“มาร์ค-วิทยา-หมอวิชัย” ประสานเสียงรับประกันวัคซีนหวัดใหญ่ปลอดภัยชัวร์ ชี้เป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในการป้องกัน ประธานบอร์ดองค์การเภสัชฯ สวน “หมอสุชัย รมว.สธ.ยุคแม้ว” ยันข้อมูลเก่า รมว.สธ.พร้อมประสาน ก.ท่องเที่ยวและกีฬาออกโรดโชว์หลังสถานการณ์การระบาดของโรคสงบ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในไทย
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ถือเป็นเทคโนโลยีที่ดีในขณะนี้ ส่วนเรื่องของกระบวนการผลิตและความปลอดภัย ทั้งวัคซีนที่มีการสั่งซื้อจากต่างประเทศและผลิตเองในประเทศได้มอบหมายให้ นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานบอร์ดองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการ อภ.ดูแล ซึ่งจะสามารถชี้แจงได้ถึงรายละเอียดทางวิชาการและความปลอดภัย
ส่วนที่มีกรณีประเทศญี่ปุ่น จีน เตรียมชะลอการท่องเที่ยวในไทยหลังมีข่าวพบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นั้น เชื่อว่าสาเหตุที่มีนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศดังกล่าวน้อยลง เนื่องจากมาจากปัญหาการเมืองของแต่ละประเทศเอง และส่วนหนึ่งอาจมาจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาด
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายจะมีการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อจัดโรดโชว์กระตุ้นการท่องเที่ยว
ด้านนพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ข้อมูลที่ นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ข่าวถึงอันตรายของการใช้วัคซีนไข้หวัดหมูเป็นข้อมูลที่เก่าเมื่อปี พ.ศ.2519 ที่มีการระบาดของโรคในสหรัฐอเมริกา การฉีดวัคซีนในครั้งนั้นทำให้เกิดอาการไข้สันหลังอักเสบ และเสียชีวิต แต่วัคซีนที่ไทยสั่งซื้อจากต่างประเทศนั้น เป็นการซื้อบริษัทยาที่มีมาตรฐานการผลิต นำเชื้อตายที่มีความปลอดภัยมาผลิตและต้องผ่านกระบวนการรับความปลอดภัยจากทั้งองค์การอาหารและยาของอียู ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยเทียบเท่าของสหรัฐ
ส่วนการผลิตวัคซีนไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่รับเชื้อเป็นไวรัสหวัดใหญ่ 2009 มาจากรัสเซีย จะผลิตตามมาตรฐานและการควบคุมขององค์การอนามัยโลก ซึ่งการใช้เทคโนโลยีเชื้อเป็นมาผลิตถือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความรวดเร็ว 30-100 เท่า ซึ่งไทยได้มีการทำสัญญาร่วมกับองค์การอนามัยโลก หากมีการผลิตวัคซีนสำเร็จไทยจะต้องผลิตและจำหน่ายให้กับองค์การอนามัยโลกในราคาต้นทุน ร้อยละ 10 ที่ไทยผลิต เพื่อให้สามารถนำไปใช้ให้เพียงพอกับจำนวนประชากรของโลก โดยการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ขณะนี้ 1 คน ต้องฉีดถึง 2 เข็ม
“มาร์ค” ลั่นวัคซีนต้องปลอดภัย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จนทำให้การแข่งขันกีฬาระดับชาติต้องมีปัญหาว่า เป็นเรื่องสถานการณ์ และดุลยพินิจของผู้จัด อย่างที่เรียนว่า มีหลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลห้ามการจัดงานด้วยซ้ำ ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นดุลพินิจของผู้จัด การนำเสนอต่างๆ ทำให้คนเห็นภาพรวมมากขึ้น จากการเห็นตัวเลขต่างๆ ทำให้เกิดความตื่นตระหนก อย่างที่ย้ำคือ ต้องไม่ประมาท มาตรการต่างๆ ต้องมีความพอดี สมเหตุสมผลกับสถานการณ์
เมื่อถามว่า มาตรการที่รัฐบาลขอความร่วมมือในการจัดคอนเสิร์ต แต่ไม่มีผู้ปฏิบัติตาม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผู้เกี่ยวข้องติดต่อกลับมาว่ามีการขายบัตรไปแล้ว ซึ่งผู้ที่จะไปชมคอนเสิร์ตก็ต้องรู้ว่ามีความเสี่ยง การใส่หน้ากากไปก็จะดี ต่อข้อถามที่ว่า ทางองค์การอนามัยโลกมีความเป็นห่วงเรื่องวัคซีนปลอม นายอภิสิทธิ์ กล่าวยอมรับว่า ใช่ แต่สำหรับวัคซีนที่นำเข้ามาต้องได้รับการรับรองด้วย
เมื่อถามถึงการจัดวัคซีนให้กับกลุ่มต่างๆ 3 กลุ่ม และหนึ่งในนั้นคือผู้บริหารประเทศด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้ยินตรงนั้น แต่ที่แน่ๆ คือ ต้องให้กับผู้ที่ทำงานด้านสาธารณสุขก่อน จริงๆ แล้วต้องปฏิบัติตามองค์การอนามัยโลกเป็นผู้กำหนด
จากนั้นผู้สื่อข่าวระบุว่า กลุ่มที่ 3 คือ ผู้บริหารประเทศ นายกฯ ระบุว่ายังไม่ทราบ ตนเองทราบว่า กลุ่มแรกคือ กลุ่มเสี่ยงโรคแทรกซ้อน นอกจากนี้ยังมีทหารเกณฑ์ต่างๆ ก็มีแนวทาง
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงเป็นไปได้ยาก เพราะปริมาณไม่พอ ต้องเป็นผู้ที่มีความเสี่ยง 2 ส่วน คือ บุคลากรสาธารณสุข และกลุ่มเสี่ยง โดยจะต้องเก็บตัวเลขประเมินกลุ่มเสี่ยงว่ามีโรคประจำตัว อะไรบ้าง เร็วเกินไปที่จะพูดถึงกลุ่มอื่นๆ เพราะเท่าที่จองวัคซีนไปจำนวน 1 ล้านโดส ใช้ได้เพียง 1 ล้านคนเท่านั้น
เมื่อถามว่า การที่มีข่าวออกมาผู้บริหารอยู่ในกลุ่มที่ต้องได้รับวัคซีน ทำให้เกิดความรู้สึกเลื่อมล้ำ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขายังไม่เสนอเข้ามา ส่วนจะเสียสละหรือไม่นั้น ตนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล ต้องช่วยเหลือผู้ที่มีความเสี่ยงก่อนและคนที่คอยทำงานช่วยเหลือผู้อื่นโดยตรงในเรื่องนี้