู่ลำบาก ตนได้รับโทรศัพท์ มีคนบ่นว่า คนเริ่มไม่อยากดูโทรทัศน์ เพราะไม่เป็นกลาง แต่ตนไม่รู้ว่าจริงหรือไม่เพราะไม่ได้ดู คนในสื่อส่วนใหญ่ทำงานด้วยอุดมการณ์ แต่ผู้มีอิทธิพลในแต่ละสำนัก อาจเกรงใจ เกรงกลัว เลยทำให้ทุกวันนี้ ข่าวไม่ค่อยเป็นข่าว ก็ได้แต่หวังว่าความจริงจะชนะสักวันหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ชัยชนะของเสื้อเหลือง - เสื้อแดง ไม่ใช่ชัยชนะของ ปชป. หรือเพื่อไทย แต่เป็นชัยชนะของความจริง แล้วในที่สุด ก็จะเจอผู้ชายที่ชื่อนายสันติสุข
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถามสื่อว่า มีอะไรจะถามตนหรือไม่ พร้อมกระเซ้าว่า คงไม่มีใครอยากถาม เพราะกลัวจะเป็น "จอม เพชรประดับ 2 "
อย่างไรก็ตาม สื่อได้ถามว่า มองการชุมนุมวันที่ 19ก.ย.นี้อย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันที่ 19ก.ย.นี้เป็นวันครบรอบ 3 ปีการปฏิวัติ รัฐประหาร การที่ประชาชนจะมาชุมนุมคงจะเป็นสัญญลักษร์บอกว่า ประชาชนไม่ชอบการปฏิวัติ เพราะทำให้ประเทศเสียหาย แต่เรื่องนี้ตนยังไม่ได้คุยกับใครเลย แต่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลมาจากค่ายทหาร คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
***กก.สิทธิฯค้านประกาศ พ.ร.บ.
น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กก.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง เพื่อพิจารณาคำร้องของ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตัวแทนกลุ่ม 24 มิ.ย. ประชาธิปไตย ที่ขอให้ตรวจสอบ การพิจารณาประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ ว่า หลังจากฟังคำชี้แจงจาก นายจิตติชัย แสงทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักงานรัฐมนตรีในฐานะตัวแทน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตี ตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองทัพบก ได้ข้อสรุปว่า การจะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ต้องมีปรากฏการณ์ที่ชัดเจนว่าจะกระทบต่อความมั่นคง ซึ่งครั้งนี้ตัวแทนของรัฐบาลยังไม่สามารถ ให้เหตุผลที่ชัดเจนต่อกรรมการสิทธิ์ได้ การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงของรัฐบาล เพื่อรองรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา จึงไม่มีเหตุผล ที่เหมาะสมที่จะประกาศใช้ก่อน เพราะข้อเท็จจริงที่นำมาสู่การประกาศฯไม่เพียงพอ
และก่อนประกาศใช้ก็ยังไม่มีสถานการณ์ประจักษ์ชัดว่าจะเกิดความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงตาม ม.15 ของพ.ร.บ.ความมั่นคง ดังนั้น การประกาศใช้จึง ไม่เหมาะสม เพราะสังคมไทยยังมีมาตรการปกติเข้ามาดูแลผู้ชุมนุมได้ตามรัฐธรรมนูญ ม. 63 ที่มีขั้นตอนปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมจนถึงมาตรการขั้นเด็ดขาด หากผู้ชุมนุมใช้สิทธ์เกินเลยกว่าที่กฎหมายกำหนด และตัวพ.ร.บ.ได้กำหนดไว้ว่า นายกฯ และรองนายกฯ อีก 1 คนสามารถประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงได้ภายใน 1 ชั่วโมงหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง ตามที่คณะกฤษฎีกาได้ตีความให้อำนาจ รัฐบาลจึงควรให้สถานการณ์เป็นตัวกำหนดในการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะการประกาศใช้ก่อนเหมือนจะกระทบสิทธิ์ของประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ใช้สิทธิ์ชุมนุมกลุ่มอื่นๆ ด้วย.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (14 ก.ย.) ถึงกรณีที่ชุมนุม ของกลุ่มคน เสื้อแดง ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่นายกรัฐมนตีเดินทาง ไปประชุมสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระหว่างวันที่ 20-26 ก.ย.นี้ ว่า ได้คุยไว้แล้ว ถ้ามีความจำเป็นอยากจะสื่อสารก็จะติดต่อกลับมา แต่คงไม่มีการกำหนดตายตัวว่าจะต้องติดต่อกลับมาทุกวัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.ไม่น่ามีอะไร เหตุการณ์น่าจะปกติ ส่วนกระแสข่าวปฏิวัตินั้น ตนยังมองไม่เห็นเหตุผล
