เกษตรกรปลูกมันเมืองดอกบัวปิดถนนประท้วง ฉุนแบงก์ธ.ก.ส.ไม่จ่ายเงิน

อุบลราชธานี-เกษตรกรมันสำปะหลังกว่า 100 คน นำรถบรรทุกและรถการเกษตรปิดถนนหน้าสำนักงานธนาคาร ธ.ก.ส.อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี เพราะไม่พอใจธนาคารสั่งอายัดเงินค่ามันสำปะหลัง ทำให้ได้เงินล่าช้า

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้( 2 เม.ย.) กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง อ.นาจะหลวย และ อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี ประมาณ 100 คน นำรถกระบะและรถบรรทุก 6 ล้อ ปิดถนน อ.บุณฑริก-เดชอุดม บริเวณหน้าสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาอำเภอบุณฑริก พร้อมเปิดเวทีปราศรัยโจมตีกรณีธนาคารอายัดเงินค่ามันสำปะหลังของเกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำมันสำปะหลังกับรัฐบาล และไม่พอใจที่ ธ.ก.ส.ออกใบรับรองพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังให้เกษตรกรล่าช้า

ส่งผล ทำให้เกษตรกรบางรายเสียโอกาสไม่สามารถนำมันสำปะหลังเข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาลได้ทันในปีนี้ จึงเรียกร้องให้ย้ายนายบุญเลิศ พูลภักดี ผู้จัดการสาขาออกจากพื้นที่

ต่อมานายบุญเลิศเชิญตัวแทนเกษตรกรเข้าเจรจาตกลง โดยการอายัดเงินค่ามันสำปะหลังที่เกษตรกรนำใบประทวนจากลานมันมาขึ้นเงิน จะรีบส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสำรวจพื้นที่มีจำนวนพื้นที่เพาะปลูกตรงกับน้ำหนักประเมินของมันสำปะหลังที่เกษตรกรนำเข้าโครงการจริงหรือไม่ เพราะมีการตรวจพบเกษตรกรบางรายมีพื้นที่เพาะปลูกน้อย แต่นำมันสำปะหลังนอกโครงการเข้ามาสวมสิทธิ์ ทำให้รัฐบาลเสียประโยชน์จากโครงการรับจำนำ

คณะกรรมการรับจำนำมันสำปะหลังระดับจังหวัด จึงสั่งการให้ ธ.ก.ส.ตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกก่อนจ่ายเงิน สำหรับกรณีเกษตรกรที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการจำนำในปีนี้ ธ.ก.ส.จะนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพในการรับจำนำในปีหน้าต่อไป

ด้านนายกิตติพร สาระเดช อายุ 48 ปี เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง อ.นาจะหลวย ซึ่งนำใบประทวนมาขอรับเงินค่ามันสำปะหลังมูลค่าประมาณ 160,000 บาท กล่าวว่า หลังนำส่งใบประทวนจำนำมันสำปะหลังให้ธนาคารๆก็ได้นำเงินเข้าบัญชี โดยสั่งจ่ายวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงวันรับเงินปรากฏว่าเงินทั้งหมดถูกธนาคารอายัดไว้ โดยให้เหตุผลจะต้องไปตรวจสอบพื้นที่การปลูกมันของตนก่อน

ซึ่งตนก็ยินดีให้ธนาคารเข้าตรวจสอบ แต่รอถึงวันนี้ ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ธนาคารไปตรวจสอบ ทำให้ตนได้รับเงินล่าช้า จึงพากันมาประท้วง เพราะมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับนายบุญเลิศหลังเจรจากับตัวแทนเกษตรกรและออกไปกินข้าวเที่ยง ก็ไม่ได้เดินทางกลับเข้าที่ทำงาน ทำให้ผู้สื่อข่าวไม่สามารถติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากนายบุญเลิศได้