รายงาน โดย แสงตะวัน
แม้ “จอม เพชรประดับ” อดีตผู้ดำเนินรายการนิวส์ทอล์กทางวิทยุและโทรทัศน์คนดัง จะเล่นบท ตัดปัญหา
ด้วยการยุติการจัดรายการเอ็กซ์คลูซีฟ ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ไปแล้ว
หลังเกิดกรณีสัมภาษณ์สด(ชง) ทักษิณ ชินวัตร ผู้หนีหมายจับคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯของศาลฎีกา และอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ออกมาปลุกระดมให้คนเสื้อแดงออกไปก่อเหตุรุนแรงในกรุงเทพมหานครช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แบบเผาบ้านผลาญเมือง ผ่านรายการดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา
ถือเป็นการตัดปัญหาที่ “จอม” ซึ่งอ้างว่าตัวเองคือสื่อมวลชนผู้ต้องการเสนอข้อเท็จจริงรอบด้าน ได้ทิ้งปัญหาที่ตัวเองก่อเอาไว้กับผู้อยู่ข้างหลังใน อสมท ซึ่งกำลังมีการสอบสวนกันอยู่ว่า เหตุใดจึงมีการปล่อยให้มีการสัมภาษณ์นี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับฝ่ายสถานีและฝ่ายเทคนิค
แต่ตัว “จอม” ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุกลับเลือกที่จะไม่ยอมรับผิดชอบใดๆ
แม้เรื่องนี้ซึ่งคาดว่าคงจบในอีกไม่วันข้างหน้านี้
ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็พบว่า ทุกฝ่ายทุกเกี่ยวข้องต่างก็มีแง่มุมที่ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์แตกต่างกันไป
เพราะเห็นได้ชัดว่า นี่ไม่ใช่การสื่อสารตามปกติ แต่เป็นการสื่อสารทางการเมืองบนสงครามข่าวสารระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับทักษิณ ชินวัตร
นายจอม เพชรประดับ ซึ่งแม้เจ้าตัวจะอ้างว่าเขาทำหน้าที่สื่อเพื่อต้องการข้อมูลรอบด้าน แต่จะพบว่า คำถามที่จอมตั้งกับทักษิณ ไม่ได้มีอะไรแหลมคมหรือมุ่งค้นหาข้อเท็จจริงอะไรมากมายเลย
แต่เป็นการตั้งคำถามแบบ “คำถามเปิด” หรือที่เรียกกันว่า “ถามชง” เพื่อให้ผู้ถูกถามได้ตอบ หรือชี้แจงเพื่อทำให้ตัวเองดูดีขึ้น และลบล้างข้อสงสัยทั้งหมดทางการเมือง
การทำงานของ “จอม” จึงสู้การตั้งคำถามของสื่อมวลชนต่างชาติหลายแห่งทั้ง บีบีซี-อัลจาซีราห์ ที่ซักถามทักษิณตายคาจอมาแล้วในช่วงสงกรานต์เลือดชนิดเทียบกันไม่ได้
นอกจากนี้ ก็น่าสงสัยไม่น้อยกับการที่ “จอม” อ้างว่าทักษิณติดต่อเข้ามาเองโดยกระทันหันในวันออกอากาศ เพราะหากดูจากที่ผ่านมา ในการโฟนอิน-วิดีโอลิงก์ของทักษิณ นักโทษชายรายนี้ทุกครั้งผ่านสื่อเสื้อแดงหรือบนเวทีเสื้อแดงจะมีการแจ้งและประสานกับทีมงานไว้ล่วงหน้าทั้งสิ้น
โดยเฉพาะช่วงหลังทักษิณจะต้องแจ้งผ่านทวิตเตอร์ของตัวเองเอาไว้ อย่างเช่นล่าสุดที่วีดีโอลิงก์ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวดงมูลเหล็ก แต่ครั้งนี้สาเหตุที่ทักษิณไม่แจ้งล่วงหน้า ก็อาจเพราะไม่ต้องการให้รู้ว่ามีการตระเตรียมกันไว้ก่อนก็ได้
ขณะเดียวกันข้ออ้างของ “จอม” ที่ว่าเขาต้องการเสรีภาพสื่อ ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะ “จอม”ใช้สื่อของรัฐอย่างวิทยุ อสมท มาทำให้เป็นกระบอกเสียงของทักษิณ ทั้งที่ตัวทักษิณเป็นคนที่กระทำไม่ดีต่อรัฐ ปลุกระดมยุยงส่งเสริมให้ประชาชนเสื้อแดงออกมาก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองหลายครั้ง และยังเป็นผู้หลบหนีคดีที่ศาลตัดสินจำคุก อีกทั้งมีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันหลายต่อหลายครั้ง
แล้วคนแบบนี้หรอกหรือที่ “จอม” มาเปิดเวทีให้ฟอกความผิดของตัวเองโดยที่ “จอม” รู้ไม่เท่าทันและได้ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณอีกครั้งหนึ่ง หลังจากก่อนหน้านี้ก็เคยมีปัญหาเรื่องการบินไปสัมภาษณ์ทักษิณที่ต่างประเทศมาแล้วสมัยทำรายการตัวจริง ชัดเจนทางไอทีวีเดิม
“จอม” ไม่ใช่สื่อจริง เป็นสื่อปลอมและได้ขายวิญญาณไปนานแล้ว ครั้งหนึ่งในสมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ “จอม” เคยนัดหมายสัมภาษณ์ผู้นำฝ่ายค้านออกรายการ แต่เมื่อข่าวรู้ไปถึง คนมีอำนาจ เหนือกว่าเขาสั่งให้ยกเลิก “จอม” ก็กดโทรศัพท์บอกเลิกไปยัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างกะทันหัน นี่ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ “จอม” ไม่เคยออกมาเรียกร้องหาเสรีภาพของสื่อ
