xs
xsm
sm
md
lg

รบ.งัดแผนรับมือผลไม้ล้นตลาด 7.4 หมื่นตัน ททท.จัดทริปเร่งด่วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รัฐบาลงัดแผนรับมือผลไม้ล้นตลาด 3 จว.ภาคตะวันออก ทั้ง มังคุด เงาะ และลองกอง ที่จะทะลักกว่า 7.4 หมื่นตัน ททท.ลั่นโหมกิจกรรมทัวร์สวนผลไม้ “เที่ยวสุขสันต์แดนสวรรค์ผลไม้” จัดทริปผ่านเอเยนต์ทัวร์ขยายตลาดใหม่ๆ กู้วิกฤตท่องเที่ยว

นายโอฬาร พิทักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้เตรียมมาตรการและแนวทางรองรับปริมาณผลผลิตผลไม้ออกสู่ตลาด ซึ่งในช่วงนี้เป็นฤดูกาลของผลไม้ภาคตะวันออกโดยเฉพาะผลไม้ใน 3 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ระยอง ตราด ซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจของประเทศ คือ ทุเรียน มังคุด เงาะและลองกอง ซึ่งในตอนนี้ส่วนใหญ่ออกดอกและติดผลแล้ว

โดยเบื้องต้นประมาณการผลผลิตได้ว่า ทุเรียนจะมีผลผลิตรวม 344,507 ตัน ลดลง 30,897 ตัน มังคุดมีผลผลิตรวม 110,616 ตัน ปริมาณใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เงาะมีผลผลิตรวม 225,218 ตัน ลดลง 55,459 ตัน ลองกองมีผลผลิตรวม 61,042 ตัน เพิ่มขึ้น 909 ตัน

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้มีหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานเกษตรทั้ง 3 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ระยอง ตราด ที่เป็นแหล่งผลิตผลไม้ที่สำคัญ ให้จัดทำแผนบริหารจัดการผลไม้ในภาพรวมของจังหวัด และเสนอโครงการเพื่อของบประมาณจากส่วนกลางในกรณีที่มีความจำเป็น ซึ่งผลผลิตโดยรวมของไม้ผลภาคตะวันออก ปี 2552 คาดว่า จะอยู่ที่ 741,383 ตัน โดยจะแบ่งแผนการบริหารจัดการออกเป็น 3 ระดับ คือ กลไกปกติจำนวน 473,128 ตัน แผนจังหวัดจำนวน 226,255 ตัน และของบประมาณจากคณะกรรมการกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) จำนวน 42,000 ตัน เพื่อกระจายผลผลิตภายในประเทศ 35,000 ตัน และบริหารจัดการคุณภาพผลผลิต 7,000 ตัน

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ทำการสำรวจและจัดเก็บข้อมูลทางวิชาการอย่างถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด โดยในปีนี้ปริมาณผลผลิตไม่ได้มากไปกว่าปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาไม้ผลภาคตะวันออกอยู่ที่การกระจุกตัวของผลผลิตที่จะออกพร้อมกันในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน แต่จะเป็นปัญหาในช่วงสั้นๆ เท่านั้น

“กรมส่งเสริมการเกษตรได้เตรียมมาตรการและแนวทางรองรับปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดเรียบร้อยแล้ว ทั้งในระดับพื้นที่และในส่วนกลาง ส่วนราคาของผลไม้นั้นก็จะเป็นไปตามกลไกของตลาดและตามสภาวะเศรษฐกิจ คาดว่า ปัญหาต่างๆ จะบรรเทาลงได้”

นายแก่นเพชร ช่วงรังษี ผู้ว่าราชการ จ.ตราด เปิดเผยถึงมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาราคาผลผลไม้ตกต่ำของว่า ผลไม้ 4 ชนิดที่จะออกมาสู่ตลาดในระยะต่อไป ได้แก่ ทุเรียน 30,000 ตัน มังคุด 14,000 ตัน เงาะ 70,000 ตัน และลองกอง 7,000 ตัน ทางจังหวัดจึงได้วางมาตรการส่งผลไม้ไปจำหน่ายในจังหวัดต่างๆ ตามที่ได้มีการลงนามตกลงร่วมแล้วหลายจังหวัด อาทิ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา

