ASTVผู้จัดการรายวัน-“อภิสิทธิ์”การันตีโครงการประกันราคา เกษตรกรได้รับประโยชน์มากกว่าโครงการรับจำนำ แถมรัฐไม่ต้องรับภาระเก็บสต๊อกสินค้าไว้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมมอบนโยบายการประกันราคาผลิตผลการเกษตรแทนการรับจำนำผลผลิตให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (7 ก.ย.) ว่า รัฐบาลจะเริ่มโครงการรับประกันราคาผลผลิตทางการเกษตร เริ่มจากข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพด เพราะเห็นว่าดีกว่าโครงการแทรกแซงราคาเหมือนที่ได้ดำเนินการมาในอดีต เกษตรกรได้รับประโยชน์เป็นส่วนน้อย แต่การประกันราคา เกษตรกรจะได้รับประโยชน์โดยตรง และรัฐบาลไม่ต้องรับภาระในการเก็บสินค้าไว้อีกเป็นจำนวนมาก
“เชื่อว่าการรับประกันจะไม่เกิดการทุจริต รั่วไหล และต้องนำเงินงบประมาณที่เป็นภาษีอากรของประชาชนมาแบกรับภาระเหมือนโครงการรับจำนำ การประกันราคาจะทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์แท้จริง และทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบได้ โปร่งใส ชัดเจน ไม่บิดเบือนกลไกตลาด เกษตรกรได้ราคาอย่างเป็นธรรมทุกพื้นที่ และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เกษตรกรจะได้รับเงินจากการประกันราคาถึงมือ ซึ่งเป็นการยกระดับความเป็นอยู่เกษตรกรและทำให้หนี้สินของเกษตรกรทั่วประเทศน้อยลง”นายอภิสิทธิ์กล่าว
สำหรับระบบการรับประกันราคาสินค้าเกษตร รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเก็บสต๊อกสินค้าเกษตร และยังเชื่อว่าแนวทางนี้จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรไทยให้ดีขึ้น รวมทั้งรัฐบาลจะมีฐานข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเกษตรสามารถนำมาบริหารจัดการและสร้างเสถียรภาพของสินค้าเกษตรไทย และที่สำคัญตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป ตามกรอบความร่วมมืออาเซียนจะมีการลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรเหลือร้อยละ 0 หากเป็นโครงการรับจำนำจะเกิดปัญหาการสวมสิทธิ์ แต่ระบบประกันจะไม่มีปัญหาแน่นอน
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เปิดให้มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกร โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเป็นผู้ทำการสำรวจและขึ้นทะเบียนเกษตรกร ซึ่งได้สั่งการให้มีการเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยขอให้แต่ละจังหวัดดำเนินการก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาด เพื่อให้เกษตรกรได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมมอบนโยบายการประกันราคาผลิตผลการเกษตรแทนการรับจำนำผลผลิตให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (7 ก.ย.) ว่า รัฐบาลจะเริ่มโครงการรับประกันราคาผลผลิตทางการเกษตร เริ่มจากข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพด เพราะเห็นว่าดีกว่าโครงการแทรกแซงราคาเหมือนที่ได้ดำเนินการมาในอดีต เกษตรกรได้รับประโยชน์เป็นส่วนน้อย แต่การประกันราคา เกษตรกรจะได้รับประโยชน์โดยตรง และรัฐบาลไม่ต้องรับภาระในการเก็บสินค้าไว้อีกเป็นจำนวนมาก
“เชื่อว่าการรับประกันจะไม่เกิดการทุจริต รั่วไหล และต้องนำเงินงบประมาณที่เป็นภาษีอากรของประชาชนมาแบกรับภาระเหมือนโครงการรับจำนำ การประกันราคาจะทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์แท้จริง และทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบได้ โปร่งใส ชัดเจน ไม่บิดเบือนกลไกตลาด เกษตรกรได้ราคาอย่างเป็นธรรมทุกพื้นที่ และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เกษตรกรจะได้รับเงินจากการประกันราคาถึงมือ ซึ่งเป็นการยกระดับความเป็นอยู่เกษตรกรและทำให้หนี้สินของเกษตรกรทั่วประเทศน้อยลง”นายอภิสิทธิ์กล่าว
สำหรับระบบการรับประกันราคาสินค้าเกษตร รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเก็บสต๊อกสินค้าเกษตร และยังเชื่อว่าแนวทางนี้จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรไทยให้ดีขึ้น รวมทั้งรัฐบาลจะมีฐานข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเกษตรสามารถนำมาบริหารจัดการและสร้างเสถียรภาพของสินค้าเกษตรไทย และที่สำคัญตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป ตามกรอบความร่วมมืออาเซียนจะมีการลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรเหลือร้อยละ 0 หากเป็นโครงการรับจำนำจะเกิดปัญหาการสวมสิทธิ์ แต่ระบบประกันจะไม่มีปัญหาแน่นอน
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เปิดให้มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกร โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเป็นผู้ทำการสำรวจและขึ้นทะเบียนเกษตรกร ซึ่งได้สั่งการให้มีการเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยขอให้แต่ละจังหวัดดำเนินการก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาด เพื่อให้เกษตรกรได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึง