xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าหากเนวินถูกตัดสินจำคุก!

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

ในเดือนกันยายน ศกนี้ นอกจากจะเกิดกรณี ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีใหญ่ 2 เรื่องแล้ว ยังมีกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดีใหญ่อีก 2 เรื่องด้วย

ทั้ง 4 เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ในทางการเมืองและในการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะอาจมีผลถึงการปรับคณะรัฐมนตรี และอาจมีผลต่อทิศทางการเมืองของประเทศในอนาคต

การที่เรื่องใหญ่ๆ มาประจวบเหมาะกันโดยมิได้นัดหมายในเดือนกันยายน ศกนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม หากเป็นเรื่องที่ควรมองให้เห็นถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ว่าจะเกิดผลอย่างไรต่อไปกับการเมืองและบ้านเมืองของเรา จะได้เตรียมตัว เตรียมใจรับมือกับความผันแปรเหล่านั้นได้ทันท่วงที

เรื่องใหญ่ 2 เรื่องที่ ป.ป.ช. น่าจะชี้มูลความผิดคือ

เรื่องแรก เป็นเรื่องคดีสังหารโหดประชาชนที่ชุมนุมเพื่อปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งมีทั้งนักการเมือง และเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา

ถ้ามีการชี้มูลความผิดก็จะทำให้นักการเมืองที่มีอำนาจในขณะนั้นแต่ในวันนี้ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองใดๆ แล้ว ต้องตกเป็นจำเลยในคดีอาญา แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั้น นอกจากจะต้องตกเป็นจำเลยในคดีอาญา และตกเป็นผู้มีความผิดทางวินัยแล้ว อาจจะต้องถูกพักราชการหรือถูกสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ และย่อมมีผลต่อการดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งๆ ที่มีเวลาเหลืออยู่เพียงไม่กี่วันก่อนที่จะเกษียณอายุ

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ยังไม่ถึงวาระเกษียณก็อาจถูกสั่งพักราชการในฐานที่ตกเป็นจำเลยคดีอาญาข้อหาร้ายแรง และย่อมส่งผลต่อตำแหน่งที่ว่างลง ซึ่งจะต้องมีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจอื่นเข้าดำรงตำแหน่งแทน

เรื่องที่สอง น่าจะมีการชี้มูลความผิดเรื่องการให้ความเห็นชอบในการลงนามในสนธิสัญญาเกี่ยวกับอธิปไตยของประเทศกับเขมร ซึ่งมีนักการเมืองที่ยังมีอำนาจอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน และบางคนก็ยังเป็นข้าราชการการเมืองอยู่ในฟากฝ่ายค้าน

หากมีการชี้มูลความผิด คนเหล่านี้ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และจะถูกดำเนินคดีอาญาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป

ในกรณีนี้หากเกิดขึ้นก็จะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีที่เรียกว่าเป็นการปรับเล็ก แต่ก็อาจส่งผลกระทบกลายเป็นการปรับใหญ่ก็ได้ และจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับนายกรัฐมนตรีในการเลือกสรรคนดีมีฝีมือเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แทนที่รัฐมนตรีขี้เท่อเหล่านั้น

ดังนั้นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศไว้ว่าจะไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าประกาศไปทำไม เพราะถ้าหากรัฐมนตรีขี้โกงหรือไม่มีน้ำยาในการบริหารบ้านเมืองแล้ว จะให้นั่งค้ำเก้าอี้เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินอยู่ทำไม? ก็อาจต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่เป็นต้องปรับคณะรัฐมนตรีตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ส่วนเรื่องใหญ่อีก 2 เรื่องที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษาในเดือนนี้คือ

คดีแรก
เป็นคดีทุจริตในการจัดหาต้นพันธุ์ยางพาราในโครงการช่วยเหลือเกษตรกร และขยายพื้นที่ปลูกยางพารา มีมูลค่าโครงการร่วม 1,500 ล้านบาท ซึ่งเรียกขานกันว่าคดีกล้ายาง คดีนี้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 21 กันยายน ศกนี้

เป็นคดีที่มีนักการเมืองซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นจำเลย และนักการเมืองคนสำคัญที่มีบทบาทต่อรัฐบาลปัจจุบันก็คือนายเนวิน ชิดชอบ

เพราะในวันนี้ถึงแม้นายเนวิน ชิดชอบ ไม่ได้เป็นผู้แทนราษฎร ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี และไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรคการเมือง แต่ในความเป็นจริงนั้นนายเนวิน ชิดชอบ เป็นทุกตำแหน่งหน้าที่และยิ่งใหญ่กว่าทุกตำแหน่งหน้าที่

มีบทบาทถึงขนาดชี้เป็นตายของรัฐบาลผสมชุดนี้ มีบทบาทในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทุกหน่วย และมีบทบาทในการผลักดันโครงการขนาดใหญ่มูลค่านับล้านล้านบาท กระทั่งมีบทบาทในการสยบและกวาดล้างไพร่พลเสื้อแดงเพื่อวางรากฐานไปสู่อำนาจทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต

แต่ในวันนี้ผู้มีบทบาทใหญ่โตผู้นี้ได้ตกอยู่ในอุ้งหัตถ์แห่งความยุติธรรม ซึ่งขณะเดียวกันอำนาจแห่งความยุติธรรมก็กำลังเผชิญหน้าอย่างแหลมคมกับพลังอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาเช่นเดียวกันด้วย

