xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.วุฒิติงงบ53ยังซ้ำซ้อน ขาดภาพรวม-แผนการลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภา วันนี้ (14 ก.ย.) เวลา 10.00 น. จะมีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว โดยในส่วนวุฒิสภา ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาไปควบคู่กัน และเสนอรายงานเพื่อให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณา มีข้อมูลที่น่าสนใจโดย งบประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท คณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎร ปรับลด 22,505,238,100 บาท จัดสรรเพิ่มให้ส่วนราชการตามที่ ครม.เสนอตามความเหมาะสม และจำเป็น จำนวน 22,505,238,100 บาท แบ่งเป็นที่ ครม.เสนอ 22,215,857,100 บาท หน่วยงานเสนอคณะกรรมาธิการโดยตรงตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 289,381,000 บาท ฉะนั้น คงตั้งงบประมาณไว้ที่ 1.7 ล้านล้านบาท
ส่วนข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างฯ ของวุฒิสภา แบ่งเป็น 2 ส่วน จำนวน 19 หน้า โดยในส่วนแรก นโยบายและการบริหารจัดการงบประมาณปี 53 คณะกรรมาธิการมีข้อสังเกตว่า การจัดทำงบประมาณ ยังขาดการบูรณาการ เหมือนปี 52 ที่เคยตั้งข้อสังเกตไปแล้ว อาทิ งบด้านการวิจัยของหน่วยงานต่างๆ งบการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กระจายทุกกระทรวง กรม ที่ขาดแผนรวม ที่จะเป็นตัวเชื่อมให้เห็นภาพรวมของการพัฒนา
นอกจากนี้การจัดทำงบปี 53 ยังขาดภาพรวมของแผนงานและงบลงทุนของหน่วยงานสำคัญ เพราะงบลงทุนส่วนใหญ่ไปอยู่ใน พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 2552 และร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 2552 และยังมีปัญหาเกี่ยวกับการกำหนดภารกิจที่ต้องถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ 2542
ส่วนที่สอง การจัดสรรงบประมาณ จำแนกตามกระทรวง ซึ่งได้มีการตั้งข้อสังเกต และเสนอแนะแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณ ในส่วนของกระทวงต่างๆด้วย อาทิ
สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคควรกำหนดมาตรการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรม โดยการประชาสัมพันธ์ถึงอำนาจหน้าที่ และแนวทางการให้บริการประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการบริโภคสินค้าต่างๆ มีการตั้งงบประมาณในลักษณะกองทุนเป็นค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐบาลหลายกองทุนผ่านหลายหน่วยงาน สำนักเลขาฯ จึงควรกำหนดมาตรการการจัดตั้งกองทุนให้เข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ในการดำเนินงานของกองทุนต่างๆ
กระทรวงกลาโหม ต้องพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่ทหาร พัฒนาทหารเกณฑ์ การสนับสนุนงบในด้านพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ให้มากขึ้น
กระทรวงการคลัง ได้แก่ กรมสรรพากร ต้องมีนโยบายเพิ่มการจัดเก็บรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้น โดยให้ร้านค้าปลีกเข้าสู่ระบบการจัดเก็บภาษี นอกจากนี้ ต้องวางแนวทางปฏิบัติการจัดเก็บภาษีอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเพิ่มรายได้ภาครัฐ ปรับแนวทางการปฏิบัติงานด้านการจัดเก็บภาษีจากกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ,การวางระบบและดำเนินการตรวจสอบการนำเงินกู้ไปใช้จ่ายตามโครงการต่างๆ , การเบิกจ่ายงบอย่างมี ,นโยบายการบริหารจัดการที่ดินว่างเปล่าที่อยู่ในการดูแลของส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ , การปฏิรูประบบสวัสดิการการักษาพยาบาลของข้าราชการโดยรวม
กระทรวงการต่างประเทศ ต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสภาพปัญหาการเมืองที่ประเทศไทยกำลังประสบให้แก่นานาประเทศ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ทั้งภาคการลงทุนและการท่องเที่ยว, การให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ควรตั้งสำนักงานการท่องเที่ยวในต่างประเทศที่สำคัญบางแห่งเพิ่มขึ้น การจัดทำแผนบูรณาการการจัดการท่องเที่ยวในประเทศรูปแบบต่างๆ ที่ครบวงจร ควรส่งเสริมศูนย์ฝึกนักกีฬาของไทยให้เป็นศูนย์ฝึกกีฬาที่ครบวงจร
กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ควรมีการบูรณาการงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแก้ไขปัญหาการศึกษาของเด็กและเยาวชนด้อยคุณภาพอย่างเป็นระบบโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ควรบัญญัติเป็นกฎหมายรองรับ การส่งเสริม พิทักษ์สิทธิของคน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควรร่วมมือกับประทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการจัดหาตลาดและพัฒนารูปแบบการบรรจุหีบห่อของผลไม้ สนับสนุนการทำเกษตรปลอดสารพิษ รวมถึงช่วยเหลือเกษตกรที่ประสบอุทกภัย การร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินและมีหลักประกันการถือครองที่ดินให้แก่เกษตรกรในอนาคต สนับสนุนประชาชนให้มีส่วนร่วมในการกำหนดราคาและหามาตรการป้องกันการกดราคาผลผลิตการเกษตรจากพ่อค้าคนกลาง การกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาแหล่งน้ำอย่างเป็นระบบ

**"มาร์ค"อ้อนส.ว.ผ่านงบ53
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณากฎหมายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 ของวุฒิสภา ในวันนี้ว่า หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ก็จะทำให้เครื่องมือ ในเรื่องของการจับจ่ายใช้สอยของรัฐบาล ทั้งในแง่ของการลงทุนและอื่น ๆ จะมีความพร้อมเป็นไปตามกำหนดเวลาที่ได้วางไว้
ฉะนั้น ตนก็อยากจะขอความสนับสนุนจากเพื่อนสมาชิกวุฒิสภา ในการผ่านกฎหมายงบประมาณ ในวันนี้ด้วย
ส่วนข้อสังเกตใดๆ ที่ทางที่ประชุมวุฒิสภา จะมีต่อกฎหมายงบประมาณนั้น รัฐบาลก็พร้อมที่จะรับมาพิจารณาดำเนินการ เหมือนกับที่เราได้รับข้อสังเกตของสภาผู้แทนราษฎร และจะเปิดโอกาสให้กรรมาธิการของทั้งสองสภา สามารถที่จะติดตามตรวจสอบในเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณได้ เหมือนกับที่เราเปิดเว็บไซต์ ให้มีการติดตามการใช้จ่ายในเรื่องของโครงการหรือปฏิบัติการไทยเข้มแข็งได้ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น