xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ เป็นประธานเปิดงานสัปดาห์ความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ครั้งที่ 23

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



นายกฯ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ “กู้วิกฤติเศรษฐกิจด้วยแรงงานปลอดภัยและสุขภาพอนามัยดี” ในงานสัปดาห์ความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ครั้งที่ 23 พร้อมมอบรางวัลแก่สถานประกอบการดีเด่น 141 แห่ง พร้อมย้ำภาครัฐฯต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยในการทำงานให้กับทุกภาคส่วน เชื่อ สามาถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้

วันนี้ (2 ก.ค.) ที่ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ไปเป็นประธานมอบรางวัลแก่สถานประกอบกิจการที่ผ่านเกณฑ์ดีเด่นด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานระดับประเทศติดต่อกัน 5 ปีขึ้นไป และได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “กู้วิกฤติเศรษฐกิจด้วยแรงงานปลอดภัยและสุขภาพอนามัยดี” ในงานสัปดาห์ความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ครั้งที่ 23 ผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย ผู้ประกอบการ นักวิชาการ นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้แทนหน่วยงาน บุคลากรด้านความปลอดภัย จำนวน 2,000 คน จัดโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวในปาฐกถาพิเศษ ว่า รัฐบาลตระหนักเสมอว่าแรงงานคือกำลังสำคัญของการพัฒนา มีศักยภาพในการร่วมนำพาเศรษฐกิจสังคมของชาติให้เจริญเติบโตก้าวหน้า โดยสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญและต้องการดำเนินงานควบคู่ไปกับการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้แรงงานที่ถูกเลิกจ้าง หรือผู้ว่างงานจากวิกฤตเศรษฐกิจ คือ การทำให้แรงงานมีความเข้มแข็ง มั่นคงและปลอดภัย โดยได้ขับเคลื่อนนโยบายแรงงานปลอดภัยและสุขภาพอนามัยดี ประกาศให้เป็นระเบียบวาระแห่งชาติตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2550 มุ่งเน้นให้มีผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สามารถบรรลุเป้าหมายให้ทุกคนได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย ลดอัตราการประสบอันตรายลงให้มากที่สุด และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงานให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ย้ำว่า ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในประเทศคือทรัพยากรบุคคล ความปลอดภัยในการทำงานเป็นความจำเป็นพื้นฐานเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ ซึ่งประเทศไทยมีการประสบอันตรายจากการทำงานสูงถึงปีละประมาณ 200,000 คน และมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของเงินทดแทนปีละเกือบ 2,000 ล้าน ซึ่งเป็นสภาวะที่ไม่สามารถยอมรับได้ เพราะเป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น และมีส่วนสำคัญในการบั่นทอนขีดความสามารถศักยภาพของประเทศ ดังนั้น ความปลอดภัยในการทำงาน จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ว่า ต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนทัศนคติด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในทุกภาคส่วน ภาครัฐต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงาน อาคาร สถานที่ วิธีการทำงานที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย ทุกหน่วยงานต้องแสดงความรับผิดชอบร่วมกันที่จะป้องกันก่อนเกิดเหตุ ขณะเดียวกันสถานประกอบการ กิจการ หรือนายจ้างก็ต้องมีความเคร่งครัดจริงจังกับการปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย การลงทุนเพื่อความปลอดภัยทั้งเรื่องการฝึกอบรม การปรับปรุงสภาพการทำงาน ล้วนแต่เป็นการลงทุนที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสถานประกอบกิจการ ไม่ให้พบกับความสูญเสียที่จะตามมา และในส่วนของลูกจ้างหรือคนทำงานในทุกอาชีพทุกภาคส่วน ก็ต้องปฏิบัติตามกฎความปลอดภัย พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงของตนเอง แสดงความรับผิดชอบต่อองค์กร ด้วยการช่วยเหลือสอดส่องดูแลสภาพแวดล้อมในการทำงาน และพฤติกรรมเสี่ยงของเพื่อนร่วมงาน ให้มีการปรับปรุงและย้ำเตือนให้มีการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัยด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียมีความพร้อมในด้านโครงสร้างของปัจจัยการลงทุนใกล้เคียงกัน ถ้าเราสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับนักลงทุนและประชาชนได้ว่าการลงทุนผลิตสินค้าและบริการในประเทศไทย มีความคุ้มค่าและมาจากแรงงานที่ทำงานอย่างปลอดภัย มีสุขภาพอนามัยดีแล้ว จะเป็นปัจจัยสำคัญช่วยเสริมให้เรามีโอกาสในการแข่งขันบนเวทีการค้าโลก และดึงนักลงทุนจากทั่วโลกมาลงทุนในบ้านเราได้มากขึ้น

ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้เดินชมนิทรรศการและวีดิทัศน์แรงงานความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยที่ดี และได้มอบรางวัลแก่สถานประกอบกิจการที่ผ่านเกณฑ์ดีเด่นด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานระดับประเทศติดต่อกัน 5 ปีขึ้นไป จำนวน 141 แห่ง












กำลังโหลดความคิดเห็น