สิ่งที่คนไทยอาจไม่คาดคิดหรือคาดคิดไม่ถึงก็คือในสักวันหนึ่งนายเนวิน ชิดชอบ หรือที่ชาวเว็บบางกลุ่มเรียกขานว่า “สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเนวินกะยอดินนรธา” อาจจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยก็ได้
นายชัย ชิดชอบ ผู้พ่อเคยเปิดเผยความรู้สึกต่อสื่อมวลชนไว้ครั้งหนึ่งว่า นายเนวิน ชิดชอบ ผู้บุตรเป็นคนมีบุญญาธิการมาก ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
และเมื่อ 2-3 วันมานี้ตัวนายเนวิน ชิดชอบ เองซึ่งในระยะที่ผ่านมาพยายามไม่เปิดเผยตนเอง ประพฤติตนประหนึ่งเป็นผู้ถึงซึ่งวิถีแห่งเต๋าตามคติที่ว่า “ปลาใหญ่ย่อมอยู่ในน้ำลึก กระบี่คมต้องซ่อนในฝัก ผู้มีปัญญาต้องอยู่ในที่คนรบกวนไม่ถึง” กลับเปิดเผยท่าทีทางการเมืองอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมาถึงสองครั้งสองเรื่อง
เรื่องแรก เป็นการกล่าวในการเสวนาทางการเมือง ซึ่งนายเนวิน ชิดชอบ แสดงความคิดเห็นว่าต้องการให้เกิดความปรองดองและเห็นด้วยที่จะนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่าย ตลอดจนแก้ไขรัฐธรรมนูญตามบทมาตราที่มีการขอเสนอแก้ไขนั้น
ความหมายก็คือคืนสมบัติที่อายัดให้คุณทักษิณ ชินวัตร นิรโทษกรรมให้พ้นจากคดีทั้งหมด นิรโทษกรรมให้กับนักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และล้มเลิกข้อกล่าวหาของ คตส. ตลอดจนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้คนเหล่านั้นมีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง
และที่ไม่ได้พูดก็คือหากเกิดผลที่ว่านั้น ตัวนายเนวิน ชิดชอบ เองก็จะพ้นจากข้อกล่าวหาในเรื่องการทุจริตหรือการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบทุกกรณีที่มีการตรวจสอบไต่สวนและดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งพ้นจากการถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งด้วย
และนั่นหมายความว่านายเนวิน ชิดชอบ มีคุณสมบัติพร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จากการเปิดเผยความคิดเห็นในเรื่องนี้ จึงบ่งชี้ชัดเจนว่าเป้าหมายปลายทางของการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทางกฎหมาย ของทั้งพรรคภูมิใจไทยในปัจจุบันนี้ รวมทั้งการเคลื่อนไหวในส่วนของนายเนวิน ชิดชอบ และเครือข่ายเอง ล้วนมุ่งตรงไปยังเป้าหมายเพื่อถึงซึ่งความบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใยและมีความพร้อมที่จะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ทันทีที่โอกาสอำนวย
เรื่องที่สอง เป็นการกล่าวคำปราศรัยกับสมาชิกและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดบุรีรัมย์จำนวนมาก และเป็นการพูดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาอีกเช่นเดียวกัน ไม่มีลักษณะอ้อมค้อมเกรงใจหรือซ่อนเล่ห์ซ่อนนัยเหมือนกับนักการเมืองในรัฐบาลบางกลุ่ม
นายเนวิน ชิดชอบ ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ชอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์ แต่จำใจต้องร่วมงานกันเพราะพันธะเงื่อนไขบางประการ