ส่วนเหตุผลที่เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงนั้น นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการเห็นบ้านเมืองอยู่ในสภาวะปกติ ขณะนี้ไม่มี เงื่อนไขอะไรเลย มีคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง และอยากแสดงออก ก็ขอให้แสดงออกอยู่ในกรอบของกฎหมาย ถ้าเกินเลยไป เจ้าหน้าที่ที่รักษากฎหมายก็ต้องทำหน้าที่ของเขา
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่มีอะไรเลย การทำงานปกติ ทุกคนก็ปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง
***ถก พ.ร.บ.ความมั่นคงวันนี้
การประชุม ครม.ในวันนี้ (15 ก.ย.) จะพิจารณาการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 โดยจะดูถึงเวลาและสถานที่ที่จะประกาศใช้ ซึ่งยังคงให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เป็น ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งการประชุม กอ.รมน.จะเกิดหลังการประชุม ครม.แล้วในวันที่ 15 ก.ย. ส่วนจะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เฉพาะเขตดุสิตหรือไม่นั้นจะสรุปในการประชุม ครม.วันที่ 15 ก.ย.นี้
นายอภิสิทธิ์ เชื่อว่าแม้จะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯบ่อยก็จะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะที่ประกาศทุกครั้งเป็นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้ว และเป็นการประกาศเพื่อป้องกันให้เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเท่านั้นเอง และการประกาศก็ไม่ได้บ่อยมาก เฉพาะเวลามีการประชุมที่สำคัญ ที่จำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้น ถึงจะประกาศเท่านั้น
ผู้สื่อช่าวถามว่า กรณีที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงยังมีคดีติดตัวอยู่ตำรวจ ต้องมีการพิจารณาเรื่องการถอนประกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นเงื่อนไข ที่ไปขัดกับคดีในอดีตต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งก็ต้องดูไปตามข้อเท็จจริง เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้ยังไม่มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)จะเป็นสูญญาการ ในการดูแลกลุ่มชุมนุมหรือไม่ เนื่องจากไม่มีผู้บัญชาการสูงสุด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สอบถาม พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการ ผบ.ตร.แล้ว ท่านก็บอกว่าไม่มีปัญหาอุปสรรคอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯแล้วจะทำให้เจ้าหน้าที่ ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความมั่นใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นประเด็นหนึ่ง ที่เวลาเราประกาศใช้กฎหมายก็จะมีการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และตนได้ยืนยันไปแล้วว่า แนวทางของรัฐบาลไม่ต้องการให้มีปัญหาหรือการกระทบกระทั่ง จนเกิดความรุนแรง ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายปกติก็จะได้รับการคุ้มครองอยู่แล้ว มีอำนาจพิเศษตามกฎหมายก็ได้รับการคุ้มครองชัดเจนขึ้นไปอีก และตราบใดที่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ทางรัฐบาลก็จะเป็นผู้รับผิดชอบ
ความจริงการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ก็เพื่อประโยชน์ทำให้เกิด ความเรียบร้อยและเป็นประโยชน์กับผู้ชุมนุมเองด้วย เพราะจะทำให้ตรวจตราอาวุธ ต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้นด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแทรกซ้อนขึ้นได้
ส่วนการที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะไปชุมนุมหน้าบ้านสีเสาเทเวศน์ ซึ่งเป็นบ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงจะเป็นผู้กำหนดแผน และอาจจะต้องมีการพูดคุยกับผู้ชุมนุมทำความเข้าใจกัน ซึ่งในส่วนของผู้ชุมนุมเองเห็นแกนนำก็มีความกังวล ในเรื่องของมือที่สามอยู่ ก็เห็นจะมีมาตรการในการติดกล้อง ดังนั้นถ้าทุกคนต้องการ เห็นการชุมนุมหรือการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมายว่าน่าจะพูดคุยกันเพื่อกำหนดแนวทางได้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 19 ก.ย.รัฐบาลพยายามหาวิธีรักษาความสงบเรียบร้อยให้ดีที่สุด ขณะนี้ปัญหาของเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นจึงอยากให้ ภาพของประเทศไทยออกไปสู่สายตาชาวโลกเป็นภาพที่ดี จึงหวังว่าประชาชนที่จะมาชุมนุมน่าจะปฏิบัติตามกฎหมาย ตามกฎหลักการของระบอบประชาธิปไตย ไม่ทำให้อะไรที่เป็นการฝ่าผืนกฎหมายจนเกิดความเสียหายกับประเทศ
นายสุเทพ กล่าวว่าไม่กลัวผู้ปฏิบัติงานจะกลั่ว ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 เพราะการสั่งการของรัฐบาลชุดนี้จะเป็นไปโดยมีกฎหมายรองรับหากมีความผิดพลาดก็เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลหรือของฝ่ายการเมือง ไม่ใช่ของเจ้าหน้าที่ ตนจะสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษรทุกอย่างเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ ไม่ต้องมารับผิดในการปฏิบัติงาน
ผมยืนยันว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามกฎหมาย ภายใต้กรอบของกฎหมาย การสั่งการของรัฐบาลทุกอย่างต้องมีกฎหมายรองรับ ส่วนการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง มาควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงนั้น ผมคิดว่ามีความจำเป็น แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ ครม.จะพิจารณา ซึ่งรัฐบาลต้องการรักษาความสงบเรียร้อย อยากเรียนประชาขให้ช่วยกันวิงวอน และขอร้องผู้ที่มาชุมนุมอย่าทำอะไรที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ
ด้าน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์และประเมินว่ามีความรุนแรงหรือไม่ถึงประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย และให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้ อย่างไรก็ตาม การข่าวก็ยังไม่มีสิ่งใดผิดปกติหรือบ่งบอกว่าจะก่อให้เกิดความรุนแรง
***มท.1ระบุม็อบเสื้อแดง 3 หมื่น
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ตนเป็นห่วง และลำบากใจ เพราะเท่าที่ทราบจะมีผู้เข้ามาร่วมชุมนุมประมาณ 3 หมื่นคน ส่วนที่แกนนำคนเสื้อแดง ระบุว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนั้น ตนอยากให้เปลี่ยนแปลงไปในทาง ที่ดี เพื่อให้ประเทศมีความสงบสุข ถ้าการชุมนุมอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ก็คิดว่าคงไม่มีปัญหา เพราะมีการชุมนุมมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ทางที่ดีที่สุดไม่ควรมีการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงมหาดไทยจะขอดูแผนรักษาความปลอดภัยจากตำรวจ หรือไม่เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้องเหมือนครั้งที่ผ่านมา นายชวรัตน์ กล่าวว่า เป็นความคิดที่ดี แต่เรื่องนี้เขาไม่ได้ขอกระทรวงมหาดไทยไปร่วมประชุม หากมีโอกาสก็ยินดีเข้าร่วมประชุมด้วย จะได้ลดความเข้าใจผิดกันระหว่างหน่วยงานราชการด้วยกัน
