ประธานอนุ ก.ตร.ยอมรับผลการสอบสวนมีการซื้อขายตำแหน่งแต่งตั้งโยกย้ายจริง แต่ในที่ประชุมตกลงไม่ให้ออกมาระบุว่าเป็นใคร ชี้ให้คิดดูตามตรรกะ ขณะที่อดีต ผกก.แก่งกระจาน ลุยแฉมีการซื้อขายใน บช.ภ.7 จริง ย้ำไม่กลัว เพราะเป็นการปกป้องสถาบันของชาติ
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะอนุ ก.ตร.ตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุฯ ว่า วันนี้มีข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง 10 นายมาให้ข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่ยอมรับว่าเคยได้ยิน รับรู้ว่ามีการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งแต่ก็ไม่มีใครมีหลักฐานมายืนยัน แต่รับรู้กัน ซึ่งพบในการแต่งตั้งในปี 2551 ที่ผ่านไปแล้ว รวมถึงการแต่งตั้งในปี 2552 ที่แม้จะยังไม่มีการแต่งตั้งเกิดขึ้น แต่ช่วงก่อนแต่งตั้งก็ยอมรับกันว่ามีเรื่องนี้ ได้รับทราบกัน
พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจสอบข้อมูลของคณะอนุฯ เพียงพอแล้ว จะสรุปได้แน่นอนในวันที่ 4 กันยายน และรายงานผลการสืบสวนให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธาน ก.ตร.ได้ในวันที่ 7 กันยายน แต่ผลเป็นอย่างไรเปิดเผยไม่ได้ เพราะตกลงในที่ประชุมคณะอนุ ก.ตร.ว่าจะเป็นเรื่องลับ ซึ่งผลจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในการแต่งตั้ง
ส่วนผลสรุปจะระบุตัวบุคคลที่มีความผิดซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า เรื่องนี้ตกลงกันว่าไม่เปิดเผย ถ้าเปิดเผยก็ต้องบอกว่ามีใครผิดบ้าง ให้ไปคิดดูตามตรรกะ แต่ตนเปิดเผยไม่ได้ ผลออกมาเป็นแนวทางนี้
ด้าน พ.ต.อ.มโนรถ สิทธานนท์ ผกก.ฝอ. วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ รพ.ตร. ซึ่งมาให้ข้อมูลต่อคณะอนุฯ กล่าวว่า ตนมาให้ข้อมูลกับคณะอนุฯ เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งโยกย้าย โดยคำสั่งแต่งตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมาตนโดนย้ายจาก ผกก.สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มาเป็น ผกก.ที่วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ โดยย้ายแบบยกเว้นหลักเกณฑ์ด้วย เพราะอยู่ในตำแหน่งเดิมเพียง 1 ปี 15 วัน เท่านั้น ไม่ถึง 2 ปีตามกฎ ก.ตร. ทั้งที่ตนไม่เคยรู้งานโรงพยาบาลตำรวจ ทำงานสืบสวนสอบสวนปราบปรามมาโดยตลอด สมัยเป็น ผกก.สภ.แก่งกระจาน ก็จับกุมคดีสำคัญ ได้รับเกียรติบัตรชมเชยจาก พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 ในขณะนั้น กระทั่งมาในยุค พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ เป็น ผบช.ภ.7 ก็ถูกย้ายมาโรงพยาบาลตำรวจ สลับกับ พ.ต.อ.สมพร ธรรมอนันต์ ที่มาจากโรงพยาบาลตำรวจ ตรงนี้ตนจึงมองว่าถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งน่าจะมีอะไรที่ผิดปกติ โดยตนร้องต่อ ก.ตร.ไปแล้วตั้งแต่มีคำสั่งย้ายใหม่ๆ
พ.ต.อ.มโนรถ กล่าวว่า ยอมรับว่าได้ยินเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในพื้นที่ บช.ภ.7 ซึ่งมีการคัตเอาท์ ผ่านนายหน้าไม่ถึงตัวต้นตอคนทำผิด คนที่ได้รับเงินจริงๆ ก็เหมือนกับโจรจะทำผิด ตัดตอนหลายขั้นมาก แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเรื่องการซื้อขายตำแหน่งนี้มีการพูดกันไป ได้ยินมา ตนเป็นประจักษ์พยานที่ได้ยินได้รับรู้มา แต่ไม่มีใครเห็นคนรับคนจ่ายไม่มีใครมาให้ข้อมูลหรอก ตราบใดที่คนที่เราต้องให้การพาดพิงยังเป็นผู้บังคับบัญชา เรื่องนี้ก็เหมือน มีคนฆ่ากัน เราเห็นคนวิ่งถือมีดไล่กัน เห็นมีดเปื้อนเลือด แต่ไม่เห็นตอนแทง เราไม่เห็นตอนฆ่า แต่เราเป็นพยานแวดล้อมได้ แต่เอาเข้าจริงไม่อยากมีใครเป็นพยานเรื่องแบบนี้
พ.ต.อ.มโนรถ กล่าวอีกว่า ตนไม่กลัว กล้าออกมาพูดเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกรังแกจริงๆ อยู่ดีๆ มาย้ายตนโดยไม่มีความผิดอะไร ซ้ำยังมีผลงานดีอีกต่างหาก อีกทั้งผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เพชรบุรี ในสมัยนั้นก็ยังมีความเห็นว่าไม่ควรย้ายตนออกนอกหน่วย แต่ตนกลับโดนย้ายมันผิดสังเกตแน่นอน สื่อมวลชนต้องพิจารณาดู
พ.ต.อ.มโนรถ กล่าวอีกว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดชัดว่าการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการต้องใช้หลักคุณธรรม มีจริยธรรม เรื่องนี้ตนออกมาเพื่อปกป้ององค์กรตำรวจที่เป็นสถาบันชาติ ไม่อยากให้ใครบางคนมาหาประโยชน์แก่ตัวเองและพวกพ้อง มาใช้อำนาจตามอำเภอใจ ทุจริตหาประโยชน์