พร้อมกับป่าวประกาศอย่างองอาจว่าจะต้องมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนบุรีรัมย์
แล้วใครเล่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนบุรีรัมย์? นายชัย ชิดชอบ ผู้เฒ่าวัย 80 ปี แถมยังมีอาการหูตึงกระนั้นหรือ? หรือว่าจะเป็นอดีตครูประชาบาลอย่างนายโสภณ ซารัมย์? ย่อมไม่ใช่คนเหล่านี้แน่ เพราะแม้จะเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุด แต่ไม่เป็นวิสัยและไม่เป็นฐานะที่คนเหล่านี้จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
ดังนั้น “นายกรัฐมนตรีคนบุรีรัมย์” ตามคำประกาศนี้จึงไม่มีคนที่สองนอกจากตัวนายเนวิน ชิดชอบ เองเท่านั้น
การประกาศดังกล่าวจึงเท่ากับเป็นการประกาศอย่างเปิดเผยและแจ้งชัดที่สุดเท่าที่เคยมีมาว่า นายเนวิน ชิดชอบ ได้ประกาศตนพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่มันจะเกิดขึ้นและเป็นความจริงได้ก็ต่อเมื่อเหตุการณ์ในเรื่องแรกเกิดขึ้นและดำเนินไปสู่เป้าหมายเสียก่อน จากนั้นก็จะเปิดทางอันโล่งให้แก่การก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเนวิน ชิดชอบ
แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่นายเนวิน ชิดชอบ ไม่ได้พูด นั่นก็คืออุปสรรคใหญ่ที่ขวางกั้นอยู่ข้างหน้า และอาจจะรื้อถอนไม่ทัน หรืออาจจะมีการรื้อถอนออกไปแล้วก็ได้ จึงได้มีความมั่นใจและกล้าประกาศอย่างองอาจกล้าหาญถึงปานนั้น
นั่นคือคดีกล้ายางและคดีหวยบนดิน ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีกำหนดตัดสินคดีภายในเดือนกันยายน 2552 นี้ และถ้าหากศาลตัดสินจำคุกไม่ว่าคดีใดคดีหนึ่ง ความหวังดังได้ประกาศไว้ก็อาจพังครืนลงมาทันที
หรือว่ามีการหยั่งทราบด้วยญาณวิถีหรือวิชาการพิเศษใดว่าจะรอดปลอดภัยจากคดีทั้งสอง? หรือว่ามีมาตรการใดที่จะเอาตัวรอดจากคดีทั้งสอง ดังที่เป็นข่าวเล่าลือกันหนาหูในขณะนี้ แต่นี่ก็เป็นภูเขาอุปสรรคลูกใหญ่ที่ขวางกั้นอยู่ข้างหน้าและต้องฝ่าข้ามไปให้พ้นก่อน
เพราะถ้าหากฝ่าข้ามไปไม่ได้และถูกจำคุกตามคำพิพากษาเสียก่อน การที่จะหวังผลจากการนิรโทษกรรมหรือการล้างมลทินใดๆ หรือจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ใช่ว่าจะสำเร็จได้ดังใจ
เพราะมีหรือที่เกจิอาจารย์หรือปรมาจารย์ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์จะมองไม่เห็น อ่านไม่ออกในเรื่องเหล่านี้ และมีหรือที่จะยินยอมพร้อมใจให้นายเนวิน ชิดชอบ กำหนดการทางการเมืองเอาฝ่ายเดียว หรือเดินหมากรุกแต่ข้างเดียวได้ ทั้งหมากเกมหมากกลทางการเมืองก็มีอยู่มากหลายที่แต่ละหมาก แต่ละตา ก็อาจทำให้แผนการใหญ่พลิกผันได้ทั้งสิ้น
แต่ถึงกระนั้นใครต่อใครก็จะประมาทนายเนวิน ชิดชอบ ไม่ได้เลย คนผู้นี้คือมังกรการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค ที่ขณะนี้มีพลังทางการเมืองแก่กล้ายิ่งกว่ามังกรการเมืองรุ่นก่อน กระทั่งมังกรการเมืองรุ่นก่อนๆ บางคนก็ยอมตนค้อมหัวเข้าสวามิภักดิ์ด้วยแล้ว
บรรหาร ศิลปอาชา ก็แก่เฒ่าเกินไปที่จะเป็นคู่แข่ง สนั่น ขจรประศาสน์ เล่าก็แก่เฒ่าไปตามวัยเช่นเดียวกัน ส่วนสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แม้สายตาจะกว้างแต่ทางเดินกลับแคบลงทุกที ไม่จำต้องพูดถึงประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ที่กำลังติดปรักถังข้าวสารอยู่ในขณะนี้
