อุบลราชธานี- กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอบุกจับกุมผู้ประกอบการ 3 โรงมันสำปะหลังพบหลักฐานทุจริตนำมันสำปะหลังนอกโครงการสวมสิทธิ์ พร้อมบังคับให้เกษตรกรนำมันเส้นแทนมันสำปะหลังสดมาขายให้รัฐตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2551/52
วานนี้ (16 ก.ค.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม นำเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบุกตรวจค้นเก็บหลักฐานและจับกุมผู้ประกอบการ 3 โรงมันคือ ลานมันชัยเจริญพืชผล อ.น้ำยืน มีนายวิชัย ศรีอรุณ เป็นเจ้าของ ลานมันเรืองศิริพืชผล อ.น้ำยืน มี นางธานี สะสมสวัสดิ์ เป็นเจ้าของ และลานมันไชยมงคล อ.น้ำขุ่น มีนายพนมไพร และนายไกรศักดิ์ วงศ์คำ สองพี่น้องเป็นเจ้าของ
ภายหลังการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้แจ้งข้อหาเจ้าของลานมันทั้ง 3 โรง ว่า ฉ้อโกงประชาชน และทำให้สินค้าเสื่อมราคาหรือเสื่อมประโยชน์ในการใช้สอย โดยกดราคารับซื้อ พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายไปดำเนินคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษในบ่ายวันเดียวกัน โดยผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนี้ราว 70 ล้านบาท
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงที่มาของการเข้าจับกุมลานมันทั้ง 3 โรง เพราะคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องให้ดีเอสไอสอบสวนการใช้งบประมาณโครงการพยุงราคาสินค้าของโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2551/52 ซึ่งพบความผิดปกติและการทุจริตที่ จ.ลพบุรี และอุบลราชธานี
ทำให้เกษตรกรที่นำมันสำปะหลังเข้าจำนำกับลานมันเสียประโยชน์จากการถูกกดราคา และทำการสวมสิทธิแทนเกษตรกรตัวจริง
จากการเข้าสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ จ.อุบลราชธานี พบว่า มีการใช้กลอุบายในการรับฝากมันสำปะหลังเส้นแทนมันสำปะหลังสดที่รัฐบาลรับซื้อ พร้อมทั้งมีการให้เกษตรกรนำใบประทวนสินค้าไปเบิกเงินจากรัฐ โดยเกษตรกรได้รับเงินในส่วนที่นำมันสำปะหลังมาส่งให้จริงราว 20 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่เบิกออกไปทั้งหมด
สำหรับส่วนต่างของเงินที่เหลือ ลานมันได้นำมันสำปะหลังนอกโครงการเข้ามาสวมสิทธิ์ ลานมันจึงเป็นผู้ได้รับเงินไปแทนเกษตรกร หลังการสอบสวนรวบรวมได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด จึงนำกำลังเข้าจับกุมผู้ประกอบการลานมันที่ทุจริต ทำให้เกษตรกรประโยชน์และรัฐบาลเสียหายดังกล่าว
