บุรีรัมย์ - จังหวัดบุรีรัมย์เร่งแก้ไขปัญหามันฯ เกษตรกรที่ยังตกค้างรอเข้าโครงการจำนำอยู่กว่า 2 แสนตัน ประสานกระทรวงพาณิชย์ขอโควต้าหลัง ครม. อนุมัติเพิ่มปริมาณรับจำนำทั่วประเทศอีก 3 ล้านตัน จากเดิม 10 ล้านตันทั่วประเทศ ด้านเกษตรกรร้องคุมเข้มปัญหาการทุจริตสวมสิทธิ์
วันนี้ (20 เม.ย.) นางบุษบง บัวเงิน พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ ร่วมกับคณะกรรมการแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตของเกษตรกรระดับจังหวัด เร่งประสานไปยังกระทรวงพาณิชย์ หลัง คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบอนุมัติให้เพิ่มโควต้าการรับจำนำมันสำปะหลังของเกษตรกรทั้งประเทศอีก 3 ล้านตัน เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา จากเดิมที่รัฐบาลกำหนดปริมาณการรับจำนำมันทั่วประเทศ10 ล้านตัน แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตร
โดยขอให้กระทรวงพาณิชย์ ได้พิจารณาจัดสรรโควต้ารับจำนำมันเฉพาะของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง จ.บุรีรัมย์ ที่ยังตกค้างอยู่กว่า 200,000 ตัน อย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรอยู่ในขณะนี้ จากที่เกษตรกรมีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั้งจังหวัดกว่า 200,000 ไร่ มีผลผลิตทั้งสิ้นในปีนี้กว่า 1,200,000 ตัน มากกว่าทุกปีที่ผ่านมาประมาณ 10 %
นางบุษบง กล่าวอีกว่า หากกระทรวงพาณิชย์จัดสรรโควต้าลงมาถึงพื้นที่ล่าช้า เกรงว่าเกษตรกรจะนำผลผลิตมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำมันสำปะหลังไม่ทัน เพราะโครงการจะสิ้นสุดเวลารับจำนำ ภายในวันที่ 30 เม.ย. นี้เท่านั้น อีกทั้ง ครม.ไม่ได้ขยายระยะเวลารับจำนำออกไป เพียงเพิ่มโควต้าการรับจำนำของเกษตรกรเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ทางกลุ่มเกษตรกร จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาเรียกร้อง ว่า หากทางจังหวัดบุรีรัมย์ได้รับโควต้ารับจำนำมันฯ เพิ่มจากกระทรวงพาณิชย์อีกจำนวน 200,000 ตัน ตามที่ร้องขอไปจริง ทางผู้ประกอบการโรงแป้งหรือลานมันสำปะหลัง ต้องรับจำนำมันของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดที่ลงทะเบียนไว้กับสำนักงานเกษตรก่อนจะรับจำนำมันจากนอกพื้นที่ หากไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในจังหวัดหวัดที่กำลังเดือดร้อนอยู่ได้
นอกจากนั้ ขอให้ภาครัฐเข้ามาดูแลอย่างเข้มงวดด้วยว่า มันที่นำมาเข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาล นั้นมีที่ไปที่มาอย่างไร มีการนำมันจากที่อื่นมาสวมสิทธิ์หรือไม่ เนื่องจากราคารับจำนำสูงถึงตันละกว่า 2,000 บาท แต่หากนำไปขายให้กับนายทุนหรือลานมันจะถูกกดราคาเหลือเพียงตันละ 700 - 800 บาท เท่านั้น