***เย้ยแดงหวังเงินเต็มกระเป๋า
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ารัฐบาลจับตามองการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.และวิเคราะห์สถานการณ์มาโดยตลอด โดยใช้วอร์รูมของพรรคเป็นศูนย์กลางการประเมินสถานการณ์ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณใดๆ ที่น่ากลัว นอกจากความขัดแย้งในกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงกันเอง อาทิ แดงสยาม และแดงสยองของสามเกลอ รวมไปถึงความขัดแย้งในจุดยืนของระบอบทักษิณ ที่กลุ่มหนึ่งเป็นลิ่วล้อเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหาร ส่วนกลุ่มเครือญาติ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาแสดงความเห็นยุยงให้เกิดการปฏิวัติ ซึ่งเป็นความขัดแย้งในหลักการและจุดยืนชัดเจน แต่เชื่อว่าทั้งหมดในการเคลื่อนไหวมีเป้าหมายให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว
ส่วนการเคลื่อนไหวของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมโค่นล้มรัฐบาลอำมาตยธิปไตย ภายใต้ยุทธศาสตร์ เดินด้วยสองขา ทำงานด้วยสองแขน นั้น นายเทพไท กล่าวว่า เป็นยุทธศาสตร์ที่พูดความจริงไม่หมด เพราะยุทธศาสตร์ที่แท้จริงของกลุ่มคนเสื้อแดง คือ เดินด้วยสองขา ทำงานด้วยสองแขน เงินเต็มสองกระเป๋า ทั้งนี้ เชื่อว่า คนเหล่านี้ทำงานด้วยสองขา สองแขน ต้องมีเงินสนับสนุน และเงินทอนเก็บไว้สร้าง ฐานะทางการเงินให้กับตนเองด้วย เพราะการชุมนุมเสื้อแดงยืดเยื้อยาวนานเท่าไหร่ เงินทุนก็เป็นทวีคูณมากเท่านั้น เพราะทัศนคติของคนเหล่านี้คือ เงินไม่มา แขนขาไม่เดิน
***แนวคิด "ชัยสิทธิ์" สถาปนารัฐไทย
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวคิดเรื่องปฏิวัติที่จุดขึ้นโดย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สูงสุด ญาติผู้พี่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มันยืนยันแนวคิดในเรื่องการเปลี่ยนแปลงแนวทางการปกครองของ คนกลุ่มนี้จริงซึ่งก็ไปสอดรับการการสถาปนารัฐไทยใหม่ ตนมองว่าเรื่องนี้ กลายเป็นเรื่องปัญหาความมั่นคงอย่างชัดเจน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหว ที่ผ่านมาทั้งหมดว่าเป้าหมายคืออะไร เกี่ยวข้องการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปว่า เป้าหมายคืออะไร และตนคิดว่าการจะมาอ้างเรื่องการเคลื่อนไหวโดยการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ อย่างเดียวคงไม่ได้ ถ้าแนวคิดไปไกลถึงขนาดนี้
แนวคิดปฎิวัติผมคิดว่าใครทำตอนนี้ ก็คงเผชิญแรงต่อต้านจากประชาชนแน่นอน ผมอยากเห็นเศรษฐกิจดี ผมอยากเห็นประเทศเดินหน้า อยากเห็น เศรษฐกิจฟื้น ใครมาปฎิวัติตอนนี้ผมคิดว่าไม่ได้รับการขานรับจากมวลชน แต่คนที่เป็น คนเสนอแนวคิดนี้เขาสะท้อนถึงความคิดของกลุ่มของท่านเองว่าท่ากำลังคิดอะไร
***"ชัยสิทธิ์" โผล่อวดฉลาดซ้ำ
วานนี้ (14 ก.ย.) พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส. ยังออกมากล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.อีกครั้งว่า เป็นเรื่องของคนไทยที่ต้องการความยุติธรรม ส่วนกองทัพนั้นจะมายุ่งด้วยก็เพราะรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง อยากถามว่า ควรแล้วหรือที่กองทัพจะต้องออกมา ทั้งๆที่กลุ่มคนเสื้อแดงก็บอกแล้วว่าจะชุมนุมโดยสันติปราศจากอาวุธ ดังนั้นหากกองทัพออกมาแล้วมีอะไรที่เกินเลยก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดการปฏิวัติได้
