ASTVผู้จัดการรายวัน-อนุ ก.ตร.สอบซื้อขายตำแหน่งคาดสรุปผลสอบ 4 ก.ย.นี้ ชี้เบื้องต้นยังไม่พบทำผิดชัดเจน แต่พบมีความผิดปกติการแต่งตั้งคนไม่เหมาะกับงานดูแลทำเลทอง แถมมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ด้าน"วัชรพล" เผยตำรวจไม่ตื่นเต้นกับการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่
วานนี้(1 ก.ย.)พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะโฆษกคณะอนุ ก.ตร.คณะพิเศษตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งการแต่งตั้งนายตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 4 ก.ย.นี้ คณะอนุ ก.ตร.ชุดดังกล่าวจะประชุมสรุปผลการสอบสวนเบื้องต้นในการตรวจสอบข้อมูลซื้อขายตำแหน่ง เพื่อจะได้ทันการแต่งตั้งโยกย้ายตามโครงสร้างใหม่ ตร.ประจำปี 2551 ซึ่งจะต้องให้แล้วเสร็จก่อนเดือนพฤศจิกายน เพื่อเสนอต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.
สำหรับเบื้องต้นจากที่ได้สอบปากคำผู้ที่ถูกพาดพิงเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์ตั้งโต๊ะซื้อขายเก้าอี้ และจากการสอบปากคำพยานแวดล้อม รวมถึงผู้ที่ร้องเรียนและหลักฐานข้อมูลที่คณะอนุ ก.ตร.ได้รับมาตรวจสอบ พบว่ายังไม่ระบุชัดมีการซื้อขายตำแหน่ง แต่พบว่ามีความผิดปกติหรือความไม่ชอบมาพากล เกิดขึ้นเกี่ยวกับการขึ้นสู่ตำแหน่งนายตำรวจ เช่น ผู้กำกับ(ผกก.)ในพื้นที่เกรดเอ เข้ามาทำงานไม่ถึงปีก็ถูกย้ายให้ไปอยู่พื้นที่เกรดซี ซึ่งบุคคลที่มาดูแลแทนคนเดิมก็ไม่ปรากฎมีผลงานเด่นชัด อีกทั้งยังมีหลักเกณฑ์คุณสมบัติไม่ครบ แต่ได้มานั่งกินตำแหน่งในพื้นที่ทำเลทอง ซึ่งกรณีเช่นนี้มีเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ โดยมองได้ถึงกระแสเด็กฝาก เด็กเส้น ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวจะนำมาเป็นข้อสรุปพิจารณาประกอบให้เป็นบรรทัดฐานที่เป็นธรรมในการแต่งตั้งนายตำรวจประจำปี 2552 ต่อไป
ส่วนการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่จะมีส่วนหรือส่งผลกระทบต่อรายชื่อแต่งตั้งนายตำรวจประจำปีหรือไม่นั้น พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ปกติการแต่งตั้ง ปีนี้ไม่เกิดปัญหา หาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ไม่ถึงวาระเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายนนี้ ซึ่งการใช้อำนาจแต่งตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท มีอำนาจจริงโดยตรง แต่ก็น่าจะให้ ผบ.ตร.คนใหม่ที่จะมานั่งแทน ได้วางคนถูกต้องกับการทำงาน และสามารถขานรับเดินหน้ากับการทำงานในองค์กรได้
สำหรับกรณีที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ได้มีมติเห็นชอบการพิจารณาตำรวจระดับรอง ผบก.ลงไป จำนวน 688 นาย ที่ได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้ง ซึ่้ง พล.ต.อ.พัชรวาท ยืนยันว่าไม่มีเด็กเส้น เป็นการปรับเกลี่ยลงในตำแหน่งระนาบเดียวกัน และได้ชี้แจงให้ที่ประชุม ก.ตร.เข้าใจในทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับวุฒิการศึกษา การปรับเปลี่ยนตำแหน่ง การกำหนดหลักเกณฑ์โครงสร้างใหม่ ซึ่งต้องทำงานในตำแหน่งเดิมนั้น พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ทั้ง 688 ตำแหน่งที่เข้าสู่หลักเกณฑ์ ส่วนใหญ่จะเป็นตำรวจชั้นประทวน ซึ่งจากที่ทราบไม่ค่อยมีระดับชั้นสัญญาบัตรเข้าเกณฑ์ดังกล่าว
