นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำมันปาล์มดิบ และมันสำปะหลัง กล่าวถึงมติของที่ประชุม ที่ห้องประชุม ตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาล ว่า เป็นการประชุมร่วมกันของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กรมบัญชีกลาง กรมการค้าภายใน กรมวิชาการเกษตร องค์การคลังสินค้า และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ในขั้นตอนการรับจำนำสินค้าเกษตร ซึ่งมีด้วยกัน 2 เรื่อง คือ ปัญหาการสวมสิทธิ์ และปัญหาการบริหารจัดการโครงการ
คณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบ แนวทางในการแก้ไขปัญหา ทั้งสิ้น 4 ข้อ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมก่อนเปิดโครงการ ให้มีหลักเกณฑ์ในการรับจำนำที่ชัดเจน เรียบร้อยก่อนจะเปิดโครงการ การแจ้งข้อมูลเรื่องการปลูกพืช และการรับรองการเป็นเกษตรกร เป็นการบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐให้มีระบบสารสนเทศทางการเกษตร การบริหารจัดการคิวในการรับจำนำ ให้มีคณะกรรมการจัดการคิวระดับจังหวัดให้มีความเป็นธรรมยิ่งขึ้น และการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งควรมีเจ้าหน้าที่ประจำที่เพียงพอ และสามารถปฏิบัติงานได้ รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะต้องมีการตรวจสอบ พร้อมทั้งระบุว่า หากการปฏิบัติงานในภาคปฏิบัติ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เชื่อว่าในปีหน้า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะลดลง
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมสุดท้ายของคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งจะมีการสรุปรายงานผลถึงปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของคณะรัฐมนตรีด้วย
คณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบ แนวทางในการแก้ไขปัญหา ทั้งสิ้น 4 ข้อ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมก่อนเปิดโครงการ ให้มีหลักเกณฑ์ในการรับจำนำที่ชัดเจน เรียบร้อยก่อนจะเปิดโครงการ การแจ้งข้อมูลเรื่องการปลูกพืช และการรับรองการเป็นเกษตรกร เป็นการบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐให้มีระบบสารสนเทศทางการเกษตร การบริหารจัดการคิวในการรับจำนำ ให้มีคณะกรรมการจัดการคิวระดับจังหวัดให้มีความเป็นธรรมยิ่งขึ้น และการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งควรมีเจ้าหน้าที่ประจำที่เพียงพอ และสามารถปฏิบัติงานได้ รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะต้องมีการตรวจสอบ พร้อมทั้งระบุว่า หากการปฏิบัติงานในภาคปฏิบัติ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เชื่อว่าในปีหน้า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะลดลง
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมสุดท้ายของคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งจะมีการสรุปรายงานผลถึงปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของคณะรัฐมนตรีด้วย