รัฐบาลเตรียมรายงานผลการพัฒนาศักยภาพข้าราชการไทยประจำปี ต่อที่ประชุมสภาฯ 5 มี.ค.นี้ เชื่อ ปชป.จ้องเล่นงานเรื่องโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม เผย "สมัคร-จักรภพ -ไชยา" ไม่เข้าชี้แจง โบ้ย "ชูศักดิ์" รับหน้าแทน ด้าน "ชูศักดิ์" โวย "หมัก" โยกย้ายใครไม่ปรึกษาสักคำ ลั่นไม่ใช่ทนายที่จะต้องไปแก้ต่างให้ใคร
วานนี้ ( 3 มี.ค.) นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล กล่าวภายหลังประชุมวิปรัฐบาลว่า วาระสำคัญเป็นการหารือกรณีที่รัฐบาลจะต้องรายงานการพัฒนาศักยภาพข้าราชการไทย ประจำปี 2550 ต่อที่ประชุมสภาฯ ในวันที่ 5-6 มี.ค.นี้ คาดว่าพรรคฝ่ายค้าน คงแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ เนื่องจากประเด็นการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งวิปรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง และถือเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลจะได้ใช้โอกาสนี้ ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย แต่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมทั้งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายที่ผ่านมา เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข คงไม่เข้าชี้แจง เพราะมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) เป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่วิปรัฐบาลจะให้ตนชี้แจงเรื่องการโยกย้ายข้าราชการต่อที่ประชุมสภา แทนรัฐมนตรีว่า มติวิปไม่ได้ระบุให้ตนเป็นผู้ชี้แจงการโยกย้ายข้าราชการ หากฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามในห้องประชุม แต่เป็นเรื่องที่ตนจะต้องชี้แจงตามรายงานรอบปี ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ในเรื่องของการประเมินผลทำงานของราชการไทย ต่อที่ประชุมสภา ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นรายงานเดิมของรัฐบาลที่ผ่านมา
"วิปเพียงสนใจว่าหากมีการตั้งกระทู้ถามในที่ประชุม ในเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ จะทำอย่างไร ผมก็บอกว่าถ้าถาม ก็จะตอบ แต่ถ้าตอบไม่ได้ว่าอะไร ไม่ใช่มีมติให้ผมชี้แจง"
นายชูศักดิ์ กล่าวว่าการโยกย้ายต่างๆที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องของก.พ.ร. โดยตรง แต่เป็นภาพของการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมี พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน พ.ร.บ.ระเบียราชการพลเรือน ก.พ.ร.ไม่เกี่ยวกับเรื่องใครจะไป ใครจะย้าย เพราะประเด็นการโยกย้าย กระทรวงก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง
นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่ผู้ถูกโยกย้ายจะฟ้องร้องนั้น ผู้เกี่ยวข้องก็จะต้องเป็นกระทรวงที่เกี่ยวข้อง หรือกรณีการโยกย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็เป็นเรื่องของคนที่เกี่ยวข้อง จะให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดูหมด ก็ตาย เพราะตอนโยกย้าย ก็ไม่มีการมาถามตนสักคำ
"แม้ผมจะกำกับดูแลกฎหมายของรัฐบาล ก็ไม่ได้ดูแลว่า ใครจะถูกฟ้องบ้าง ใครถูกฟ้องต้องผ่านผมหมด เป็นอย่างนั้นผมก็ตาย ผู้ที่ถูกฟ้องร้องก็ต้องไปชี้แจงเองโดยเขาก็จะมีฝ่ายกฎหมายของเขา นิติกรของเขาต่อเหตุผลนั้น เทียบเคียงกับการโยกย้าย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. ที่ถูกย้ายในรัฐบาลที่แล้วที่เขาฟ้องนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี (สลน.) ก็ส่งฝ่ายกฎหมายไปชี้แจงเหตุความจำเป็นท้ายสุดก็เป็นเช่นนี้"
นายชูศักดิ์ระบุว่า ตนแม้จะดูกฎหมายของรัฐบาล ก็ดูแค่กฎหมายที่ควรจะแก้ไข กฎหมายใหม่ที่ยืนยันหรือกฎหมายของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะตนไม่ใช่ทนาย ที่จะต้องแก้ไขให้กับแต่ละกระทรวง
