โฆษกส่วนตัวมาร์ค ย้อน ส.ส.ไข่แม้วกล่าวหารัฐบาลแก้ปัญหเศรษฐกิจไม่สำเร็จ อ้างผลักดันนโยบาย 99 วัน ทำได้จริงได้ทั้งหมด ทำประชาชนพึงพอใจ ชี้ วัดผลที่ผลโพลระบุพึงพอใจ ทั้งยังทำดัชนีความสุขเพิ่มมากกว่าสมัย “หมัก-ชายจืด” ยัน รัฐบาลกล้าสู้ความจริง ไม่ขี้ขลาด ยินดีให้ถ่ายทอดสดพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้งทีวี-วิทยุ เหน็บกลัวประชาชนเอือมฝ่ายค้านป่วน
วันนี้ (11 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ตีสองหน้า แก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจไม่เป็นรูปธรรมและมีข่าวการทุจริตมากมาย ว่า อยากจะถาม ส.ส.พรรคเพื่อไทย คนดังกล่าวกลับว่า ได้มีการตรวจสอบผลงานของรัฐบาลนี้ดีแล้วหรือไม่ ก่อนการประโคมข่าวใส่สีตีไข่ให้ร้ายรัฐบาล เพราะเวลา 5 เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศรัฐบาลสามารถผลักดันนโยบาย 99 วันทำได้จริง ตั้งแต่เรื่องเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุ เบี้ยเลี้ยง อาสาสมัครสาธารณสุข โครงการเรียนฟรี 15 ปี รวมถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ กรณีเช็คช่วยชาติ และโครงการต้นกล้าอาชีพ ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้ว ส่วนการยกเมฆกล่าวหาว่ารัฐบาลนี้ทุจริตคอร์รัปชันนั้น อยากถามเช่นกันว่า รัฐบาลไหนกันแน่ที่มีการทุจริตจนสื่อขนานนามให้ว่า รัฐบาลโคตรโกงและโกงทั้งโคตร ตั้งโครงการไหนขึ้นมาก็พบการทุจริตโครงการนั้น จนเป็นบ่อเกิดเมนูการคอร์รัปชันนับร้อยเรื่อง แต่สำหรับรัฐบาลนี้มีกรณีใดบ้างที่พบการทุจริตตามที่กล่าวหา ขอให้นำหลักฐานมาแสดงและดำเนินการฟ้อง ป.ป.ช.ไปตามกระบวนการตรวจสอบ โดยเฉพาะการกล่าวอ้างถึงโครงการรถเมล์เช่า 4,000 คัน และโครงการรับจำนำข้าวของกระทรวงพาณิชย์ ก็ยังไม่เกิดการทุจริตตามที่กล่าวหาแต่ประการใด เพียงแต่มีกระแสสังคม ตั้งข้อสงสัย รัฐบาลเองก็นำกลับมาทบทวนและให้มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ โปร่งใสก่อน เช่นนี้แล้วจะมากล่าวหารัฐบาลนี้ได้อย่างไรว่ารัฐบาลนี้คอร์รัปชัน
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนการที่กล่าวหาว่ารัฐบาลประสบความสำเร็จเพียง 2 เรื่อง คือ แพนด้ามีลูกได้ และ ด.ช.เคอิโงะ ตามหาพ่อเจอนั้น ขอชี้แจงว่า ทั้ง 2 เรื่องไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาล แต่ความสำเร็จของรัฐบาลจะประสบความสำเร็จได้มากน้อยเพียงใดสามารถวัดได้จากโพลสำนักต่างๆ ว่า ประชาชนพึงพอใจต่อรัฐบาลเพียงใด และดัชนีความสุขของประชาชนมีมากขึ้นเมื่อเทียบกับรัฐบาลของ นายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่คิดว่าการไม่ประสบความสำเร็จของรัฐบาลนี้ในสายตาของพรรคเพื่อไทยก็คือ พรรคเพื่อไทย คุมลูกพรรคไม่ได้ และลูกพรรคเพื่อไทยเ องยังตามหาพ่อที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เจอมากกว่า
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงประธานสภา เพื่อเรียกร้องมีการถ่ายทอดสดการประชุมสภาสมัยวิสามัญในการพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้และพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ว่า รัฐบาลพร้อมที่จะให้มีการถ่ายทอดสดเพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบการพิจารณางบประมาณปี 53 ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญของรัฐบาลที่จะแจกแจงที่มาที่ไปเนื่องจากเป็นเงินภาษีของประชาชน ดังนั้น แผนการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลก็ควรที่จะให้ ส.ส.ตรวจสอบและประชาชนในฐานะเจ้าของเม็ดเงินที่จะนำมาใช้พัฒนาประเทศก็ควรรับทราบด้วย ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ขัดข้องที่จะให้มีการถ่ายทอดสด พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2553 ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงของกรมประชาสัมพันธ์
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนข้อเรียกร้องที่จะให้ถ่ายทอดการพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ทั้ง 2 ฉบับนั้น รัฐบาลได้กลับไปดูจากประเพณีปฏิบัติของรัฐบาลที่ผ่านมา พบว่า ไม่เคยมีการถ่ายทอดสดในเรื่องดังกล่าวเลย เพราะฉะนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ไม่ควรจะมาเรียกร้องในสิ่งที่ตนเองเคยวางมาตรฐานการปฏิบัติไว้ เปรียบไปก็เข้าทำนองที่ว่า ของตัวเองไม่ให้ใครเอา ทีของเขาแล้วอยากจะได้ ประกอบกับถ้าให้มีการถ่ายทอดสดในกรณีนี้ก็อาจจะเบียดบังเวลาของทางสถานีทั้งสัปดาห์ อาจสร้างความเบื่อหน่ายให้ประชาชน หากเห็นการโต้แย้ง ถกเถียง และประท้วงของ ส.ส.ในสภา ตลอดทั้งสัปดาห์ ประชาชนก็จะยิ่งเบื่อการเมือง เพราะทุกครั้งที่มีการถ่ายทอดสด ก็จะมี ส.ส.บางคนอภิปรายในเรื่องไร้สาระ บางคนก็ก่อกวนการประชุมเพียงเพื่อให้ชาวบ้านได้เห็นตัวเองทางหน้าจอโทรทัศน์ โดยไม่คำนึงถึงผลได้เสียที่จะตามมา การที่กล่าวหาว่ารัฐบาลปกปิด บิดเบือนข้อเท็จจริงและปิดหูปิดตาประชาชนนั้น เป็นเรื่องที่กล่าวหาโดยไม่มีเหตุมีผล รัฐบาลพร้อมที่จะให้ประชาชนรับรู้การทำงาน โดยยึดหลัก รัฐบาลรู้เช่นไร ประชาชนต้องรับรู้เช่นนั้นเท่ารัฐบาล มิฉะนั้นแล้ว รัฐบาลเองคงไม่กล้าพอที่จะเปิดให้มีการถ่ายทอดสด การตั้งกระทู้ถามสดของ ส.ส.ฝ่ายค้านทุกนัด แม้แต่กระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่เคยปฏิเสธ ผิดกับยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ตลอด 6 ปี เศษที่เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เคยย่างกรายมาตอบกระทู้สดที่สภาแม้แต่ครั้งเดียว
