นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพของธุรกิจไทยว่า ในภาพรวมที่ผ่านมา ผลประกอบการภาคธุรกิจลดลงร้อยละ 32 และไม่เปลี่ยนแปลงร้อยละ 47
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจส่วนใหญ่ร้อยละ 70 ไม่เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน ขณะที่ร้อยละ 24 มีการจ้างงานลดลง ส่วนอัตราค่าจ้างร้อยละ 77 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ร้อยละ 17 มีการลดค่าจ้างแรงงาน และเมื่อสำรวจจากยอดขายพบว่าร้อยละ 39 มียอดขายลดลง ร้อยละ 42 ไม่เปลี่ยนแปลง และร้อยละ 24 ยอดขายเพิ่มขึ้น โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดขายปรับตัวมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคร้อยละ 57 ประสิทธิภาพในการจัดการร้อยละ 14 และประสิทธิภาพด้านการตลาดร้อยละ 11
ส่วนต้นทุนของธุรกิจ นายธนวรรธน์ กล่าวว่า เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 49 ไม่เปลี่ยนแปลงร้อยละ 40 ขณะที่ต้นทุนลดลงมีแค่ร้อยละ 10 และเมื่อแยกตามประเภทธุรกิจพบว่าภาคการเกษตรมีสัดส่วนของต้นทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 46 ของภาคเกษตรทั้งหมด ภาคการค้าร้อยละ 53 ภาคบริการร้อยละ 42 ภาคอุตสาหกรรมร้อยละ 64 แต่เมื่อแยกตามขนาดพบว่า ธุรกิจขนาดย่อมร้อยละ 50 ที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น ธุรกิจขนาดกลางร้อยละ 45 ส่วนขนาดใหญ่มีร้อยละ 48 ส่วนกำไรของธุรกิจพบว่ามีธุรกิจที่มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 ไม่เปลี่ยนแปลงร้อยละ 37 และกำไรลดลงร้อยละ 37 เช่นกัน โดยปัญหาหลักของธุรกิจส่วนใหญ่มาจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ปัญหาขาดสภาพคล่องและดอกเบี้ยสูงปัญหาด้านการขนส่ง ราคาน้ำมันแพงปัญหาความล่าช้าของนโยบายรัฐ ปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนและปัญหา การเมืองไม่มีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหา โดยกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน สร้างเสถียรภาพทางการเมือง เร่งให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ ลดผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจส่วนใหญ่ร้อยละ 70 ไม่เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน ขณะที่ร้อยละ 24 มีการจ้างงานลดลง ส่วนอัตราค่าจ้างร้อยละ 77 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ร้อยละ 17 มีการลดค่าจ้างแรงงาน และเมื่อสำรวจจากยอดขายพบว่าร้อยละ 39 มียอดขายลดลง ร้อยละ 42 ไม่เปลี่ยนแปลง และร้อยละ 24 ยอดขายเพิ่มขึ้น โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดขายปรับตัวมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคร้อยละ 57 ประสิทธิภาพในการจัดการร้อยละ 14 และประสิทธิภาพด้านการตลาดร้อยละ 11
ส่วนต้นทุนของธุรกิจ นายธนวรรธน์ กล่าวว่า เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 49 ไม่เปลี่ยนแปลงร้อยละ 40 ขณะที่ต้นทุนลดลงมีแค่ร้อยละ 10 และเมื่อแยกตามประเภทธุรกิจพบว่าภาคการเกษตรมีสัดส่วนของต้นทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 46 ของภาคเกษตรทั้งหมด ภาคการค้าร้อยละ 53 ภาคบริการร้อยละ 42 ภาคอุตสาหกรรมร้อยละ 64 แต่เมื่อแยกตามขนาดพบว่า ธุรกิจขนาดย่อมร้อยละ 50 ที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น ธุรกิจขนาดกลางร้อยละ 45 ส่วนขนาดใหญ่มีร้อยละ 48 ส่วนกำไรของธุรกิจพบว่ามีธุรกิจที่มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 ไม่เปลี่ยนแปลงร้อยละ 37 และกำไรลดลงร้อยละ 37 เช่นกัน โดยปัญหาหลักของธุรกิจส่วนใหญ่มาจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ปัญหาขาดสภาพคล่องและดอกเบี้ยสูงปัญหาด้านการขนส่ง ราคาน้ำมันแพงปัญหาความล่าช้าของนโยบายรัฐ ปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนและปัญหา การเมืองไม่มีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหา โดยกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน สร้างเสถียรภาพทางการเมือง เร่งให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ ลดผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง
