xs
xsm
sm
md
lg

“เพ็ญ” เลิกกร่าง ผวาพลังสหภาพ ขรก.โบ้ย “ขิงแก่” ตัวปัญหา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“จักรภพ” พลิกลิ้นไม่ได้ขวางสหภาพ ขรก.แค่แสดงความรู้สึก โทษขิงแก่ตัวปัญหาโยก ขรก.จนระบบป่วน ตะบันอ้างรัฐบาลนี้มาจาก ปชต.กรี๊ด ขรก.ตั้งการ์ดสูง แนะให้มานั่งคุยกันและลองใช้ระบบที่มีอยู่ก่อน

วันนี้ (6 มี.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งสหภาพข้าราชการ ว่า หลักการคือ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกควบคุมโดยสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ฉะนั้น ความสัมพันธ์ใดๆ ที่รัฐบาลจะมีกับข้าราชการก็ถูกตรวจสอบได้ ถูกวัดและประเมินผลได้อยู่แล้ว ดังนั้น การที่จะสร้างกลไกเพิ่มเติมถึงแม้จะทำมาก่อนหน้านี้ต้องคิดว่ามีความจำเป็นหรือไม่ จะทำให้สังคมไทยเกิดการเผชิญหน้า มีความหวาดระแวงไม่ไว้ใจกันมากขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่มีปัญหาในการที่ประชาชนกลุ่มใดก็ตามจะใช้สิทธิ์และเสรีภาพของตนเองตามระบอบประชาธิปไตย แต่อยากให้คำนึงถึงความจริงที่ว่ารัฐบาลชุดนี้มาจากประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น การตรวจสอบในทางสังคม ในทางการเมือง และในทางกฎหมายมีอยู่แล้วเต็มที่

“นี่คือ เหตุผลที่ว่าโดยความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่าข้าราชการประจำไม่ต้องตั้งการ์ดสูงขนาดนั้นก็ได้ เพราะถ้าหากทำอย่างนั้นจะทำให้ความรู้ระหว่างกันมันไม่ดี และการทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนได้รับผลกระทบได้” นายจักรภพ กล่าว

เมื่อถามว่า นายจาดุร อภิชาตบุตร รองปลัดสำนักนายกฯ ฐานะนายกสมาคมข้าราชการพลเรือน ระบุว่า ได้มีการดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ได้เจาะจงว่าจะดำเนินการในรัฐบาลนี้ ไม่ได้คิดจะต่อต้าน แต่เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ นายจักรภพ กล่าวว่า ต้องถามว่าเรามีรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2550 จะทำให้เกิดภาพได้ หรือไม่ว่าในขณะที่รัฐบาลไม่ได้เป็นประชาธิปไตย ระบบราชการเองก็ไม่ค่อยจะหือจะอือกับเขา พอเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยขึ้นมาก็ตั้งเงื่อนตั้งแง่ ตรงนี้ตนเชื่อว่าในใจของนายกสมาคมข้าราชการฯหรือว่าผู้เกี่ยวข้องคงไม่มี แต่อาจจะทำให้ภาพปรากฏเช่นนั้นได้ ฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดหากข้าราชการมีความหวาดระแวงใดใดในข้าราชการการเมืองเรามานั่งคุยกัน

“ความจริงผมเองโดยส่วนตัวก็ได้พบกับรองปลัดจาดุร และข้าราชการประจำในความรับผิดชอบอยู่ตลอดเวลา ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากรัฐบาลชุดนี้ แต่มันเกิดจากปัญหาที่มันสั่งสมมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลนี้ต้องแก้ เพราะฉะนั้นถ้าเรามองว่าปัญหามันเริ่มต้นตรงไหน มันไม่ได้เริ่มต้นที่การโยกย้ายข้าราชการประจำมันเริ่มต้นที่มีปัญหาว่ามีการใช้ระบบข้าราชการประจำในช่วงที่ผ่านมาจนเกินเลย แล้วกลายเป็นการบ่อนทำลายประชาธิปไตยในตัว ตรงนี้แหละครับที่รัฐบาลชุดนี้ต้องแก้”