ส่วนตัว “ทักษิณ” ถือว่าได้เต็มๆ ไม่ต้องลงทุนจัดชุมนุมคนเสื้อแดงให้เสียเงินหลายล้าน แถมยังต้องโดนพวกแกนนำเสื้อแดงกินหัวคิวให้เจ็บใจ โดยเฉพาะการทำให้รัฐบาลถูกวิจารณ์ว่า “ปิดกั้นเสรีภาพสื่อ”
เพราะทักษิณรู้อยู่แล้วว่า ต้องมีการกดดัน “จอมปลอม” ให้ยุติการจัดรายการแน่นอน เลยเข้าทางทุกอย่าง หลังจากที่ผ่านมาพยายามดิ้นรนหาพื้นที่ผ่านสื่อของรัฐมานานแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะสื่อของรัฐทั้งทีวีช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 11 สื่อเครือ อสมท ก็ไม่ให้พื้นที่
เห็นได้จากช่วงเมษายนที่ทักษิณทะลุสุดขีดในข่าวการเมืองแต่โฟนอินหนึ่งชั่วโมงก็ได้ออกไม่ถึงหนึ่งนาที จึงทำให้ทักษิณไปพึ่งพาสื่อเสื้อแดงอย่างดีทีวี แต่ก็ได้แค่เฉพาะกลุ่มและไม่มีกระจาย คนดูก็น้อย
จนทักษิณตกต่ำสุดขีดถึงขนาดโฟนอินงานวัด วิทยุชุมชนคนรักอุดร วิดีโอลิงก์ร้านก๋วยเตี๋ยว เพื่อหวังให้ตัวเองพอมีพื้นที่ข่าวไว้บ้าง แต่ครั้งนี้ทักษิณมีแต่ได้กับได้
สมใจนักโทษชายไปแล้ว
ด้าน “รัฐบาล” ถือว่าถูกเท้าเหยียบหน้า เพราะตัวทักษิณไม่ได้หวังกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เพราะรู้ดีว่าไม่มีผลในการแก้ตัวหรือลบล้างภาพลักษณ์นักการเมืองโกงชาติในสายตาคนส่วนใหญ่อยู่แล้ว แต่ทักษิณหวังว่าจะทำให้รัฐบาลเสียหน้าอย่างมากที่ไล่ล่าไปทั่วโลก แต่กลับถูกทะลวงผ่านเข้าสื่อของรัฐ
โดยรัฐบาลไม่รู้ตัวและสกัดไม่ทัน และเมื่อพยายามแก้ปัญหาก็ถูกมองว่าปิดกั้นเสรีภาพสื่อ
การถูกเอาเท้าเหยียบหน้าครั้งนี้ มันได้ส่งผลทางการเมืองอย่างหนักกับสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เพราะถึงตอนนี้ได้ทำให้เก้าอี้ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของ “น้องเดียว” สั่นคลอนแล้ว
เพราะสาทิตย์ได้ตกเป็นข่าวว่า หากมีการปรับ ครม.เกิดขึ้น อาจถูกเด้งออกจากตำแหน่งหรือถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้ไปทำงานอย่างอื่น!
ที่ไม่ใช่ให้มารับผิดชอบด้านสื่อให้กับรัฐบาล เหตุเพราะนอกจากผลงานไม่เข้าตา ตกเป็นฝ่ายตั้งรับในสมรภูมิข่าวสารกับฝ่ายตรงข้ามคือทักษิณ ชินวัตรและเสื้อแดงมาตลอด
แถมยังไม่สามารถวางแผนการทำประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้กับรัฐบาลเพื่อทำให้ประชาชนเห็นผลงานของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและรัฐบาลประชาธิปัตย์ได้
ยิ่งเมื่อล่าสุดสาทิตย์เจอปฏิบัติการ “เอาเท้าเหยียบหน้ารัฐบาล” ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ใช่แค่ตีท้ายครัว แต่ถ้าภาษานักเลง เขาเรียกกันว่า
มันหยามกันชัดๆ กับปฏิบัติการ
“ซันเดย์เรดิโอ”
ฟอกขาวให้เป็นดำ ป้ายสีตามถนัด
เลยทำให้เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวของ ส.ส.-แกนนำพรรคประชาธิปัตย์หลายคนที่เริ่มส่งเสียงออกมาดังๆ นอกที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ว่า
สาทิตย์สอบตก
หลังจากก่อนหน้านี้ ความไม่พอใจของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ต่อตัวสาทิตย์ก็มีมาตลอด แต่ได้ถูกเก็บเงียบเอาไว้เนื่องจากประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีวินัยการเมืองสูงมากพรรคหนึ่ง ทุกอย่างต้องว่ากันภายใน ไม่มีการพูดข้างนอกพรรค แต่มาวันนี้เมื่อเสียงไม่พอใจการทำงานของสาทิตย์ที่แม้จะเป็นคนโปรดของทั้งชวน หลีกภัย และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดังออกมา
ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ความไม่พอใจของคนประชาธิปัตย์ต่อตัวสาทิตย์เริ่มมีมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ หากเขายังทำหน้าที่ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของรัฐบาล ไม่ได้เรื่องได้ราวแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ต่อให้ นายหัวชวน นายกฯ อภิสิทธิ์ พยายามอุ้ม ก็อาจอุ้มไม่ไหว อีกต่อไปแล้ว