จะมีก็แต่เฉลิม อยู่บำรุง คนเดียว แต่วันนี้ก็หาใช่เฉลิม อยู่บำรุง คนเดิมซึ่งเป็นดาวฤกษ์ไม่ เพราะกลับกลายสลายตัวเป็นดาวเคราะห์ที่ต้องอาศัยแสงจากดาวแม้วมาบำรุงค้ำจุน จนกระทบต่อสมบัติของคนที่จะเป็นใหญ่และเป็นไทยแก่ตนเองไปแล้ว
แม้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เถอะ วันนี้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็นนายกรัฐมนตรีแบบพระเจ้าจื๊อสู่ที่ยอมอยู่ใต้บงการของมหาอำมาตย์หลี่ปู้เหว่ยในสมัยชุนชิวจ้านกว๋อ ที่ทำตัวเป็นแค่เจว็ดให้เขาเชิด เพียงแค่ขอให้ได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้เท่านั้น
มิหนำซ้ำ ยังถูกหอกและปฏักปักหน้าปักหลังเต็มตัว ด้วยบรรดาคดีความต่างๆ ที่ถูกกล่าวหาเพิ่มพูนขึ้นจนน่าวิตก เพราะหากพลาดพลั้งลงแม้เพียงคดีเดียวก็จบสิ้นอนาคตทางการเมือง เหมือนเมื่อครั้งพระเจ้าจื๊อสู่สิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือมหาอำมาตย์ หลี่ปู้เหว่ยในครั้งกระโน้น
ในวันนี้นายเนวิน ชิดชอบ มีพลังการเมืองแก่กล้าและมากที่สุดในรัฐบาลปัจจุบัน เป็นผู้มีอำนาจแท้จริงเหนือพรรคภูมิใจไทยที่สามารถบงการซ้ายหัน ขวาหันและหน้าเดิน โดยทุกผู้คนล้วนรับคำสั่งอย่างไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตาย ไม่ต่างอันใดกับเหล่าทหารที่อยู่ใต้อำนาจของผู้บังคับบัญชาอย่างสมบูรณ์
ที่ว่ามีอำนาจมากที่สุดในรัฐบาลปัจจุบันก็เพราะหน่วยงานในอำนาจหน้าที่นั้นมีครบเครื่อง มือหนึ่งถือปืน มือหนึ่งถือขนมปัง มือหนึ่งถือสังข์ป่าวประกาศก้องแก่มวลชน มือหนึ่งคุมด้ามของตราชู มือหนึ่งวางรากฐานเครือข่ายทั่วประเทศในด้านการปกครอง มือหนึ่งวางรากฐานเครือข่ายทั่วประเทศในด้านงานมวลชนและงานเลือกตั้งที่มีทั้งปืนและกฎหมายอยู่ในมือ จนใกล้ที่จะกลายเป็นทศกัณฐ์เต็มทีแล้ว
อำนาจในลักษณะนี้ไม่เคยมีพรรคการเมืองใดมีมาก่อน ยกเว้นแต่พรรคในระบอบทักษิณเท่านั้น เพียงแค่นี้ก็เห็นได้แล้วว่าใครเป็นมังกรการเมืองชั้นอ๋องของยุคนี้
ในวันนี้งบประมาณกว่า 800,000 ล้านบาท อยู่ในมือและอยู่ในอำนาจของเครือข่ายพรรคภูมิใจไทย และด้วยอำนาจนี้จึงสามารถกำกับให้คำพูดที่ว่า “ถ้าไม่มีเขา เราไม่ได้เป็นรัฐบาล” ปรากฏการกระทำที่เป็นจริงในแทบทุกเรื่องราว ที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่มีทางทัดทานได้
ประมวลจากทุกเรื่องราวดังกล่าวแล้ว ในวันนี้นายเนวิน ชิดชอบ คือบุคคลผู้มีความพร้อมสูงสุด และมีพลังทางการเมืองมากที่สุด ที่อาจก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในวันข้างหน้าอันไม่ไกลจากนี้
แต่ทว่าความคิดนั้นเป็นของคน ความสำเร็จเป็นของฟ้า ความคิดคนไหนเลยจะสู้ฟ้าลิขิตได้ แต่นายเนวิน ชิดชอบ กลับกระจ่างในความข้อนี้เป็นอันดี ในวันนี้เขาจึงดำรงตนและดำเนินการในทางที่สอดคล้องกับวิถีแห่งฟ้า
เว้นแต่ว่าจะไม่สามารถปรับตนให้เป็นคนมีธรรมในน้ำใจ มีความใสสุจริตและเมตตาอาทรต่อราษฎรในการบริหารบ้านเมือง และมีความจงรักภักดีเป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่เปลือกถึงแก่นได้เท่านั้น.
