“วัชรพล” เผยตำรวจไม่ตื่นเต้นกับการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ หลังใช้โครงสร้างใหม่ 7 ก.ย. ผบ.ตร.เหลือหน้าที่เพียงประสานงานในกระบวนการยุติธรรม ชี้ โครงสร้างใหม่ส่งผลดีจะทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายโปร่งใสเป็นธรรม
วันนี้ (1 ก.ย.) ที่ศูนย์การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ในการเสวนาเรื่องกระบวนทัศน์ในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมกับความคาดหวังของประชาชน โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 สร้างบาดแผลลึกให้กับวงการตำรวจ มีการเรียกร้องออก พ.ร.บ.ควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ว่า จะสามารถใช้อาวุธ และมาตรการใดควบคุมฝูงชน โดยในเรื่องการควบคุมการชุมนุมไม่ต่างจากไฟไหม้ฟาง
ดังนั้น การเมืองกับตำรวจเป็นของคู่กัน ซึ่งตำรวจจะแยกเป็นอิสระเหมือนศาล และอัยการไม่ได้ เพราะวัตถุประสงค์ของการเป็นนักการเมือง ตำรวจ และกระบวนการยุติธรรม ไม่แตกต่างกัน นักการเมืองอาสาเข้ามาพัฒนาสังคม โดยใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ แต่เชื่อว่านักการเมืองคงไม่ได้หวังเข้ามาเพื่อแต่งตั้งตำรวจ
นอกจากนี้ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ในวันที่ 7 ก.ย.นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำงานภายใต้โครงสร้างใหม่ ที่กระจายอำนาจไปยังกองบัญชาการ 30 แห่ง โดยผู้บัญชาการในแต่ละภูมิภาคจะมีอำนาจเต็มที่ในการทำงานคล้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของตำรวจ โดยเฉพาะการแต่งตั้งไม่เป็นธรรม ซึ่งโครงสร้างใหม่จะทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายมีความโปร่งใสเป็นธรรมตั้งแต่ระดับโรงพัก และหลังจากนี้ความอาวุโสกับความสามารถต้องมาคู่กัน เพื่อให้สังคมยอมรับได้
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวต่อไปว่า หลังการกระจายอำนาจในโครงสร้างใหม่ ผบ.ตร.จะมีหน้าที่เพียงประสานงานในกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ดังนั้น ข่าวการแต่งตั้ง ผบ.ตร.อยู่ในความสนใจของสื่อเท่านั้น แต่สำหรับตำรวจเป็นเพียงการแต่งตั้งผู้บังคับบัญชา ซึ่งยศก็เท่ากับรอง ผบ.ตร. เงินเดือนต่างกัน 2,000 บาท และยืนยันว่า กระบวนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.จากคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เป็นกระบวนการที่โปร่งใส จึงยังไม่มีข้อยุติเรื่อง ผบ.ตร. ซึ่งตนมองว่าการมีผู้นำต้องเข้มแข็งและต่อเนื่อง เพราะการเปลี่ยนแปลงอะไรต้องใช้เวลา