**เด็กป๊อดโวตั้ง ผบ.ตร.ตำรวจไม่ตื่นเต้น**
ที่ศูนย์การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ในการเสวนาเรื่องกระบวนทัศน์ในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมกับความคาดหวังของประชาชน พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 สร้างบาดแผลลึกให้กับวงการตำรวจ มีการเรียกร้องออก พ.ร.บ.ควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถใช้อาวุธและมาตรการใดควบคุมฝูงชน เรื่องการควบคุมการชุมนุมไม่ต่างจากไฟไหม้ฟาง การเมืองกับตำรวจเป็นของคู่กัน ตำรวจจะแยกเป็นอิสระเหมือนศาลและอัยการไม่ได้ เพราะวัตถุประสงค์ของการเป็นนักการเมือง ตำรวจ และกระบวนการยุติธรรม ไม่แตกต่างกัน นักการเมืองอาสาเข้ามาพัฒนาสังคมโดยใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ แต่เชื่อว่านักการเมืองคงไม่ได้หวังเข้ามาเพื่อแต่งตั้งตำรวจ
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวอีกว่า ในวันที่ 7 กันยายนนี้ ตำรวจจะทำงานภายใต้โครงสร้างใหม่ที่กระจายอำนาจไปยังกองบัญชาการ 30 แห่ง โดยผู้บัญชาการในแต่ละภูมิภาคจะมีอำนาจเต็มที่ในการทำงานคล้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่สิ่งที่เขาไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของตำรวจคือการแต่งตั้งไม่เป็นธรรม โดยโครงสร้างใหม่ จะทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายมีความโปร่งใสเป็นธรรมตั้งแต่ระดับโรงพัก หลังจากนี้อาวุโสกับความสามารถต้องมาคู่กัน เพื่อให้สังคมยอมรับได้ หลังการกระจายอำนาจในโครงสร้างใหม่ ผบ.ตร.จะมีหน้าที่เพียงประสานงานในกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ดังนั้น ข่าวการแต่งตั้ง ผบ.ตร.อยู่ในความสนใจของสื่อเท่านั้น แต่สำหรับตำรวจเป็นเพียงการแต่งตั้งผู้บังคับบัญชา ซึ่งยศก็เท่ากับรอง ผบ.ตร. เงินเดือนต่างกัน 2,000 บาท ยืนยันว่า กระบวนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.จากคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เป็นกระบวนการที่โปร่งใส จึงยังไม่มีข้อยุติเรื่อง ผบ.ตร. การมีผู้นำต้องเข้มแข็งและต่อเนื่อง เพราะการเปลี่ยนแปลงอะไรต้องใช้เวลา
วานนี้(1 ก.ย.)พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะโฆษกคณะอนุ ก.ตร.คณะพิเศษตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งการแต่งตั้งนายตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 4 ก.ย.นี้ คณะอนุ ก.ตร.ชุดดังกล่าวจะประชุมสรุปผลการสอบสวนเบื้องต้นในการตรวจสอบข้อมูลซื้อขายตำแหน่ง เพื่อจะได้ทันการแต่งตั้งโยกย้ายตามโครงสร้างใหม่ ตร.ประจำปี 2551 ซึ่งจะต้องให้แล้วเสร็จก่อนเดือนพฤศจิกายน เพื่อเสนอต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.