นายชัย ชิดชอบ ผู้พ่อเคยเปิดเผยความรู้สึกต่อสื่อมวลชนไว้ครั้งหนึ่งว่า นายเนวิน ชิดชอบ ผู้บุตรเป็นคนมีบุญญาธิการมาก ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
และเมื่อ 2-3 วันมานี้ตัวนายเนวิน ชิดชอบ เองซึ่งในระยะที่ผ่านมาพยายามไม่เปิดเผยตนเอง ประพฤติตนประหนึ่งเป็นผู้ถึงซึ่งวิถีแห่งเต๋าตามคติที่ว่า “ปลาใหญ่ย่อมอยู่ในน้ำลึก กระบี่คมต้องซ่อนในฝัก ผู้มีปัญญาต้องอยู่ในที่คนรบกวนไม่ถึง” กลับเปิดเผยท่าทีทางการเมืองอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมาถึงสองครั้งสองเรื่อง
เรื่องแรก เป็นการกล่าวในการเสวนาทางการเมือง ซึ่งนายเนวิน ชิดชอบ แสดงความคิดเห็นว่าต้องการให้เกิดความปรองดองและเห็นด้วยที่จะนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่าย ตลอดจนแก้ไขรัฐธรรมนูญตามบทมาตราที่มีการขอเสนอแก้ไขนั้น
ความหมายก็คือคืนสมบัติที่อายัดให้คุณทักษิณ ชินวัตร นิรโทษกรรมให้พ้นจากคดีทั้งหมด นิรโทษกรรมให้กับนักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และล้มเลิกข้อกล่าวหาของ คตส. ตลอดจนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้คนเหล่านั้นมีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง
และที่ไม่ได้พูดก็คือหากเกิดผลที่ว่านั้น ตัวนายเนวิน ชิดชอบ เองก็จะพ้นจากข้อกล่าวหาในเรื่องการทุจริตหรือการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบทุกกรณีที่มีการตรวจสอบไต่สวนและดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งพ้นจากการถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งด้วย
และนั่นหมายความว่านายเนวิน ชิดชอบ มีคุณสมบัติพร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จากการเปิดเผยความคิดเห็นในเรื่องนี้ จึงบ่งชี้ชัดเจนว่าเป้าหมายปลายทางของการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทางกฎหมาย ของทั้งพรรคภูมิใจไทยในปัจจุบันนี้ รวมทั้งการเคลื่อนไหวในส่วนของนายเนวิน ชิดชอบ และเครือข่ายเอง ล้วนมุ่งตรงไปยังเป้าหมายเพื่อถึงซึ่งความบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใยและมีความพร้อมที่จะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ทันทีที่โอกาสอำนวย
เรื่องที่สอง เป็นการกล่าวคำปราศรัยกับสมาชิกและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดบุรีรัมย์จำนวนมาก และเป็นการพูดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาอีกเช่นเดียวกัน ไม่มีลักษณะอ้อมค้อมเกรงใจหรือซ่อนเล่ห์ซ่อนนัยเหมือนกับนักการเมืองในรัฐบาลบางกลุ่ม
นายเนวิน ชิดชอบ ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ชอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์ แต่จำใจต้องร่วมงานกันเพราะพันธะเงื่อนไขบางประการ
พร้อมกับป่าวประกาศอย่างองอาจว่าจะต้องมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนบุรีรัมย์
