"พัชรวาท"ไม่สนเตรียมถูกสอบทุจริตงบประชาสัมพันธ์ ถก 4 ชั่วโมง ปิดบัญชีโผแต่งตั้งรอง ผบก.-สว.รับโครงสร้างใหม่ เตรียมส่งต่อ ก.ตร.ชุด"เทพเทือก"รับรอง 31 ส.ค.นี้ สุดแสบยกเลิกคำสั่ง"วิเชียร" ตั้ง"ปทีป"ทำโผเพียง 1 วัน ก่อนเรียกประชุม อ้างลดขั้นตอนปฎิบัติ พบฉาวอีกลักไก่ตั้ง ผกก.4 บก.ส.3 นั่ง 2 นาย รับเงินเดือนซ้ำซ้อน อุบเงียบรอแก้ไขปรับเข้าโครงสร้างใหม่
วานนี้(28 ส.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการ(รอง ผบก.)ถึงสารวัตร ในวาระการปรับโครงสร้างใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีนายตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ ร่วมประชุม และนายตำรวจระดับผู้บัญชาการ ร่วมชี้แจง
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวภายหลังการประชุม ว่า การประชุมเป็นการปรับเกลี่ยตำแหน่งโครงสร้างที่มีการยุบ เช่นฝ่ายอำนวยการ รอง ผบ.ตร.ผู้ช่วย ผบ.ตร.และคำสั่งแต่งตั้ง 26 คำสั่งที่มีปัญหาเดิม ก็มีการปรับเกลี่ยลงทั้งหมด รวมตำแหน่งทั้งชั้นประทวนและสัญญาบัตรจำนวนเป็นแสนนาย ส่วนกรณียกเว้นคุณสมบัติมีจำนวนไม่มากมี 688 นาย ส่วนเหตุผลที่ยกเว้นเป็นเรื่องคุณสมบัติ เช่น ชื่อตำแหน่งเปลี่ยน หน้าที่เดิมแต่เลขตำแหน่งเดิมเปลี่ยน ส่วนที่ยกเว้นทั้งหมดก็จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันที่ 31 ส.ค.นี้
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน กรณีการทุจริตการใช้งบประชาสัมพันธ์ในองค์กรจำนวน 18 ล้านบาทนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวเพียงว่า เรื่องนี้รอชี้แจงอยู่
ยกเลิกคำสั่ง"วิเชียร"ตั้ง"ปทีป"ทำโผ
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มีคำสั่ง ตร.ที่ 412/2552 ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำบัญชีข้อมูลแต่งตั้ง ตามคำสั่ง ตร.ที่ 395/2552 ลงวันที่ 14 สิงหาคม ที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา(สบ10) รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในขณะนั้น แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.)เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ร่วมกันพิจารณาจัดทำบัญชีข้อมูลแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเข้าสู่ตำแหน่งตามโครงสร้างส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติใหม่ แล้วเสนอให้ผบ.ตร.พิจารณาก่อนเสนอคณะกรรมการแต่งตั้ง
ทั้งนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ระบุเหตุผลในการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวว่าเนื่องจากการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการ เข้าสู่ตำแหน่งตามโครงสร้างส่วนราชการตร.ใหม่ในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นการแต่งตั้งเพื่อปรับเกลี่ยกับบุคคลเดิมเข้าสู่ตำแหน่งใหม่ที่มีหน้าที่งานเช่นเดิม ซึ่งหน่วยต่างๆเป็นผู้พิจารณาเสนอข้อมูลมายัง ตร.และไม่มีการพิจารณาแต่งตั้งเลื่อนดำรงตำแหน่งสูงขึ้น ประกอบกับเพื่อให้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงมาเสร็จทันภายในกำหนด จึงให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานดังกล่าว เพื่อเป็นการลดขั้นตอนการปฏิบัติโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคมเป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งนี้มีขึ้นเพียง 1 วัน ก่อนที่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะนัดประชุม รองผบ.ตร. และจตช.ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผบก.ถึงสารวัตร ตามโครงสร้างใหม่ ตามมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ที่ให้ ผบ.ตร.ใช้อำนาจตามมาตรา 56 พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 โดยเสนอประชุมคณะกรรมการของ ผบ.ตร.มีขึ้นในเวลา 09.00 น.วันที่ 28 สิงหาคม