คดีที่สอง คือคดีที่มีการกล่าวหาว่าอดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีร่วมคณะในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบอนุมัติให้มีการดำเนินโครงการหวยบนดิน แล้วนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในกิจการต่างๆ โดยมิได้นำส่งคลังตามระเบียบ

คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 30 กันยายน ศกนี้ และได้มีคำสั่งห้ามจำเลยทุกคนไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ เพราะเกรงว่าจะหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา

แต่ก็มีจำเลยบางคนได้ขออนุญาตต่อศาลเดินทางไปต่างประเทศก่อนวันพิพากษาคดีและได้รับอนุญาตจากศาลโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเดินทางกลับประเทศไทยตามวันเวลาที่กำหนดก่อนวันพิพากษา

แม้ว่าคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศดังกล่าวอาจจะเกี่ยวเนื่องกับการที่จำเลยบางคนในคดีกล้ายางหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาจนศาลต้องออกหมายจับ และเลื่อนการฟังคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 21 กันยายน ศกนี้ก็ตาม แต่คำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศนั้นก็ได้ก่อให้เกิดความระทึกใจแก่บรรดาผู้ที่เป็นจำเลยในคดีนี้

ในคดีนี้มีนักการเมืองที่ยังมีอำนาจหน้าที่อยู่ในรัฐบาลปัจจุบันส่วนหนึ่ง และยังมีนักการเมืองที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ในฟากฝ่ายค้านส่วนหนึ่ง รวมทั้งยังมีนักการเมืองที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ อีกส่วนหนึ่งด้วย

และนักการเมืองคนสำคัญคนเดียวกันกับคดีกล้ายางที่เป็นจำเลยในคดีนี้ก็คือนายเนวิน ชิดชอบ ผู้มากบทบาทนั่นเอง

ในคดีอาญาทั้ง 2 เรื่องนี้ หากบรรดาจำเลยพ้นจากข้อหาว่ากระทำความผิด ก็นับเป็นโชควาสนาของบรรดาจำเลยเหล่านั้นที่จะได้พ้นมลทินจากข้อกล่าวหา แต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาย่อมหนีไม่พ้นที่จะกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม ที่อาจตกอยู่ในความกังขาข้องใจของประชาชน แต่เชื่อว่า “คนทั้งหลายย่อมหวังในความยุติธรรมของศาลเป็นที่ตั้ง” และศาลย่อมประสาธน์ความยุติธรรมให้แก่ประชาชนบนพื้นฐานข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยเสมอภาคและเป็นธรรม

ดังนั้นหากบรรดาจำเลยพ้นจากความผิด เสียงไชโยโห่ร้องก็จะก้องกระหึ่มขึ้นในฟากการเมือง แต่เสียงบ่นพึมพำด้วยความกังขาสงสัยก็จะก้องกระหึ่มขึ้นในฟากประชาชน ที่อาจไม่เข้าใจและไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับพยานหลักฐานแห่งคดี

ในทางตรงกันข้าม หากจำเลยเหล่านั้นต้องคำพิพากษาให้จำคุกเพราะได้กระทำความผิดตามที่มีการกล่าวหา ก็จะเกิดผลในประการดังต่อไปนี้

ประการแรก บรรดาจำเลยที่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งข้าราชการประจำหรือพนักงานของรัฐก็จะพ้นจากตำแหน่งเพราะถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาลในทันที

ในกรณีนี้ก็จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีแทนที่รัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งนั้น ซึ่งจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมขึ้นในรัฐบาล แต่ก็จะเป็นโอกาสอันดีให้กับนายกรัฐมนตรีในการปรับปรุงคณะรัฐมนตรีให้มีศรีสง่าและเป็นหน้าเป็นตาทำงานให้กับบ้านเมืองได้ดีกว่าแต่ก่อน

ประการที่สอง บรรดานักการเมืองที่ปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ก็จะถูกจำคุกไปตามคำพิพากษาของศาลในทันทีเช่นเดียวกัน

ประการที่สาม นักการเมืองคนสำคัญคือนายเนวิน ชิดชอบ ก็จะถูกจำคุกตามคำพิพากษานั้น ซึ่งในประการนี้จะก่อผลกระทบมากกว่ากรณีของจำเลยอื่นๆ

เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อหลายด้าน และอาจส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองด้วย

ข้อแรก ในทันทีที่ถูกจำคุก ก็สามารถคาดหมายได้ว่าพลพรรคภูมิใจไทยและเครือข่ายจะเคลื่อนไหวผลักดันให้ยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมขึ้นพิจารณา และจะมีการผสมโรงด้วยร่างกฎหมายปรองดองที่ยกโทษทัณฑ์ทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตลอดจนบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในครั้งนั้นด้วย

ตรงนี้ก็อาจจะเกิดแรงต้านอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกสภาและจะกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ตลอดจนรัฐบาลผสมชุดนี้ด้วย

ข้อสอง ผลกระทบต่ออนาคตทางการเมืองของนายเนวิน ชิดชอบ และพรรคภูมิใจไทย ว่าจะเดินไปทางไหนและเป็นอย่างไร ในเมื่อผู้มีบทบาทสูงสุดจะต้องกลายเป็นนักโทษตามคำพิพากษา

ความผันแปรจากสี่กรณีนี้จึงส่งผลกระทบแลกำหนดสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงปลายเดือนกันยายน ศกนี้อย่างไม่ต้องสงสัยใดๆ เลย.
กำลังโหลดความคิดเห็น