แล้วใครเล่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนบุรีรัมย์? นายชัย ชิดชอบ ผู้เฒ่าวัย 80 ปี แถมยังมีอาการหูตึงกระนั้นหรือ? หรือว่าจะเป็นอดีตครูประชาบาลอย่างนายโสภณ ซารัมย์? ย่อมไม่ใช่คนเหล่านี้แน่ เพราะแม้จะเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุด แต่ไม่เป็นวิสัยและไม่เป็นฐานะที่คนเหล่านี้จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
ดังนั้น “นายกรัฐมนตรีคนบุรีรัมย์” ตามคำประกาศนี้จึงไม่มีคนที่สองนอกจากตัวนายเนวิน ชิดชอบ เองเท่านั้น
การประกาศดังกล่าวจึงเท่ากับเป็นการประกาศอย่างเปิดเผยและแจ้งชัดที่สุดเท่าที่เคยมีมาว่า นายเนวิน ชิดชอบ ได้ประกาศตนพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่มันจะเกิดขึ้นและเป็นความจริงได้ก็ต่อเมื่อเหตุการณ์ในเรื่องแรกเกิดขึ้นและดำเนินไปสู่เป้าหมายเสียก่อน จากนั้นก็จะเปิดทางอันโล่งให้แก่การก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเนวิน ชิดชอบ
แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่นายเนวิน ชิดชอบ ไม่ได้พูด นั่นก็คืออุปสรรคใหญ่ที่ขวางกั้นอยู่ข้างหน้า และอาจจะรื้อถอนไม่ทัน หรืออาจจะมีการรื้อถอนออกไปแล้วก็ได้ จึงได้มีความมั่นใจและกล้าประกาศอย่างองอาจกล้าหาญถึงปานนั้น
นั่นคือคดีกล้ายางและคดีหวยบนดิน ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีกำหนดตัดสินคดีภายในเดือนกันยายน 2552 นี้ และถ้าหากศาลตัดสินจำคุกไม่ว่าคดีใดคดีหนึ่ง ความหวังดังได้ประกาศไว้ก็อาจพังครืนลงมาทันที
หรือว่ามีการหยั่งทราบด้วยญาณวิถีหรือวิชาการพิเศษใดว่าจะรอดปลอดภัยจากคดีทั้งสอง? หรือว่ามีมาตรการใดที่จะเอาตัวรอดจากคดีทั้งสอง ดังที่เป็นข่าวเล่าลือกันหนาหูในขณะนี้ แต่นี่ก็เป็นภูเขาอุปสรรคลูกใหญ่ที่ขวางกั้นอยู่ข้างหน้าและต้องฝ่าข้ามไปให้พ้นก่อน
เพราะถ้าหากฝ่าข้ามไปไม่ได้และถูกจำคุกตามคำพิพากษาเสียก่อน การที่จะหวังผลจากการนิรโทษกรรมหรือการล้างมลทินใดๆ หรือจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ใช่ว่าจะสำเร็จได้ดังใจ
เพราะมีหรือที่เกจิอาจารย์หรือปรมาจารย์ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์จะมองไม่เห็น อ่านไม่ออกในเรื่องเหล่านี้ และมีหรือที่จะยินยอมพร้อมใจให้นายเนวิน ชิดชอบ กำหนดการทางการเมืองเอาฝ่ายเดียว หรือเดินหมากรุกแต่ข้างเดียวได้ ทั้งหมากเกมหมากกลทางการเมืองก็มีอยู่มากหลายที่แต่ละหมาก แต่ละตา ก็อาจทำให้แผนการใหญ่พลิกผันได้ทั้งสิ้น
แต่ถึงกระนั้นใครต่อใครก็จะประมาทนายเนวิน ชิดชอบ ไม่ได้เลย คนผู้นี้คือมังกรการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค ที่ขณะนี้มีพลังทางการเมืองแก่กล้ายิ่งกว่ามังกรการเมืองรุ่นก่อน กระทั่งมังกรการเมืองรุ่นก่อนๆ บางคนก็ยอมตนค้อมหัวเข้าสวามิภักดิ์ด้วยแล้ว
บรรหาร ศิลปอาชา ก็แก่เฒ่าเกินไปที่จะเป็นคู่แข่ง สนั่น ขจรประศาสน์ เล่าก็แก่เฒ่าไปตามวัยเช่นเดียวกัน ส่วนสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แม้สายตาจะกว้างแต่ทางเดินกลับแคบลงทุกที ไม่จำต้องพูดถึงประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ที่กำลังติดปรักถังข้าวสารอยู่ในขณะนี้
