"วีรชัย วีระเมธีกุล"พบพิรุธขบวนการสวมสิทธิ์ ขอเข้าโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรมีจริง “ข้าวโพด-มันสำปะหลัง” ทุจริตอื้อ
วันนี้(24 เม.ย.) นายวีรชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ โครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 (เพิ่มเติมครั้งที่ 2) โครงการแทรกแซงตลาดน้ำมันปาล์มดิบ ปี 2551/52 (เพิ่มเติม) โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2551/52 ครั้งที่ 2/2552 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินโครงการแทรกแซงพืชเกษตรทั้ง 3 ชนิด จากคณะทำงานสายตรวจพิเศษในระดับพื้นที่ โดยเน้นการตรวจสอบการบริหารจัดการ และการสวมสิทธิเกษตรกร
ทั้งนี้ เมื่อได้รับรายงานการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว รัฐบาลก็ได้วางแนวทางในการแก้ไข 2 ระยะด้วยกันคือ ระยะสั้น กรณีตรวจพบความผิดปกติน่าเชื่อได้ว่ามีการทุจริตหรือมีการสวมสิทธิเกษตรกร ได้ส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่มีการตรวจสอบพบ แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว หากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีการทุจริตหรือมีการ สวมสิทธิเกษตรกร ให้แจ้งองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ และรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการฯ ทราบ
สำหรับระยะยาว กำหนดไว้ 1. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีโครงการฯ เข้าไปดูแลและให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคิวในการรับจำนำ ให้มีการกระจายผลประโยชน์ที่เป็นธรรมและทั่วถึงให้แก่เกษตรกร 2. ให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญในการจดทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะการแจ้งพื้นที่เพาะปลูก ควรมีความเข้มงวดในการจดทะเบียนของเกษตรกร และมีการตรวจสถานภาพที่แท้จริงของเกษตรกรทุกราย เนื่องจากหากแจ้งพื้นที่ปลูกไว้เกินจริงจะเป็นช่องทางให้มีการสวมสิทธิเกษตรกรได้ 3. ให้กระทรวงพาณิชย์ เข้มงวดตรวจสอบจุดรับจำนำ
“ พบข้อพิรุธว่า มีสถานการณ์เข้ามาสวมสิทธิพอสมควร จากที่คณะทำงาน 12-13 คณะ เข้าไปตรวจสอบ โดยรายงานมายังที่ประชุมแล้ว 5 คณะ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะสามารถรายงานได้ชัดเจนที่สุด การสวมสิทธิ์ที่พบเชื่อว่าเป็นการจงใจ ซึ่งเป็นการตรวจสอบโครงการแทรกแซงข้าวโพด 19 จังหวัด และมันสำปะหลัง 34 จังหวัด ทั้งนี้ กรณีของการแทรกแซงปาล์มน้ำมัน ไม่มีรายงานว่ามีการสวมสิทธิ์”
นายวีรชัย ยอมรับว่า การสวมสิทธิ์มีความพยายามที่จะใช้ใบประทวนสินค้าเกษตรตัวอื่นมารับการแทรกแซง เช่น นำใบประทวนอ้อยมาขอรับเข้าโครงการแทนมันฯหรือข้าวโพด รวมทั้ง ยังพบว่า มีใบประทวนที่กอปปี้มองเห็นรายเซ็นที่ไม่ชัดเจน เป็นต้น
วันนี้(24 เม.ย.) นายวีรชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ โครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 (เพิ่มเติมครั้งที่ 2) โครงการแทรกแซงตลาดน้ำมันปาล์มดิบ ปี 2551/52 (เพิ่มเติม) โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2551/52 ครั้งที่ 2/2552 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินโครงการแทรกแซงพืชเกษตรทั้ง 3 ชนิด จากคณะทำงานสายตรวจพิเศษในระดับพื้นที่ โดยเน้นการตรวจสอบการบริหารจัดการ และการสวมสิทธิเกษตรกร
ทั้งนี้ เมื่อได้รับรายงานการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว รัฐบาลก็ได้วางแนวทางในการแก้ไข 2 ระยะด้วยกันคือ ระยะสั้น กรณีตรวจพบความผิดปกติน่าเชื่อได้ว่ามีการทุจริตหรือมีการสวมสิทธิเกษตรกร ได้ส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่มีการตรวจสอบพบ แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว หากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีการทุจริตหรือมีการ สวมสิทธิเกษตรกร ให้แจ้งองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ และรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการฯ ทราบ
สำหรับระยะยาว กำหนดไว้ 1. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีโครงการฯ เข้าไปดูแลและให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคิวในการรับจำนำ ให้มีการกระจายผลประโยชน์ที่เป็นธรรมและทั่วถึงให้แก่เกษตรกร 2. ให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญในการจดทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะการแจ้งพื้นที่เพาะปลูก ควรมีความเข้มงวดในการจดทะเบียนของเกษตรกร และมีการตรวจสถานภาพที่แท้จริงของเกษตรกรทุกราย เนื่องจากหากแจ้งพื้นที่ปลูกไว้เกินจริงจะเป็นช่องทางให้มีการสวมสิทธิเกษตรกรได้ 3. ให้กระทรวงพาณิชย์ เข้มงวดตรวจสอบจุดรับจำนำ
“ พบข้อพิรุธว่า มีสถานการณ์เข้ามาสวมสิทธิพอสมควร จากที่คณะทำงาน 12-13 คณะ เข้าไปตรวจสอบ โดยรายงานมายังที่ประชุมแล้ว 5 คณะ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะสามารถรายงานได้ชัดเจนที่สุด การสวมสิทธิ์ที่พบเชื่อว่าเป็นการจงใจ ซึ่งเป็นการตรวจสอบโครงการแทรกแซงข้าวโพด 19 จังหวัด และมันสำปะหลัง 34 จังหวัด ทั้งนี้ กรณีของการแทรกแซงปาล์มน้ำมัน ไม่มีรายงานว่ามีการสวมสิทธิ์”
นายวีรชัย ยอมรับว่า การสวมสิทธิ์มีความพยายามที่จะใช้ใบประทวนสินค้าเกษตรตัวอื่นมารับการแทรกแซง เช่น นำใบประทวนอ้อยมาขอรับเข้าโครงการแทนมันฯหรือข้าวโพด รวมทั้ง ยังพบว่า มีใบประทวนที่กอปปี้มองเห็นรายเซ็นที่ไม่ชัดเจน เป็นต้น