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะเปิดทางให้ข้าราชการประจำออกพระราชกฤษฎีกา หรือจะต้องมาคุยทำความเข้าใจกันก่อน รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า ก่อนจะพูดกันด้วยกฎหมายเป็นเจ้าถ้อยหมอความอย่างนั้น เราน่าจะพูดอย่างพี่น้องคนไทยด้วยกันก่อน เพราะรัฐบาลก็มาจากประชาชน ข้าราชการประจำท่านก็มาจากประชาชนเหมือนกัน เพราะฉะนั้น คนสองกลุ่มนี้ไม่ใช่แบ่งแยกกัน แต่เป็นคนกลุ่มเดียวกันแท้ๆ ที่จะทำงานภายใต้คำว่ารัฐบาล ดังนั้นเรื่องนี้น่าจะคุยกันได้ เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เป็นเพียงว่าเมื่อมีการพูดถึงเรื่องของการออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อจะตั้งสหภาพอะไรขึ้นมา ฟังดูมันขึงขังน่ากลัว รัฐบาลจึงไม่อยากเห็นภาพอย่างนั้น

เมื่อถามว่า ถ้ามีโอกาสต้องพูดคุยกันก่อนใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความริเริ่มของฝ่ายข้าราชการพลเรือน ถ้าหากท่านมีความไม่สบายใจท่านก็คงต้องเป็นคนริเริ่มที่จะเข้ามาคุยกัน ถ้าหากไม่รู้จะคุยกับใครก็มาคุยกับตนก็ได้ ไม่ใช่ว่าตนจะไปยุ่งกับทุกเรื่องแต่ไม่อยากเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกมันลุกลามใหญ่โตกลายเป็นเรื่องของการทำงานร่วมกันลำบาก

“ตรงนี้ก็เลยขอร้องว่ากลไกปกติธรรมดามันยังมีอยู่ ก็ลองใช้เสียก่อน” นายจักรภพ กล่าว

เมื่อถามว่า ตราบใดที่รัฐธรรมนูญยังเปิดช่องอยู่ก็คงจะออกมาเป็นระลอกๆ อย่างนี้มีแนวคิดที่แก้รัฐธรรมนูญไหม นายจักรภพ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ได้พูดชัดตั้งแต่แรกเลยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในภารกิจที่ต้องทำ เพียงแต่ว่าบ้านเมืองมีปัญหาที่เรียกว่าระยะเฉพาะหน้า เช่น เรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศ เพราะฉะนั้นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งสำคัญกว่าต้องใช้เวลาสักนิดนึง เพื่อให้เกิดผลงานในส่วนของรัฐบาลที่ประชาชนจะยอมรับได้ และประชาชนนั้นเองจะเป็นพลังสนับสนุนรัฐบาลในการทำภารกิจใหญ่ขนาดแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพวกเราทราบดีว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จได้แต่ละครั้งเป็นเรื่องที่ต้องระดมพลังในทางการเมืองและทางสังคมมาก

“เพราะฉะนั้น รัฐบาลอยู่ในโลกของความเป็นจริงรู้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการแก้ไขที่ตรงจุดที่สุด แต่มันต้องใช้เวลา” นายจักรภพ กล่าว

เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 เปิดช่องให้ข้าราชการทำได้แต่ถ้ารัฐบาลไม่เห็นด้วยจะกลายเป็นว่ารัฐบาลขัดขวางการใช้สิทธิเสรีภาพที่พวกเขาจะมีหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า รัฐบาลเป็นประชาชนเหมือนกัน มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น คำว่าไม่เห็นด้วยไม่ได้หมายความว่าจะห้ามทำ เพราะฉะนั้น ตรงนี้เพียงแต่ขอร้องกันว่าในเมื่อเรามีจุดยืนอย่างนี้ รู้ว่าเพื่อนร่วมงานของเรามีความรู้สึกอย่างนี้ เราก็เชิญให้มานั่งคุยกัน อย่างไรก็ตามความจริงตนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่าเป็นเรื่องของเหตุการณ์อะไรที่มันเกิดขึ้น เป็นความคิด เป็นจิตใจอะไรต่างๆ เป็นความละเอียดอ่อน ดังนั้น เราต้องแก้ไขแบบคนด้วยกันนั่งพูดจากัน ความคิดเห็นเป็นส่วนของความคิดเห็น ส่วนรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อไปก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ถ้าข้าราชการยังมีจุดยืนเหมือนเดิมรัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนให้มันเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ขอให้ได้คุยกันก่อน

เมื่อถามว่า ในเรื่องของการเชิญรัฐมนตรีท่านไหนจะเป็นเจ้าภาพในการเชิญ นายจักรภพ หยุดคิดและถามสื่อมวลชนว่ารัฐมนตรีคนไหนท่านดูแล ก.พ.และ ก.พ.ร.สื่อมวลชนบอกว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.สำนักนายกฯ นายจักรภพ จึงกล่าวต่อไปว่า ตนคิดว่า รัฐมนตรีท่านที่ดูแลงานของกพ.และกพร.น่าจะเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะได้คุยกัน แต่ถ้าจะให้ตนเป็นผู้ประสานงานก็ยินดี แต่ก็สามารถติดต่อท่านโดยตรงได้ประตูห้องท่านก็เปิดกว้าง เมื่อถามว่าท่าทีของท่านและโฆษกรัฐบาลเมื่อวานนี้ไม่มีทีท่าว่าจะชวนข้าราชการมาพูดคุยกันเลย นายจักรภพ กล่าวว่า ก็มาชวนวันนี้แล้วไง

“บางที่ข่าวที่เข้าหูมาเราก็ไม่ได้รู้ความจริงจังของคนที่เสนอมา แต่เมื่อเราติดตามข่าวสารไประยะหนึ่งแล้วก็รู้ว่ามันมีความรู้สึกอยู่จริงๆ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ก็น่าจะมาคุยกันได้ บ้านเมืองก็เป็นอย่างนี้แหละครับบางทีมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเราก็ให้ความเห็นกันไปตามกระแสข่าว เร็วไปบ้างแรงไปบ้าง แต่เมื่อทราบเรื่องที่แท้จริงเราก็ย้อนกลับมายังจุดที่เหมาะสม ตรงนี้น่าจะไม่เป็นปัญหา” นายจักรภพ กล่าว

เมื่อถามว่า มันเกิดจากความหวาดระแวงซึ่งกันและกันหรือไม่ ถึงได้เป็นปัญหาอย่างนี้ นายจักรภพ กล่าวว่า ความแตกแยกของบ้านเมืองช่วงก่อนที่จะมีรัฐบาลมันลึกมาก ทำให้คนแบ่งข้างกัน ทำให้คนกลัวกันว่าจะมีการล้างบางว่าจะมีการล้างแค้น ความรู้สึกตรงนี้ทำให้การตั้งการ์ดของตัวเองมันจึงสูงกว่าในยามปกติ

“คงไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลชุดนี้หรอก รัฐบาลชุดไหนก็ตามหลังเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมืองก็จะพบบรรยากาศแบบนี้ทั้งนั้น ซึ่งก็เป็นความท้าทายของรัฐบาลที่จะต้องบริหารความรู้สึกและความสัมพันธ์ให้มันดีที่สุด” นายจักรภพ กล่าว

เมื่อถามว่าแล้วจะแก้ปัญหาระยะยาวอย่างไรไม่ให้ข้าราชการตั้งหวั่นกลัว เพราะรัฐมนตรีหลายคนก็ชอบพูดอย่างนี้ว่าทุกรัฐบาลเมื่อมาถึงก็ย้ายข้าราชการอย่างนี้ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่มีทางหรอกที่เราจะบริหารงานในระดับประเทศโดยที่ไม่มีความหวั่นเกรง ความวิตกกังวลอยู่ในใจ ทั้งนี้ รัฐบาลทุกชุดต้องนำความทุกข์ของประชาชนมาเป็นหลักอยู่แล้ว ก็แปลว่าเราต้องเริ่มต้นจากการมองโลกในแง่ร้ายพอสมควรว่าปัญหามันมี แล้วปัญหาอยู่ตรงไหน เราต้องแก้ไข เพราะฉะนั้นการที่บอกว่าให้ทุกคนอยู่กันด้วยความปลอดโปร่งใจ สัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันเป็นโลกในอุดมคติ มันเป็นจริงไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นทางดีที่สุดที่เราทำได้ก็คือทำให้การเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตามมันมีเหตุมีผล และเปิดช่องให้รู้ว่าเกิดอะไรขัดแย้งขึ้นมาแล้วจะพูดจากันได้ตรงไหน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่สมเหตุสมผลที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 14.00 น.นายจักรภพ จะเข้าตรวจเยี่ยมสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ณ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะได้มีโอกาสพบกับข้าราชการของ สปน.และอาจจะได้พบกับนายจาดุร ซึ่งจะได้มีการพูดคุยในเรื่องของการตั้งสหภาพข้าราชการ
กำลังโหลดความคิดเห็น