จะมีก็แต่เฉลิม อยู่บำรุง คนเดียว แต่วันนี้ก็หาใช่เฉลิม อยู่บำรุง คนเดิมซึ่งเป็นดาวฤกษ์ไม่ เพราะกลับกลายสลายตัวเป็นดาวเคราะห์ที่ต้องอาศัยแสงจากดาวแม้วมาบำรุงค้ำจุน จนกระทบต่อสมบัติของคนที่จะเป็นใหญ่และเป็นไทยแก่ตนเองไปแล้ว
แม้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เถอะ วันนี้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็นนายกรัฐมนตรีแบบพระเจ้าจื๊อสู่ที่ยอมอยู่ใต้บงการของมหาอำมาตย์หลี่ปู้เหว่ยในสมัยชุนชิวจ้านกว๋อ ที่ทำตัวเป็นแค่เจว็ดให้เขาเชิด เพียงแค่ขอให้ได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้เท่านั้น
มิหนำซ้ำ ยังถูกหอกและปฏักปักหน้าปักหลังเต็มตัว ด้วยบรรดาคดีความต่างๆ ที่ถูกกล่าวหาเพิ่มพูนขึ้นจนน่าวิตก เพราะหากพลาดพลั้งลงแม้เพียงคดีเดียวก็จบสิ้นอนาคตทางการเมือง เหมือนเมื่อครั้งพระเจ้าจื๊อสู่สิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือมหาอำมาตย์ หลี่ปู้เหว่ยในครั้งกระโน้น
ในวันนี้นายเนวิน ชิดชอบ มีพลังการเมืองแก่กล้าและมากที่สุดในรัฐบาลปัจจุบัน เป็นผู้มีอำนาจแท้จริงเหนือพรรคภูมิใจไทยที่สามารถบงการซ้ายหัน ขวาหันและหน้าเดิน โดยทุกผู้คนล้วนรับคำสั่งอย่างไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตาย ไม่ต่างอันใดกับเหล่าทหารที่อยู่ใต้อำนาจของผู้บังคับบัญชาอย่างสมบูรณ์
ที่ว่ามีอำนาจมากที่สุดในรัฐบาลปัจจุบันก็เพราะหน่วยงานในอำนาจหน้าที่นั้นมีครบเครื่อง มือหนึ่งถือปืน มือหนึ่งถือขนมปัง มือหนึ่งถือสังข์ป่าวประกาศก้องแก่มวลชน มือหนึ่งคุมด้ามของตราชู มือหนึ่งวางรากฐานเครือข่ายทั่วประเทศในด้านการปกครอง มือหนึ่งวางรากฐานเครือข่ายทั่วประเทศในด้านงานมวลชนและงานเลือกตั้งที่มีทั้งปืนและกฎหมายอยู่ในมือ จนใกล้ที่จะกลายเป็นทศกัณฐ์เต็มทีแล้ว
อำนาจในลักษณะนี้ไม่เคยมีพรรคการเมืองใดมีมาก่อน ยกเว้นแต่พรรคในระบอบทักษิณเท่านั้น เพียงแค่นี้ก็เห็นได้แล้วว่าใครเป็นมังกรการเมืองชั้นอ๋องของยุคนี้
ในวันนี้งบประมาณกว่า 800,000 ล้านบาท อยู่ในมือและอยู่ในอำนาจของเครือข่ายพรรคภูมิใจไทย และด้วยอำนาจนี้จึงสามารถกำกับให้คำพูดที่ว่า “ถ้าไม่มีเขา เราไม่ได้เป็นรัฐบาล” ปรากฏการกระทำที่เป็นจริงในแทบทุกเรื่องราว ที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่มีทางทัดทานได้
ประมวลจากทุกเรื่องราวดังกล่าวแล้ว ในวันนี้นายเนวิน ชิดชอบ คือบุคคลผู้มีความพร้อมสูงสุด และมีพลังทางการเมืองมากที่สุด ที่อาจก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในวันข้างหน้าอันไม่ไกลจากนี้
แต่ทว่าความคิดนั้นเป็นของคน ความสำเร็จเป็นของฟ้า ความคิดคนไหนเลยจะสู้ฟ้าลิขิตได้ แต่นายเนวิน ชิดชอบ กลับกระจ่างในความข้อนี้เป็นอันดี ในวันนี้เขาจึงดำรงตนและดำเนินการในทางที่สอดคล้องกับวิถีแห่งฟ้า
เว้นแต่ว่าจะไม่สามารถปรับตนให้เป็นคนมีธรรมในน้ำใจ มีความใสสุจริตและเมตตาอาทรต่อราษฎรในการบริหารบ้านเมือง และมีความจงรักภักดีเป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่เปลือกถึงแก่นได้เท่านั้น.