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะอนุ ก.ตร.ตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุฯ ว่า วันนี้มีข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง 10 นายมาให้ข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่ยอมรับว่าเคยได้ยิน รับรู้ว่ามีการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งแต่ก็ไม่มีใครมีหลักฐานมายืนยัน แต่รับรู้กัน ซึ่งพบในการแต่งตั้งในปี 2551 ที่ผ่านไปแล้ว รวมถึงการแต่งตั้งในปี 2552 ที่แม้จะยังไม่มีการแต่งตั้งเกิดขึ้น แต่ช่วงก่อนแต่งตั้งก็ยอมรับกันว่ามีเรื่องนี้ ได้รับทราบกัน
พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจสอบข้อมูลของคณะอนุฯ เพียงพอแล้ว จะสรุปได้แน่นอนในวันที่ 4 กันยายน และรายงานผลการสืบสวนให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธาน ก.ตร.ได้ในวันที่ 7 กันยายน แต่ผลเป็นอย่างไรเปิดเผยไม่ได้ เพราะตกลงในที่ประชุมคณะอนุ ก.ตร.ว่าจะเป็นเรื่องลับ ซึ่งผลจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในการแต่งตั้ง
ส่วนผลสรุปจะระบุตัวบุคคลที่มีความผิดซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า เรื่องนี้ตกลงกันว่าไม่เปิดเผย ถ้าเปิดเผยก็ต้องบอกว่ามีใครผิดบ้าง ให้ไปคิดดูตามตรรกะ แต่ตนเปิดเผยไม่ได้ ผลออกมาเป็นแนวทางนี้
ด้าน พ.ต.อ.มโนรถ สิทธานนท์ ผกก.ฝอ. วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ รพ.ตร. ซึ่งมาให้ข้อมูลต่อคณะอนุฯ กล่าวว่า ตนมาให้ข้อมูลกับคณะอนุฯ เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งโยกย้าย โดยคำสั่งแต่งตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมาตนโดนย้ายจาก ผกก.สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มาเป็น ผกก.ที่วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ โดยย้ายแบบยกเว้นหลักเกณฑ์ด้วย เพราะอยู่ในตำแหน่งเดิมเพียง 1 ปี 15 วัน เท่านั้น ไม่ถึง 2 ปีตามกฎ ก.ตร. ทั้งที่ตนไม่เคยรู้งานโรงพยาบาลตำรวจ ทำงานสืบสวนสอบสวนปราบปรามมาโดยตลอด สมัยเป็น ผกก.สภ.แก่งกระจาน ก็จับกุมคดีสำคัญ ได้รับเกียรติบัตรชมเชยจาก พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 ในขณะนั้น กระทั่งมาในยุค พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ เป็น ผบช.ภ.7 ก็ถูกย้ายมาโรงพยาบาลตำรวจ สลับกับ พ.ต.อ.สมพร ธรรมอนันต์ ที่มาจากโรงพยาบาลตำรวจ ตรงนี้ตนจึงมองว่าถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งน่าจะมีอะไรที่ผิดปกติ โดยตนร้องต่อ ก.ตร.ไปแล้วตั้งแต่มีคำสั่งย้ายใหม่ๆ
พ.ต.อ.มโนรถ กล่าวว่า ยอมรับว่าได้ยินเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในพื้นที่ บช.ภ.7 ซึ่งมีการคัตเอาท์ ผ่านนายหน้าไม่ถึงตัวต้นตอคนทำผิด คนที่ได้รับเงินจริงๆ ก็เหมือนกับโจรจะทำผิด ตัดตอนหลายขั้นมาก แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเรื่องการซื้อขายตำแหน่งนี้มีการพูดกันไป ได้ยินมา ตนเป็นประจักษ์พยานที่ได้ยินได้รับรู้มา แต่ไม่มีใครเห็นคนรับคนจ่ายไม่มีใครมาให้ข้อมูลหรอก ตราบใดที่คนที่เราต้องให้การพาดพิงยังเป็นผู้บังคับบัญชา เรื่องนี้ก็เหมือน มีคนฆ่ากัน เราเห็นคนวิ่งถือมีดไล่กัน เห็นมีดเปื้อนเลือด แต่ไม่เห็นตอนแทง เราไม่เห็นตอนฆ่า แต่เราเป็นพยานแวดล้อมได้ แต่เอาเข้าจริงไม่อยากมีใครเป็นพยานเรื่องแบบนี้
พ.ต.อ.มโนรถ กล่าวอีกว่า ตนไม่กลัว กล้าออกมาพูดเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกรังแกจริงๆ อยู่ดีๆ มาย้ายตนโดยไม่มีความผิดอะไร ซ้ำยังมีผลงานดีอีกต่างหาก อีกทั้งผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เพชรบุรี ในสมัยนั้นก็ยังมีความเห็นว่าไม่ควรย้ายตนออกนอกหน่วย แต่ตนกลับโดนย้ายมันผิดสังเกตแน่นอน สื่อมวลชนต้องพิจารณาดู
พ.ต.อ.มโนรถ กล่าวอีกว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดชัดว่าการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการต้องใช้หลักคุณธรรม มีจริยธรรม เรื่องนี้ตนออกมาเพื่อปกป้ององค์กรตำรวจที่เป็นสถาบันชาติ ไม่อยากให้ใครบางคนมาหาประโยชน์แก่ตัวเองและพวกพ้อง มาใช้อำนาจตามอำเภอใจ ทุจริตหาประโยชน์