สำหรับเบื้องต้นจากที่ได้สอบปากคำผู้ที่ถูกพาดพิงเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์ตั้งโต๊ะซื้อขายเก้าอี้ และจากการสอบปากคำพยานแวดล้อม รวมถึงผู้ที่ร้องเรียนและหลักฐานข้อมูลที่คณะอนุ ก.ตร.ได้รับมาตรวจสอบ พบว่ายังไม่ระบุชัดมีการซื้อขายตำแหน่ง แต่พบว่ามีความผิดปกติหรือความไม่ชอบมาพากล เกิดขึ้นเกี่ยวกับการขึ้นสู่ตำแหน่งนายตำรวจ เช่น ผู้กำกับ(ผกก.)ในพื้นที่เกรดเอ เข้ามาทำงานไม่ถึงปีก็ถูกย้ายให้ไปอยู่พื้นที่เกรดซี ซึ่งบุคคลที่มาดูแลแทนคนเดิมก็ไม่ปรากฎมีผลงานเด่นชัด อีกทั้งยังมีหลักเกณฑ์คุณสมบัติไม่ครบ แต่ได้มานั่งกินตำแหน่งในพื้นที่ทำเลทอง ซึ่งกรณีเช่นนี้มีเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ โดยมองได้ถึงกระแสเด็กฝาก เด็กเส้น ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวจะนำมาเป็นข้อสรุปพิจารณาประกอบให้เป็นบรรทัดฐานที่เป็นธรรมในการแต่งตั้งนายตำรวจประจำปี 2552 ต่อไป
ส่วนการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่จะมีส่วนหรือส่งผลกระทบต่อรายชื่อแต่งตั้งนายตำรวจประจำปีหรือไม่นั้น พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ปกติการแต่งตั้ง ปีนี้ไม่เกิดปัญหา หาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ไม่ถึงวาระเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายนนี้ ซึ่งการใช้อำนาจแต่งตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท มีอำนาจจริงโดยตรง แต่ก็น่าจะให้ ผบ.ตร.คนใหม่ที่จะมานั่งแทน ได้วางคนถูกต้องกับการทำงาน และสามารถขานรับเดินหน้ากับการทำงานในองค์กรได้
สำหรับกรณีที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ได้มีมติเห็นชอบการพิจารณาตำรวจระดับรอง ผบก.ลงไป จำนวน 688 นาย ที่ได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้ง ซึ่้ง พล.ต.อ.พัชรวาท ยืนยันว่าไม่มีเด็กเส้น เป็นการปรับเกลี่ยลงในตำแหน่งระนาบเดียวกัน และได้ชี้แจงให้ที่ประชุม ก.ตร.เข้าใจในทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับวุฒิการศึกษา การปรับเปลี่ยนตำแหน่ง การกำหนดหลักเกณฑ์โครงสร้างใหม่ ซึ่งต้องทำงานในตำแหน่งเดิมนั้น พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ทั้ง 688 ตำแหน่งที่เข้าสู่หลักเกณฑ์ ส่วนใหญ่จะเป็นตำรวจชั้นประทวน ซึ่งจากที่ทราบไม่ค่อยมีระดับชั้นสัญญาบัตรเข้าเกณฑ์ดังกล่าว
**เด็กป๊อดโวตั้ง ผบ.ตร.ตำรวจไม่ตื่นเต้น**
ที่ศูนย์การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ในการเสวนาเรื่องกระบวนทัศน์ในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมกับความคาดหวังของประชาชน พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 สร้างบาดแผลลึกให้กับวงการตำรวจ มีการเรียกร้องออก พ.ร.บ.ควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถใช้อาวุธและมาตรการใดควบคุมฝูงชน เรื่องการควบคุมการชุมนุมไม่ต่างจากไฟไหม้ฟาง การเมืองกับตำรวจเป็นของคู่กัน ตำรวจจะแยกเป็นอิสระเหมือนศาลและอัยการไม่ได้ เพราะวัตถุประสงค์ของการเป็นนักการเมือง ตำรวจ และกระบวนการยุติธรรม ไม่แตกต่างกัน นักการเมืองอาสาเข้ามาพัฒนาสังคมโดยใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ แต่เชื่อว่านักการเมืองคงไม่ได้หวังเข้ามาเพื่อแต่งตั้งตำรวจ
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวอีกว่า ในวันที่ 7 กันยายนนี้ ตำรวจจะทำงานภายใต้โครงสร้างใหม่ที่กระจายอำนาจไปยังกองบัญชาการ 30 แห่ง โดยผู้บัญชาการในแต่ละภูมิภาคจะมีอำนาจเต็มที่ในการทำงานคล้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่สิ่งที่เขาไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของตำรวจคือการแต่งตั้งไม่เป็นธรรม โดยโครงสร้างใหม่ จะทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายมีความโปร่งใสเป็นธรรมตั้งแต่ระดับโรงพัก หลังจากนี้อาวุโสกับความสามารถต้องมาคู่กัน เพื่อให้สังคมยอมรับได้ หลังการกระจายอำนาจในโครงสร้างใหม่ ผบ.ตร.จะมีหน้าที่เพียงประสานงานในกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ดังนั้น ข่าวการแต่งตั้ง ผบ.ตร.อยู่ในความสนใจของสื่อเท่านั้น แต่สำหรับตำรวจเป็นเพียงการแต่งตั้งผู้บังคับบัญชา ซึ่งยศก็เท่ากับรอง ผบ.ตร. เงินเดือนต่างกัน 2,000 บาท ยืนยันว่า กระบวนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.จากคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เป็นกระบวนการที่โปร่งใส จึงยังไม่มีข้อยุติเรื่อง ผบ.ตร. การมีผู้นำต้องเข้มแข็งและต่อเนื่อง เพราะการเปลี่ยนแปลงอะไรต้องใช้เวลา