นอกจากนี้ จังหวัดยังได้ดำเนินเปิดการทำตลาดผลไม้ในต่างประเทศ ผ่านการทำโรดโชว์ ในตลาดกัมพูชา และเวียดนามเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีคำสั่งซื้อผลไม้แล้วจำนวนมาก พร้อมจัดกิจกรรมกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในประเทศ

นายวรนิติ์ กายราศ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตราด กล่าวถึงแผนการท่องเที่ยวในภาคตะวันออก ตามที่รัฐบาลประกาศให้การส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก ที่ไม่เคยเดินทางเข้ามาเที่ยว ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อเรื่องดังกล่าวค่อนข้างมาก ก่อให้เกิดความหวาดกลัวจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการยกเลิกการเดินทาง หรือเปลี่ยนเส้นทางการท่องเที่ยวสู่ประเทศอื่น

ทาง ททท.ตราดจึงเร่งประสานงานกับ ทท.ส่วนกลางช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และชี้แจงสถานการณ์ในเชิงบวกผ่านสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ ควบคู่กับการหาตลาดใหม่เข้ามาในจังหวัดตราด ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย จำพวกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือภาคเอกชนให้เข้ามาจัดสัมมนา/อบรม ในจังหวัดตราด นอกจากนี้ ยังเร่งหาตลาดต่างประเทศในประเทศอื่นๆ เช่น รัสเซีย มาเลเซีย ดูไบ เวียดนาม

นอกจากนี้ ททท.ตราด เร่งส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวใหม่ๆ เช่น การเปิดตลาดริมน้ำชุมชนดั้งเดิมในเขตอำเภอเมือง การจัดกิจกรรมทัวร์สวนผลไม้ “เที่ยวสุขสันต์แดนสวรรค์ผลไม้” ผ่านเอเยนต์ทัวร์ ซึ่งได้รับความสนใจค่อนข้างมาก เห็นได้จากปัจจุบันยังไม่ถึงช่วงผลไม้อออกสู่ตลาด แต่มีอัตราการจองของนักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมแล้วหลายร้อยคน ทั้งนี้ คาดว่า จากการดำเนินหลากหลายกิจกรรมต่างๆ ที่กล่าวมา คาดว่าจะมีส่วนช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประเทศได้ไม่น้อย

นายสมพงษ์ อินทรสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลผลิตมังคุด เริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้ว โดยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวน และให้ราคาดีกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยมังคุดผิวกรากอยู่ที่กิโลกรัมละ 100-110 บาท ส่วนมังคุดผิวมัน อยู่ที่กิโลกรัมละ 120-130 บาท แต่ผลผลิตยังมีน้อย แต่ละสวนต้องเลือกเก็บมังคุดที่สุกแล้วได้สวนละ 10-20 กิโลกรัมต่อวัน

นายสมพงษ์กล่าวอีกว่า คาดว่า ราคามังคุดปีนี้จะไม่ตกต่ำเหมือนทุกปีที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุจาก ผลผลิตลดลง พื้นที่การปลูกลดลง จึงขอให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคมังคุดผิดกรากแทนมังคุดผิดมัน ที่มีราคาแพงกว่ามังคุดผิดกราก ถึงกิโลกรัมละ 20-30 บาท เนื่องจากมังคุดผิดกรากผิวไม่สวยเพราะมีรอยแมลงกัด แต่เนื้อในสวยและรสชาติดีเหมือนมังคุดผิวมัน ที่สำคัญ มังคุดผิวกรากไม่ใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช เป็นมังคุดอินทรีย์ จึงปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค และต้นทุนในการผลิตต่ำกว่ามังคุดผิวมัน
กำลังโหลดความคิดเห็น