ดีเอสไอเล็งจับลานมันทุจริตโครงการรับจำนำมันสำปะหลังอีก 3 แห่ง ขณะที่ศาลไม่ให้ประกัน 4 ผู้ต้องหา เจ้าของลานมันใน จ.อุบลฯ หลังพบข่มขู่พยาน
วันนี้ (23 ก.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนคดีทุจริตในโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ว่า เจ้าของลานมันสำปะหลัง 3 แห่งในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งดีเอสไอจับกุมตัวมาดำเนินคดี หลังพบว่ามีการทำเอกสารอันเท็จ ระบุตัวเลขจำนวนมันสำปะหลังที่รับจำนำไม่ตรงกับความเป็นจริง จากรูปคดีพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 ประกอบด้วย นายพนมไพร วงศ์คำ และนายไกรศักดิ์ วงศ์คำ เจ้าของลานมันชัยมงคล นางพาณี สะสมสวัสดิ์ เจ้าของลานมันศิริพืชผล และนายวิชัย ศรีอรุณ เจ้าของลานมันชัยเจริญพืชผล นั้น มีพฤติการณ์ข่มขู่เกษตรกรไม่ให้เข้าให้ข้อมูลแก่พนักงานสอบสวน และยังเป็นคดีที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ในเบื้องต้นทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณถึง 700 ล้านบาท ศาลจึงไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย และให้ควบคุมตัวไว้ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง และในสัปดาห์หน้าดีเอสไอจะเข้าจับกุมลานมันสำปะหลังอีก 3 แห่ง ที่ทุจริตรับจำนำมันสำปะหลัง
สำหรับคดีทุจริตโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ดีเอสไอได้ประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการดังกล่าว (ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 และเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552) ที่กำหนดให้มีการแทรกแซงตลาดมัน โดยการรับจำนำมันสำปะหลังสด จำนวน 10 ล้านตัน โดยมีวงเงินรับจำนำรวมทั้งสิ้น19,625 ล้านบาท ใน 44 จังหวัด จากการตรวจสอบพบพฤติการณ์การกระทำความผิดแตกต่างกัน อาทิ ผู้ประกอบลานมันสำปะหลังที่เข้าร่วมโครงการ จะเป็นผู้รับฝากจำนำมันสำปะหลังและออกใบรับรองให้เกษตรกรนำไปรับเงินจากทางราชการ ในขบวนการดังกล่าวพบการทุจริตโดยมีหลักฐาน อันเชื่อได้ว่าผู้ประกอบการ ลานมันสำปะหลัง มีการใช้กลอุบายกับเกษตรกรในการรับฝากเป็นมันสำปะหลังเส้นแทนมันสำปะหลังสด เพื่อรับเงินค่าแปรรูปมันแทนเกษตรกร รวมทั้งมีการจัดทำใบประทวนรับฝากมันสำปะหลังเกินกว่าจำนวนมันรับฝากจริง และให้เกษตรกรนำใบประทวนไปเบิกเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยเกษตรกรจะได้รับเงินตามยอดที่จำนำจริง ส่วนต่างที่เกิดขึ้นจะตกเป็นของลานมันสำปะหลัง และอาจมีการนำมันสำปะหลังสดนอกโควตามาสวมสิทธิ์เข้าโครงการแทน รวมถึงการนำประชาชนที่ไม่ใช่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังมาสวมสิทธิ์เพื่อขอรับความช่วยเหลือในโครงการดังกล่าว