xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คตีกลับปรับเงินผู้ทรงเกียรติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุม ครม. วานนี้ (8 ก.ย.) ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรถอนเรื่องเสนอขอความเห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธาน และรองประธาน สภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ส.ส. , ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. .... ออกไปก่อน โดยให้ไปทบทวนความเหมาะสม เพราะไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
โดยนายกฯ จะรอพิจารณาทั้งระบบร่วมกับการขึ้นเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และผลตอบแทนอย่างอื่นขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่างๆ ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังสั่งทบทวน ร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดเงินประจำตำแหน่ง เบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นแก่ ส.ก., ส.ข. และ กรรมการของสภา กทม.เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับเพิ่มเงินเดือนของข้าราชการการเมืองที่ปรับเพิ่ม ตามที่กทม.เสนอ
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่กำกับดูแล กรุงเทพมหานคร ไปทบทวนร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดเงินประจำตำแหน่ง เบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นแก่ ส.ก., ส.ข. และ กรรมการของสภา กทม.เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับเพิ่มเงินเดือนของข้าราชการการเมืองที่ปรับเพิ่ม ตามที่กทม.เสนอ
โดยกทม. เสนอขอให้ ประธาน สก. ปรับเพิ่มจาก 63,800 บาทต่อเดือน เป็น 78,920 บาทต่อเดือน หรือ 23% รองประธาน สก. ปรับเพิ่มจาก 52,200 บาทต่อเดือน เป็น 64,970 บาทต่อเดือน หรือ 24% สมาชิก สก. ปรับเพิ่มจาก 41,000 บาท เป็น 54,200 บาทต่อเดือน หรือ 32% ทั้งนี้ประธาน สข. ปรับเพิ่มจาก 13,630 บาทต่อเดือน เป็น 19,050 บาทต่อเดือน และ สมาชิก สข. ปรับเพิ่มจาก 10,070 บาทต่อเดือน เป็น 15,250 บาทต่อเดือน
แหล่งข่าว ระบุว่า แม้ที่ประชุมจะเห็นชอบในหลักการ แต่ขอให้นายบุญจง ไปทบทวนภาพรวมใหม่เพื่อเสนอกลับมายัง ครม.อีกครั้ง เนื่องจากมีการขึ้นใน เปอร์เซ็นต์ที่สูงมากเกินไป โดยห่วงว่า องค์กรอื่น ๆจะเอาไปเป็นตัวอย่าง ขณะที่รองปลัด กทม. ซึ่งเข้าชี้แจงในวันนี้จะเข้าชี้แจงความจำเป็นเนื่องจากไม่มีการปรับให้ฝ่ายบริหารท้องถิ่นของ กทม.นานแล้ว และต้องให้เทียบกับเงินประจำตำแหน่ง เบี้ยประชุม และเงินตอบแทน ของข้าราชการระดับ 7-8-9 ของข้าราชการพลเรือนแต่ที่ประชุมเห็นว่า หากจะให้นำไปเทียบกับข้าราชการ จะยึดหลักอะไร ที่จะนำมาประเมินให้เทียบเท่ากัน
ขณะที่นายบุญจง ซึ่งกำกับ กทม. ไม่เห็นด้วยหากจะปรับในอัตราที่สูงขึ้น โดยระบุว่า องค์กรปกครองสว่นท้องถิ่น (อปท.) ได้จับตาเรื่องนี้อยู่ โดยเฉพาะองค์กรสันนิบตเทศบาลแห่งประเทศไทย ก็จับตาดูอยู่ ว่าหาก กทม.ขึ้นเงินประจำตำแหน่ง ทางเทศบาลก็อยากจะปรับ เพราะนักการเมืองที่เข้ามาทำงานให้กับประชาชนไม่ควรที่จะมีเงินประจำตำแหน่งสูง”
แหล่งข่าวคนเดิมยังแจ้งว่า นอกจากนั้นนายอภิสิทธิ์ ยังมอบให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ประสานงานฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อนำกฏหมายเข้าสู่รัฐสภา ไปทบทวนร่างพระราชกฤษฎีกา เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาณ ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.และ ส.ว. รวมทั้ง และกรรมาธิการ ตามที่เลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ทั้งนี้เป็นร่างกฎหมายที่เสนอมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2551
แม้จะเห็นชอบในหลักการ แต่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม เห็นว่า ในประเด็นที่จะให้เงินเบี้ยประชุมให้กับอนุกรรมาธิการมีความเหมาะสมหรือไม่ ในกรอบเม็ดเงิน เพราะอนุกรรมาธิการที่ผ่านมามามีค่าเบี้ยประชุมให้ อีกครั้งคณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นมามีจำนวนมากกว่า ร้อยคณะเพื่อศึกษาในเรื่องต่าง ๆ โดยได้รับทราบว่า ปัจจุบันนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรก็มีนโยบายการให้เบี้ยประชุมกับอนุกรรมาธิการ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงตัวประธานก็อาจจะต้องเปลี่ยนนโยบายนี้ก็ได้”
แหล่งข่าว ระบุว่า ขณะที่สวัสดิการในส่วนของค่ารักษาพยาบาล ส.ส.และส.ว. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้ปรับให้เป็นในระดับเดียวกันกับข้าราชการ ส่วนค่าพาหนะ เห็นชอบในหลักการโดยเฉพาะประเด็นของค่าเครื่องบินและค่ารถไฟที่ ส.ส.และส.ว.จะได้ใช้บริการฟรีอยู่แล้ว แต่ในประเด็นของผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางมาจากจังหวัดที่ไม่มีสนามบิน ก็จะได้รับค่าชดเชยการใช้จ่ายเรื่องน้ำมันฟรีสำหรับผู้ที่เดินทางส่วนตัวมาประชุม นอกจากนั้นกำหนดให้นำพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในส่วนที่เกี่ยวกับการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวมาบังคับใช้กับการเดินทางของ ส.ส.และส.ว.โดยอนุโลม โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้รักษาการตามกฤษฎีกา
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ขณะที่ประเด็นเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนของประธานวุฒิสภา กับประธานสภาผู้แทนราษฎร แม้จะเสนอมาว่าไม่ต้องการให้มีความเลื่อมล้ำกันมาก รวมถึงเงินประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีนั้น โดยตำแหน่งประธานวุฒิสภาจะได้เงินประจำตำแหน่ง 70,870 บาทต่อเดือน และเงินเพิ่ม 50,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเงินประจำตำแหน่ง 71,990 บาทต่อเดือน และเงินเพิ่ม 50,000 บาท
ซึ่งนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เห็นว่า โดยสถานภาพ เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นอยู่ในฐานะของประธานรัฐสภาเป็นประธานด้านนิติบัญญัติด้วย เงินประจำตำแหน่งหรือเงินเพิ่มจะสูงกว่า ซึ่งหากเงินประจำตำแหน่งหรือเงินเพิ่มสูงเท่านายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ทั้งประธานและรองประธานวุฒิสภา ให้ความเห็นว่า ควรจะเทียบเท่ากัน เพราะทั้งสองตำแหน่งก็เป็นผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติไม่ได้ขึ้นต่อกันเหมือนดังเช่นประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งต่างก็เป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการและมีเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเท่าเหมือนกัน ขณะที่เสนอให้เงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของ รองประธานสภา รองประธานวุฒิสภา และผู้นำฝ่านค้าน จะได้รับ 69,750 และ52,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ ส.ส.และส.ว. จะได้รับ 67,790 บาทและ 42,330 บาทต่อเดือน
กำลังโหลดความคิดเห็น