"ผมไม่ใช้ทนายที่จะต้องไปดีเฟ้นท์ให้กับทุกกระทรวง" รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
วานนี้ ( 3 มี.ค.) นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล กล่าวภายหลังประชุมวิปรัฐบาลว่า วาระสำคัญเป็นการหารือกรณีที่รัฐบาลจะต้องรายงานการพัฒนาศักยภาพข้าราชการไทย ประจำปี 2550 ต่อที่ประชุมสภาฯ ในวันที่ 5-6 มี.ค.นี้ คาดว่าพรรคฝ่ายค้าน คงแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ เนื่องจากประเด็นการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งวิปรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง และถือเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลจะได้ใช้โอกาสนี้ ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย แต่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมทั้งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายที่ผ่านมา เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข คงไม่เข้าชี้แจง เพราะมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) เป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่วิปรัฐบาลจะให้ตนชี้แจงเรื่องการโยกย้ายข้าราชการต่อที่ประชุมสภา แทนรัฐมนตรีว่า มติวิปไม่ได้ระบุให้ตนเป็นผู้ชี้แจงการโยกย้ายข้าราชการ หากฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามในห้องประชุม แต่เป็นเรื่องที่ตนจะต้องชี้แจงตามรายงานรอบปี ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ในเรื่องของการประเมินผลทำงานของราชการไทย ต่อที่ประชุมสภา ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นรายงานเดิมของรัฐบาลที่ผ่านมา
"วิปเพียงสนใจว่าหากมีการตั้งกระทู้ถามในที่ประชุม ในเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ จะทำอย่างไร ผมก็บอกว่าถ้าถาม ก็จะตอบ แต่ถ้าตอบไม่ได้ว่าอะไร ไม่ใช่มีมติให้ผมชี้แจง"
นายชูศักดิ์ กล่าวว่าการโยกย้ายต่างๆที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องของก.พ.ร. โดยตรง แต่เป็นภาพของการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมี พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน พ.ร.บ.ระเบียราชการพลเรือน ก.พ.ร.ไม่เกี่ยวกับเรื่องใครจะไป ใครจะย้าย เพราะประเด็นการโยกย้าย กระทรวงก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง
นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่ผู้ถูกโยกย้ายจะฟ้องร้องนั้น ผู้เกี่ยวข้องก็จะต้องเป็นกระทรวงที่เกี่ยวข้อง หรือกรณีการโยกย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็เป็นเรื่องของคนที่เกี่ยวข้อง จะให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดูหมด ก็ตาย เพราะตอนโยกย้าย ก็ไม่มีการมาถามตนสักคำ
"แม้ผมจะกำกับดูแลกฎหมายของรัฐบาล ก็ไม่ได้ดูแลว่า ใครจะถูกฟ้องบ้าง ใครถูกฟ้องต้องผ่านผมหมด เป็นอย่างนั้นผมก็ตาย ผู้ที่ถูกฟ้องร้องก็ต้องไปชี้แจงเองโดยเขาก็จะมีฝ่ายกฎหมายของเขา นิติกรของเขาต่อเหตุผลนั้น เทียบเคียงกับการโยกย้าย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. ที่ถูกย้ายในรัฐบาลที่แล้วที่เขาฟ้องนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี (สลน.) ก็ส่งฝ่ายกฎหมายไปชี้แจงเหตุความจำเป็นท้ายสุดก็เป็นเช่นนี้"
นายชูศักดิ์ระบุว่า ตนแม้จะดูกฎหมายของรัฐบาล ก็ดูแค่กฎหมายที่ควรจะแก้ไข กฎหมายใหม่ที่ยืนยันหรือกฎหมายของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะตนไม่ใช่ทนาย ที่จะต้องแก้ไขให้กับแต่ละกระทรวง
"ผมไม่ใช้ทนายที่จะต้องไปดีเฟ้นท์ให้กับทุกกระทรวง" รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
