xs
xsm
sm
md
lg

ความเชื่อมั่นคนไทยพื้นตัว3เดือนติดแนะคุมการเมือง-โกงหวั่นเป็นตัวถ่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 หลังคนไทยมั่นใจแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล แนะควรดูแลปัญหาการเมืองและการคอร์รัปชั่นให้ดี หวั่นบานปลาย ทำลายความเชื่อมั่นร่วงอีกรอบ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ประจำเดือน ส.ค.2552 จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ 2,242 คนว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. มีค่าเท่ากับ 74.5 เพิ่มจากเดือน ก.ค.ที่ 73.4 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปัจจุบัน 63.4 เพิ่มจาก 62.6 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต 76.8 เพิ่มจาก 75.6 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 67.4 เพิ่มจาก 66.3 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ 66.4 เพิ่มจาก 65.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต 89.8 เพิ่มจาก 88.5

ปัจจัยบวกที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่ม มาจากการที่ประชาชนเชื่อมั่นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติแผนลงทุนในโครงการปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 400 โครงการ ตามพ.ร.ก.กู้เงิน 200,000 ล้านบาท และมีแผนใช้งบลงทุนเพิ่มเติมอีก 100,000 ล้านบาท รวมเป็น 300,000 ล้านบาท ประกอบกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสอง

ที่คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศมีการติดลบลดลงลงจากไตรมาสแรกลบ 7.1% เหลือเพียง 4.9% นอกจากนี้ ได้รับปัจจัยหนุนจากดอกเบี้ยนโยบายที่คงที่ ราคาน้ำมันที่ลดลง การแข็งค่าของเงินบาท รวมถึงการต่ออายุ 5 มาตรการลดค่าครองชีพ ส่วนปัจจัยลบที่บั่นทอนความเชื่อมั่นสูงสุดยังมาจากปัญหาการเมือง รองลงมาเป็นปัญหาค่าครองชีพ ราคาน้ำมัน การระบาดไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009

“ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมีทิศทางสดใสขึ้น เพราะประชาชนรับรู้แล้วว่าเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่มีน้ำหนักสำคัญกว่าปัจจัยลบเรื่องอื่น ทั้งปัญหาการเมือง ราคาน้ำมัน และค่าครองชีพ แต่ก็ยังบอกได้ไม่ชัดว่า กำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นแล้ว จะต้องดูสถานการณ์ต่อไปอีก 2-3 เดือน โดยเฉพาะสถานการณ์การเมือง ที่เป็นปัจจัยเปราะบาง และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนได้”นายธนวรรธน์กล่าว

ทั้งนี้ จากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น ยังได้ส่งผลให้แนวโน้มการใช้จ่ายซื้อสินค้า การใช้บริการและการลงทุนดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการซื้อบ้านหลังใหม่ รถยนต์คันใหม่ การท่องเที่ยว และการลงทุนทำธุรกิจ SMEs ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจปัจจุบันที่ระบุว่ายอดขายรถกระบะมีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นรวมถึงการท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวน่าจะฟื้นเป็นบวกได้ 5% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ 15% เนื่องจากคนเริ่มกล้าใช้จ่าย และคลายความกังวลต่อการระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009

นายธนวรรธน์กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจหลังจากนี้ คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ โดยจีดีพีไตรมาส 4 น่าจะกลับเป็นบวกได้ 2-3% เช่นเดียวกันกับการส่งออก การท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวได้ครั้งแรกในรอบปี แต่รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแก้ปัญหาสภาพคล่องที่เอกชนยังได้รับสินเชื่อไม่เพียงพอ และที่สำคัญจะต้องแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองให้จบ และระวังไม่ให้มีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น

ส่วนเศรษฐกิจในปีหน้ายังอยู่ในภาวะทาง 3 แพร่ง โดยมีโอกาสเติบโตได้ถึง 5% หากรัฐบาลสามารถขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง และสร้างเงินหมุนเวียนลงสู่ระบบได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งดูแลโครงการไม่ให้เกิดปัญหาคอร์รัปชันขึ้น แต่หากรัฐยังแก้ปัญหาสินเชื่อกับสภาพคล่องไม่ได้ จีดีพีจะเติบโตลดลงเหลือ 3% ส่วนกรณีเลวร้ายสุด ถ้าเกิดปัญหาการเมืองเข้ามาผสมโรงจนต้องมีรัฐบาลรักษาการ จีดีพีอาจจะโตเหลือแค่ 2-3% หรือต่ำกว่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น