xs
xsm
sm
md
lg

ดัน กม.นิรโทษ เล่ห์กล “อำนาจใหม่” ช่วย “พัชรวาท” พ้นผิด!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
“ผ่าประเด็นร้อน”


นึกไม่ถึงว่า จู่ๆ พรรคภูมิใจไทยหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญ ก็ได้ใช้จังหวะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้แก่บุคคลที่กระทำผิดในเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ปีที่แล้วมาจนถึงปัจจุบัน

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่ยื่นต่อ ประธานรัฐสภา ชัย ชิดชอบ เมื่อวานนี้(19 สิงหาคม) ต้องการนิรโทษกรรมละเว้นความผิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในช่วงวันที่ 26 พฤษภาคมจนถึง 3 ธันวาคม 2551 และระหว่างวันที่ 26 มีนาคมจนถึงวันที่ 14 เมษายน 2552 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปจนถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงของ ทักษิณ ชินวัตร

สำหรับกรณีของพันธมิตรฯ หากให้ลงลึกลงไปอีกก็จะแยกย่อยแต่ละเหตุการณ์ และถูกดำเนินคดีตั้งแต่การชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล และการชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ

ขณะที่ฝ่ายอำนาจรัฐในยุคนั้น มีผู้ถูกดำเนินคดีในกรณีเหตุการณ์ “7 ตุลาคม” ที่มีการสั่งสลายการชุมนุมอย่างป่าเถื่อน ซึ่งมีผู้ที่เข้าข่ายทำความผิด ตั้งแต่อดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และฝ่ายตำรวจตั้งแต่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายตำรวจที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้องอีกหลายนาย

นอกจากนี้ ยังอาจต่อเนื่องไปถึงความผิดกรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช รับรองแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา รับรองการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ที่ศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ความผิดออกมาแล้ว และขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาชี้มูลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ส่วนคดีของกลุ่มคนเสื้อแดง ก็เป็นกรณีการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ต่อเนื่องมาในช่วงการ “ก่อจลาจล” ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน “ก่อจลาจล” ในวันสงกรานต์ ที่ผ่านมา

หากพิจารณาผิวเผินก็น่าจะได้รับเสียงชื่นชมว่า นี่คือเจตนาสร้างความสมานฉันท์ในบ้านเมือง ให้ทุกฝ่ายมาเริ่มต้นกันใหม่ ที่แล้วมาก็ขอให้เลิกแล้วต่อกัน มาร่วมกันสร้างอนาคตใหม่ร่วมกัน

น่าจะ สาธุ สาธุ วันละสามครั้ง!!

แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด ถึงที่มาที่ไปทั้งตัวบุคคลที่สนับสนุนพรรคภูมิใจไทยอยู่ข้างหลัง ไปจนถึงประธานรัฐสภาและต่อเนื่องไปจนถึงผู้ที่กระทำความผิดและอยู่ในข่ายละเว้นโทษ หากกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ล้วนต่อท่อเชื่อมโยงอำนาจจนแยกไม่ออก และได้ประโยชน์เฉพาะตัวเต็มๆ ซึ่งจะต้องแยกแยะให้เห็นภาพดังต่อไปนี้

เริ่มตั้งแต่ระดับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่เคลื่อนไหวอยู่หลังฉาก เช่น กลุ่มเนวิน ชิดชอบ ซึ่งในวงการรับรู้กันดีว่าสนับสนุนพึ่งพาอาศัยกันในทางการเมืองกับกลุ่ม “อำนาจใหม่” ทั้งในกองทัพและวงการสีกากี และถือดุลในรัฐบาลขณะนี้

ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ถ้าหากพิจารณาในรายละเอียดต่อไปอีก เน้นตัวบุคคลก็ต้องพุ่งเป้าไปที่สองพี่น้องตระกูล “วงษ์สุวรรณ” คือ พล.อ.ประวิตร และ พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งคนหลังกำลังอยู่ในขั้นโคม่า เมื่อถูก ป.ป.ช.เพิ่มข้อหาความผิดวินัยร้ายแรงและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในเหตุการณ์ “ป่าเถื่อน” วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก บางคนขาขาด แขนขาด ตาหลุด กะโหลกยุบ หลายคนไม่รู้สึกตัว หลายคนทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจมาจนถึงบัดนี้

อย่างไรก็ดี ล่าสุด พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ยอมไปชี้แจงข้อกล่าวหาแล้วเมื่อวานนี้ (19 สิงหาคม) หลังจากเลยกำหนดนัดมาตั้งแต่ต้นเดือน และคาดว่ามีกำหนดชี้มูลในต้นเดือนกันยายน หลังจากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะกรรมการของวุฒิสภาได้สรุปตรงกันว่า มีความผิดมาแล้ว

แม้ว่าจะต้องรอการชี้มูลของ ป.ป.ช.เสียก่อน แต่หากผลออกมาว่าผิดวินัยร้ายแรงและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 นั่นก็หมายความว่า พล.ต.อ.พัชรวาทมีโอกาส เดินเข้าคุกสูง อีกทั้งจะต้องเสียประวัติราชการจากโทษไล่ออกหรือให้ออก อาจไม่ได้รับบำนาญหลังจากเกษียณอายุราชการ

ทุกอย่างกำลังรอลุ้นด้วยใจระทึก!!

นอกจากนี้ หากกฎหมายนิรโทษกรรมมีผลไปถึงความผิด กรณีมติคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช รับรองแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่กระทำความผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ก็มีบุคคลสำคัญในพรรคภูมิใจไทยบางคนได้รับอานิสงส์อย่างน้อยก็มี ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนั้นร่วมคณะรัฐบาลด้วย

เมื่อพิจารณาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ก็จะเห็นภาพอย่างชัดเจนว่า การผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมออกมาในช่วงนี้ ก็แค่มีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือคนของตัวเอง หรือทำตามคำขอของ “ขาใหญ่” จากกลุ่มอำนาจใหม่เท่านั้น

หากมองให้ชัดลงไปอีกก็ทำให้ตั้งข้อสังเกตได้ว่าผลักดันเพื่อช่วยเหลือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เท่านั้น หากมีการชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช.จากการออกคำสั่งในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม ส่วนข้าราชการตำรวจหรือนักการเมืองคนอื่นหากได้รับประโยชน์ไปด้วยถือว่าเป็นของแถม สร้างความซาบซึ้งมีบุญคุณต่อกันเสียอีก


ในทางกลับกัน หากมองอีกมุมหนึ่ง การเสนอกฎหมายดังกล่าวนอกจากจะเพิ่มความขัดแย้งในสังคม ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่ผิด เพราะเมื่อมีการดำเนินคดีก็จะต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ตามกระบวนการยุติธรรมถูกหรือผิดก็ว่ากันไป ไม่ควรมีข้อยกเว้น หรือนิรโทษกรรมให้ภายหลัง

ที่สำคัญคนที่เสียชีวิต บาดเจ็บ ร่างกายต้องพิการคนในครอบครัวและตัวเองจะรู้สึกอย่างไร หากคนที่จงใจกระทำผิดแล้วไม่ได้รับโทษตามกฎหมาย

สำหรับแกนนำพันธมิตรฯ และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ได้ยืนยันท่าทีมาหลายครั้งแล้วว่า ยินดีต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างโปร่งใสจนถึงที่สุด แม้จะมีคดีในชั้นศาลรวมกันแล้วนับร้อยๆคดีก็จะไม่หวั่นไหว

ดังนั้น ความเคลื่อนไหวแบบ “รีบร้อน” ของพรรคภูมิใจไทยครั้งนี้ จึงช่วยไม่ได้ที่จะต้องถูกมองว่าเป็นการทำตาม “ใบสั่ง” แกมขอร้องของกลุ่มอำนาจสีเขียวที่แฝงกายอยู่ข้างหลัง เพื่อหวังผลประโยชน์เฉพาะหน้า เฉพาะบุคคลให้พ้นความผิดเท่านั้น!!
กำลังโหลดความคิดเห็น