xs
xsm
sm
md
lg

ความเชื่อมั่นดีดตัวดีขึ้น2เดือนติด แนะรัฐอัดฉีดเงินเพิ่ม-ดูแลพลังงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค. ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน รับอานิสงค์รัฐบาลต่ออายุ 5 มาตรการลดค่าครองชีพ และพ.ร.ก. และพ.ร.บ.กู้เงิน ผ่านสภา แนะรัฐบาลต้องรีบอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตั้งแต่เดือนนี้ หรือก.ย.เป็นต้นไป พร้อมดูแลเรื่องพลังงานให้ดี คาดความเชื่อมั่นจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ และเห็นชัดเจนได้กลางปีหน้า

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนก.ค.2552 ที่สำรวจจากประชาชนตัวอย่างทั่วประเทศ 2,248 คน ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 66.3 เพิ่มจาก 65.4 ในเดือนมิ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานอยู่ที่ 65.4 เพิ่มจาก 64.7 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 88.5 เพิ่มจาก 87.4 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.อยู่ที่ 73.4 เพิ่มจาก 72.5 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 62.6 เพิ่มจาก 61.8 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 75.6 เพิ่มจาก 74.7

ปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ได้แก่ รัฐบาลต่ออายุโครงการ 5 มาตรการลดค่าครองชีพประชาชนจนถึงสิ้นปี 2552 เพื่อให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย ใช้น้ำประปา ไฟฟ้า และค่าโดยสารรถฟรี ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาเชิงบวก นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% ต่อปี รวมถึงความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 โดยใช้งบประมาณ 1.43 ล้านล้านบาท สำหรับการลงทุนในช่วงปี 2553-55 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย

“ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เพราะผู้บริโภคมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นหลังจากที่ที่พ.ร.ก. และพ.ร.บ.กู้เงิน 800,000 ล้านบาทผ่านรัฐสภาเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้รัฐบาลเริ่มกู้เงินมาดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังกังวลกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 และสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจ และการจ้างงานในอนาคต” นายธนวรรธน์กล่าว

นอกจากนี้ การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ในเดือนก.ค.2552 ความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์คันใหม่ ซื้อบ้านใหม่ การใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยว และการลงทุนทำธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นทางสังคมผู้บริโภคในเดือนก.ค.2552 ที่ดัชนีความสุขในการดำเนินชีวิตเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ดัชนีภาวะค่าครองชีพก็ปรับตัวสูงขึ้น เพราะประชาชนยังกังวลกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากราคาสินค้า และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น

นายธนวรรธน์กล่าวว่า แม้สัญญาณการฟื้นตัวของดัชนีความเชื่อมั่นจะดีขึ้น แต่รัฐบาลจะต้องมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 อย่างชัดเจน ผ่านโครงการไทยเข้มแข็งภายในเดือนส.ค. หรือเดือนก.ย.นี้ รวมถึงต้องดูแลราคาพลังงานไม่ให้เป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจได้อีก ซึ่งการลดราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 2 บาท เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน และต้นทุนการผลิตสินค้า ถือว่าช่วยบรรเทาปัญหาประชาชนได้ดีในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะเดียวกัน ต้องควบคุมการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้ได้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย

“เชื่อว่า ดัชนีความเชื่อมั่นจะเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้ และจะฟื้นตัวเป็นปกติ ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีหน้า ดังนั้น ทิศทางเศรษฐกิจนับจากนี้ รัฐบาลจะต้องเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน ผ่านการลงทุนของรัฐ และโครงการไทยเข้มแข็ง เพราะการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้น การบริโภคของประชาชนยังไม่ฟื้นตัว รัฐจึงต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ หากดำเนินการได้เร็ว เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปีนี้จะขยายตัวได้ 1-2% และทั้งปีจะติดลบ 3.5% แต่หากเกิดปัจจัยลบ เช่น เศรษฐกิจโลกทรุดต่อ ราคาน้ำมันตลาดโลกเกินบาร์เรลละ 80 เหรียญสหรัฐ สถานการณ์การเมืองไทยยังไม่นิ่ง และการระบาดของไข้หวัด 2009 รุนแรงขึ้น เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็จะติดลบมากกว่า 3.5% แน่นอน”นายธนวรรธน์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น