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อ ไม่ชอบ และเป็นคนรักความยุติธรรม แต่มองว่าหากทุกอย่างไม่มีทางเลือก และมีการมองในเรื่องของการสลายอำนาจ ในบางครั้งก็อาจเป็นทางออกที่ต้องทำ เพื่อผ่าทางตัน
"ส่วนตัวเชื่อว่า ทหารคงไม่ทำการปฏิวัติ เพราะทหารอยู่ฝ่ายรัฐบาล เป็นคนของรัฐบาล จะทำไปทำไม บอกตรงๆ เขาใจไม่ถึงหรอก พ.ร.บ.ความมั่นคง เมื่อประกาศใช้ ก็คงไม่มีใครกล้าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้ามีใครยุแหย่ เช่น เหตุการณ์ 14 ต.ค. 16 ก็อาจจะทำให้มีการลุกฮือขึ้นมาได้ ทั้งทหาร ตำรวจ รัฐบาลใช้งานได้ทั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่า จะใช้แบบไหน ตอนนี้การเมืองกำลังเข้าไปแทรกแซงข้าราชการ พอมีเรื่องเมื่อไร นักการเมืองก็รอดทุกที มีแต่ข้าราชการที่ต้องรับโทษ" พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าขณะนี้กองทัพถูกแทรกแซงหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ตนออกมา 4 ปีแล้วคงไปวิจารณ์ไม่ได้ แต่เชื่อว่ากองทัพรู้หน้าที่ของเขาดี ส่วนห่วงทหารหรือไม่ หากมีการสลายการชุมนุม เพราะมีการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. ต่อรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นบรรทัดฐาน พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ปกติแล้วมีความยุติธรรมมากกว่านี้ แต่ ป.ป.ช.ชุดนี้ มาไม่ถูกต้อง ตั้งมาแต่ละคน ก็เป็นศัตรูทุกคน อยากถามว่าป.ป.ช.ชุดนี้ได้รับการโปรดเกล้าฯ มาหรือไม่ ถึงได้มาชี้มูลนายสมชาย ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยทำอะไรใคร.
***"ธานี" ติวเข้มคุมม็อบแดง
เมื่อเวลา 09.00 น.วันเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรชา ผบช.น.เรียกประชุมนายตำรวจ ระดับ รองผบช.น. รับผิดชอบงานความมั่นคง งานด้านการจราจร งานกิจการพิเศษ ดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยพื้นที่ กทม.สถานที่ราชการบ้านพักบุคคลสำคัญ พร้อมด้วย ผบก.น.1-9 ผู้บังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (ผบก.ตปพ.) ผบก.จร. และ ผบก.อก. และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อมอบนโยบาย ปฏิบัติหน้าที่พร้อมซักซ้อมทำความเข้าใจวางแนวทางปฏิบัติดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง วันที่ 19 ก.ย. โดยมี ผบช.ภ.1 ผู้บังคับการกองปราบปราม และตัวแทนหน่วยงานทหารเข้าร่วมด้วย
***ใช้แผนกรกฎ 52 ดูแล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดูแลความสงบเรียบร้อยกลุ่มผู้ชุมนุมครั้งนี้จะใช้กำลังจาก บช.น.เป็นหลัก มีกำลังจากหน่วยงานทหารเข้าร่วม 33 กองร้อย ใช้แผนปฏิบัติ กรกฎ 52 ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติเดียวกับการปฏิบัติในวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่ผ่านการปรับปรุงปรับเปลี่ยนการปฏิบัติจากคณะทำงานปรับปรุงแผนการควบคุมฝูงชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ท.อดุลย์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ปรับ แผนกรกฎ 48 เป็น แผนกรกฎ 52 ผ่านการศึกษาปัญหาข้อจำกัดต่างๆของแผนเดิมสู่ การทำงานควบคุมฝูงชนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทันต่อสถานการณ์การชุมนุม ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงปรับเปลี่ยนการจัดกำลัง ยุทธวิธี ยุทโธปกรณ์ เครื่องมือ กฎการใช้กำลัง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยยึดตามหลักมาตรฐานสากล เพื่อเป็นหลักประกันให้ตำรวจมีความมั่นใจในการทำงาน
โดยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นจะมีความชัดเจนในตัวผู้รับผิดชอบในการควบคุมฝูงชนมากขึ้นโดยมอบหมายให้นายตำรวจระดับกองบัญชาการ มีรองผู้บัญชาการ 1 คน เป็นผู้รับผิดชอบโดยเฉพาะ และระดับกองบังคับการมี รองผู้บังคับการ 1 คน เป็นผู้รับผิดชอบ และที่ผ่านมาเพื่อให้ทุกหน่วยมีความพร้อม ได้ทำการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมให้ กับกองร้อยควบคุมฝูงชน ส่วนเรื่อง ยุทโธปกรณ์ประจำกายนั้นมีการมีการนำอุปกรณ์เพิ่มเติมจำนวน 13,000 ชุด ได้แก่ หมวกโล่ กระบอง สนับแข้ง สนับมือ ที่ผ่านการจัดซื้อเรียบร้อยแล้วมาใช้ด้วย
พล.ต.อ.ธานี กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ซักซ้อมการปฏิบัติและรับทราบปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ไม่ให้เกิดปัญหาจนมีการร้องเรียน ป.ป.ช. โดยให้ผู้ปฏิบัติรับฟังคำสั่งการจากผู้บัญชาการเหตุการณ์คือ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เพียงผู้เดียว โดย ผบช.น.จะเป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ทั้งหมดเอง ส่วนในระดับ ตร.นั้นตนเองจะลงมาช่วยดู เชื่อว่าคงไม่รุนแรงเพราะจากการประเมินสถานการณ์จนถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรบ่งชี้ ส่วนจำนวนผู้เข้าชุมนุมยังตอบไม่ได้ว่ามากน้อยแค่ไหนต้องประเมินแบบวันต่อวัน เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายวัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีการชี้มูลของ ป.ป.ช.จะส่งผลต่อการควบคุมผู้ชุมนุม กลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า จากการซักซ้อมความเข้าใจแผนกรกฎ 52 พล.ต.ท.วรพงษ์ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ก็ได้ให้ความมั่นใจแล้ว ผู้ปฏิบัติทั้งหมดก็จะเพียงแต่ฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาแล้วไม่ต้องรับผิดชอบ ผู้บังคับบัญชาจะรับผิดชอบเองคนเดียว ซึ่งแผนกรกฎ 52 ต่างจากแผนกรกฎ 48 คือมีการปรับปรุงการปฏิบัติการที่ระบุชัดเจนขึ้นว่าต้องทำอย่างไร
***สมเจตน์ชี้ไม่แรงถึงขั้นปฏิวัติซ้ำ
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าว่า การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ไม่น่ามีเหตุรุนแรงที่จะนำไปสู่การปฏิวัติ เพราะการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงขาดความน่าเชื่อถือจากประชาชนจากเหตุการณ์ป่วนเมืองกลางกรุงเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา รวมทั้งการปล่อยคลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่กลุ่มคนเสื้อแดงอ้างว่าเป็นการสั่งสลายการชุมนุม ที่สำคัญการชุมนุมนั้นก็เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนร่วม แต่อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่รัฐไม่ควรประมาทในการดูแลการชุมนุม เพราะกลุ่มเสื้อแดงต้องการให้เกิดความรุนแรง เหมือนเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ รร.รอยัล คลิฟ บีช เมืองพัทยา
วันเดียวกัน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มองว่า สถานการณ์ไม่เอื้อไปถึงขั้นปฏิวัติ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังสามารถประสานผลประโยชน์กันได้อย่างลงตัว เมื่อผลประโยชน์ทุกอย่างลงตัว จึงทำให้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในรัฐบาล แม้ที่ผ่านมาในการบริหารประเทศรัฐบาลจะมีความล้มเหลว ทั้งเรื่องการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง และการเสียที่ดินบริเวณปราสาทพระวิหาร แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่พรรคร่วมฯ ร่วมมือกันไม่ได้
