“เทพไท” ท้า “นช.แม้ว” โฟนอินศรีสะเกษสำแดงอิทธิฤทธิ์อีกรอบ

“โฆษกมาร์ค” ร้องขอ กกต.ให้ความเป็นธรรมผลเลือกซ่อมที่สกลฯ ชี้เพื่อไทยชนะขาดส่งสัญญาณเลือดหยุดไหล เหน็บ ส.ส.นกแลห้อยโหนกระแสต่อไป ท้า “นช.แม้ว” โฟนอินที่ศรีสะเกษ พิสูจน์อิทธิฤทธิ์อีกรอบ เตือนให้รับผิดชอบปลุกระดมม็อบเสื้อแดง 27 มิ.ย.นี้

วันนี้ (22 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สกลนคร ว่าพรรคประชาธิปัตย์ติดตามมาโดยตลอด เมื่อผลปรากฏว่าผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะ ในฐานะที่เป็นนักการเมืองด้วยกันก็ขอแสดงความยินดี ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่แพ้ในครั้งนี้ก็ขอแสดงเสียใจและให้กำลังใจทำงานการเมืองต่อไป สำหรับผลการเลือกตั้งที่ออกมาเช่นนี้ ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จำเป็นต้องไปดูแลว่า มีปัจจัยแปลกปลอมอื่นใดหรือไม่ กับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งหากเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ทาง กกต.ก็ต้องให้ความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน

“ผมคิดว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะเป็นนัยยะทางการเมือง สำหรับการเมืองในภาคอีสานของพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยได้ระดับหนึ่ง คือ กระแสของ ส.ส.ที่จะไหลออกแบบเลือดไหลไม่หยุดในพรรคเพื่อไทย จะเกิดความลังเลใจ ในกลุ่ม ส.ส.ที่คิดเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่เรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคน ที่เป็นดาวฤกษ์หรือนักการเมืองที่มีแสงในตัวเอง เพราะเชื่อว่าคนเหล่านี้ลงพรรคไหน ก็ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน แต่นักการเมืองนกแลหรือดาวเคราะห์ จำเป็นต้องห้อยโหนกระแส กลุ่มเหล่านี้คงไม่เปลี่ยนสังกัด” นายเทพไท กล่าว

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายเทพไทยอมรับว่า ไม่มีฐานเสียงหนาแน่นในพื้นที่ภาคอีสาน แต่ก็มีคนนิยมในระดับหนึ่ง โดยพรรคจะวิเคราะห์ต่อไปว่า เสียงสนับสนุนของพรรคเลือกใคร ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ถือเป็นการบ้านที่พรรคต้องทำต่อ และรัฐบาล ปชป.ต้องทำงานอย่างหนัก ให้ผลงานเป็นที่ประทับใจมวลชนคนอีสาน เพราะกระแส พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฝังรากยาวนาน 6 ปี มีโอกาสแสดงผลงาน แต่รัฐบาล ปชป.เป็นรัฐบาลเพียง 6 เดือน มาพิสูจน์ในขณะนี้คงไม่เป็นธรรม ทั้งนี้เชื่อว่าถ้ามีเวลาบริหารงานเท่ากัน จะสร้างความประทับใจให้กับชาวอีสาน ได้อย่างแน่นอน

นายเทพไทกล่าวด้วยว่า หากพิจาณาจากการวิเคราะห์ของภูมิใจไทย ที่เชื่อว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คือจุดชี้ขาดชัยชนะครั้งนี้ กกต.ต้องพิจารณาว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ยอมรับว่าการจะห้าม พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินทำได้ยาก โดยงานนี้คนที่ได้หน้าคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่เป็น ผอ.เลือกตั้ง ซึ่งคงภูมิใจในผลงานของตัวเอง จึงคิดว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องไล่ล่าหาหัวหน้าพรรคที่ไหนแล้ว ควรปูนบำเหน็จให้ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นหัวหน้าพรรค เป็นขุนพลทำการเมืองในภาคอีสาน และทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านต่อไป เพราะถึงไม่มี ร.ต.อ.เฉลิม ก็เป็นโดยพฤตินัยอยู่แล้ว จึงควรทำให้ถูกต้องในทางนิตินัยด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีผลต่อการเลือกตั้งซ่อมที่ศีรษะเกษ เพราะไม่ใช่บทสรุปหรือเป็นสูตรสำเร็จว่าชนะที่สกลนครแล้วจะชนะที่ศีรษะเกษด้วย เนื่องจากพื้นที่อีสานใต้ เป็นพื้นที่ที่พรรคภูมิใจไทยก็มีฐานเสียงอยู่ แต่ก็คิดว่าพรรคเพื่อไทยคงใช้กลยุทธ์เดียวกันกับ ที่ได้รับชัยชนะที่สกลนคร มาเป็นยุทธศาสตร์ในการหาเสียงที่จังหวัดศีรษะเกษ

ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยออกมาระบุว่ารัฐบาลไม่ช่วยหาเสียงนั้น นายเทพไทกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะไปช่วยหาเสียง แต่ต้องดูด้วยว่าหากแกนนำพรรคเดินทางไปจะเป็นประโยชน์จริงหรือไม่ ถ้าเป็นประโยชน์ก็พร้อมที่จะทำ

“ผมคิดว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีผลต่อคนเสื้อแดงด้วย เพราะจะฮึกเหิมและมีขวัญกำลังใจดีขึ้น นำไปสู่การเคลื่อนไหวที่เข้มข้นขึ้นในการชุมุนมวันที่ 27 มิ.ย. จึงอยากให้การชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมาย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรโฟนอินมายังผู้ชุมนุม เพราะแตกต่างจากการโฟนอินไปยังหัวคะแนน เนื่องจากการโฟนอินมายังผู้ชุมนุมเป็นการปลุกระดม ทำให้มวลชนบ้าคลั่งจนเคลื่อนไหวรุนแรงถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง เหมือนเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ แม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ยอมรับผิดชอบ ทั้งที่เป็นเจ้าของม็อบตัวจริง ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ประมาทและจับตามองการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ให้นโยบายทหารตำรวจทำงานประสานกัน รับมือไม่ให้ประวัติศาสตร์เดือนเมษายนกลับมาซ้ำรอยอีก และจะทำทุกวิถีทางสกัดกั้น ไม่ให้เกิดความรุนแรงจนกระทบภาพลักษณ์ของประเทศ” นายเทพไท กล่าว