**"แม้ว" อ้างไม่ได้ติดต่อใครเรื่อง 19 ก.ย.
เมื่อเวลา 19.00น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินเข้ามาที่งานเลี้ยงสังสรรค์ หลังจากกลุ่มอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย และเพื่อแผ่นดิน ได้ออกรอบตีกอล์ฟ โดยกล่าวว่า ดีใจที่ได้คุยกัน ได้แสดงให้เขาเห็นว่าเราต้องอดทน และกล้ายิ้มรับความไม่เป็นธรรมอีกเยอะ แล้วที่สุดความจริงเท่านั้นที่จะชนะ แม้จะมีคนโกหก ต่อเนื่องยาวนานอย่างไร แต่ก็จะหนีความจริงไปไม่ได้ ถ้าเรายังเข้มแข็ง เข้าใจกัน สักวันหนึ่งประเทศไทยจะสดใส
พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวบอกสื่อว่า ถ้าประเทศไทยไม่มีความจริง ไม่มีความยุติธรรม ก็อยู่ลำบาก ตนได้รับโทรศัพท์ มีคนบ่นว่า คนเริ่มไม่อยากดูโทรทัศน์ เพราะไม่เป็นกลาง แต่ตนไม่รู้ว่าจริงหรือไม่เพราะไม่ได้ดู คนในสื่อส่วนใหญ่ทำงานด้วยอุดมการณ์ แต่ผู้มีอิทธิพลในแต่ละสำนัก อาจเกรงใจ เกรงกลัว เลยทำให้ทุกวันนี้ ข่าวไม่ค่อยเป็นข่าว ก็ได้แต่หวังว่าความจริงจะชนะสักวันหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ชัยชนะของเสื้อเหลือง - เสื้อแดง ไม่ใช่ชัยชนะของ ปชป. หรือเพื่อไทย แต่เป็นชัยชนะของความจริง แล้วในที่สุด ก็จะเจอผู้ชายที่ชื่อนายสันติสุข
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถามสื่อว่า มีอะไรจะถามตนหรือไม่ พร้อมกระเซ้าว่า คงไม่มีใครอยากถาม เพราะกลัวจะเป็น "จอม เพชรประดับ 2 "
อย่างไรก็ตาม สื่อได้ถามว่า มองการชุมนุมวันที่ 19ก.ย.นี้อย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันที่ 19ก.ย.นี้เป็นวันครบรอบ 3 ปีการปฏิวัติ รัฐประหาร การที่ประชาชนจะมาชุมนุมคงจะเป็นสัญญลักษร์บอกว่า ประชาชนไม่ชอบการปฏิวัติ เพราะทำให้ประเทศเสียหาย แต่เรื่องนี้ตนยังไม่ได้คุยกับใครเลย แต่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลมาจากค่ายทหาร คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
***กก.สิทธิฯค้านประกาศ พ.ร.บ.
น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กก.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง เพื่อพิจารณาคำร้องของ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตัวแทนกลุ่ม 24 มิ.ย. ประชาธิปไตย ที่ขอให้ตรวจสอบ การพิจารณาประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ ว่า หลังจากฟังคำชี้แจงจาก นายจิตติชัย แสงทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักงานรัฐมนตรีในฐานะตัวแทน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตี ตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองทัพบก ได้ข้อสรุปว่า การจะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ต้องมีปรากฏการณ์ที่ชัดเจนว่าจะกระทบต่อความมั่นคง ซึ่งครั้งนี้ตัวแทนของรัฐบาลยังไม่สามารถ ให้เหตุผลที่ชัดเจนต่อกรรมการสิทธิ์ได้ การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงของรัฐบาล เพื่อรองรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา จึงไม่มีเหตุผล ที่เหมาะสมที่จะประกาศใช้ก่อน เพราะข้อเท็จจริงที่นำมาสู่การประกาศฯไม่เพียงพอ
และก่อนประกาศใช้ก็ยังไม่มีสถานการณ์ประจักษ์ชัดว่าจะเกิดความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงตาม ม.15 ของพ.ร.บ.ความมั่นคง ดังนั้น การประกาศใช้จึง ไม่เหมาะสม เพราะสังคมไทยยังมีมาตรการปกติเข้ามาดูแลผู้ชุมนุมได้ตามรัฐธรรมนูญ ม. 63 ที่มีขั้นตอนปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมจนถึงมาตรการขั้นเด็ดขาด หากผู้ชุมนุมใช้สิทธ์เกินเลยกว่าที่กฎหมายกำหนด และตัวพ.ร.บ.ได้กำหนดไว้ว่า นายกฯ และรองนายกฯ อีก 1 คนสามารถประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงได้ภายใน 1 ชั่วโมงหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง ตามที่คณะกฤษฎีกาได้ตีความให้อำนาจ รัฐบาลจึงควรให้สถานการณ์เป็นตัวกำหนดในการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะการประกาศใช้ก่อนเหมือนจะกระทบสิทธิ์ของประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ใช้สิทธิ์ชุมนุมกลุ่มอื่นๆ ด้วย.