ใช้เวลา 4 ชั่วโมงเคาะโผ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การพิจารณาแต่งตั้งในครั้งนี้ คณะกรรมการใช้เวลาพิจารณาประมาณ 4 ชั่วโมง โดย ผบ.ตร.ได้เปิดเผยภายหลังว่ามีนายตำรวจ 688 นาย ที่ต้องขออนุมัติ ก.ตร. เพื่อยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้ง ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 11/2552 เวลา 09.00 น.วันที่ 31 สิงหาคม ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 1 ตร. ซึ่งนอกจากจะขออนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งแล้ว ยังมีวาระว่าด้วยการรับรองการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 10/2552 กรณีที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร.ส่งความเห็นเพื่อบันทึกในรายงานการประชุม รวมถึงขออนุมัติ ก.ตร.เพื่อขยายเวลาการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ผบก.ขึ้นไปวาระประจำปี 2552 ขณะเดียวกัน ยังมีวาระที่ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา (สบ10) ทำหนังสือถาม ก.ตร.ถึงประเด็นให้พิจารณาว่า นายตำรวจยศ พล.ต.อ.เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. ควรมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมประชุม ก.ตร.ด้วยหรือไม่
ฉาวตั้ง ผกก.4 บก.ส.3 ซ้ำซ้อน
วันเดียวกัน ทีมข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ได้รับการหนังสือคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ในยุคของ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่เป็นการแต่งตั้งซ้ำซ้อนกัน โดย ผู้กำกับ(ผกก.)1 ตำแหน่ง มีตำรวจ 2 นาย และเมื่อตรวจสอบเอกสารบัญชีแนบท้ายคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 52/2551 ลงวันที่ 18 มกราคม 2551 หน้า 7 ลำดับที่ 77 พ.ต.ท.เรวัฒน์ ชวาลา ตำแหน่งเดิม รอง ผกก.4 บก.ส.3 ตำแหน่งเลขที่ สส.1-174 ได้รับแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ เป็น ผกก.4 บก.ส.3 ตำแหน่งเลขที่ 2404 ต่อมาได้มีคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ที่ 370/2551 เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ สั่ง ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ลงนามโดย พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล โดยมีบัญชีแนบท้ายคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจสันติบาลที่ 370/2551 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ลำดับที่ 23 มี พ.ต.ท.นิตินัย ไชยพิเดช ตำแหน่งเดิม รอง ผกก.3 บก.ส.3 เลขตำแหน่ง 21208 ตำแหน่งใหม่ ผกก.4 บก.ส.3 เลขตำแหน่ง 2404
อย่างไรก็ตาม เมื่อ พ.ต.อ.เรวัฒน์ ชวาลา ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผกก.4 บก.ส.3 ตามคำสั่ง ตร.ที่ 52/2551 ลงวันที่ 18 มกราคม 2551 ส่วน พ.ต.อ.นิตินัย ไชยพิเดช ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผกก.4 บก.ส.3 ตามคำสั่ง บช.ส.ที่ 370/2551 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งถือเป็นการแต่งตั้งที่ซ้ำซ้อนกัน
ต่อมา พ.ต.อ.เรวัฒน์ ได้ทำเรื่องร้องเรียนไปที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ซึ่งขณะนี้ อนุ ก.ตร.ชี้ลงมาว่า คำสั่งแต่งตั้งของ บช.ส.(ที่ 370/2551) ไม่ชอบ และเพื่อแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว ทางทะเบียนพล บช.ส.แจ้งว่าจะดำเนินการปรับให้ในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในคราวนี้ (แต่งตั้งรับโครงสร้างใหม่)
ลักไก่ตั้ง ผกก.-เบิกเงินเดือนซ้ำ
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบัน พ.ต.อ.เรวัฒน์ ยังรับเงินเดือนในตำแหน่ง ผกก.4 บก.ส.3 ขณะที่ พ.ต.อ.นิตินัย ก็รับเงินเดือนในตำแหน่ง ผกก.4 บก.ส.3 เช่นเดียวกัน แต่ไม่มีการเบิกเงินประจำตำแหน่งทั้ง 2 นาย
นอกจากนั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า การแต่งตั้ง พ.ต.อ.นิตินัย มานั่งตำแหน่ง ผกก.4 บก.ส.3 ทั้งที่ พ.ต.อ.เรวัฒน์ ยังอยู่ในตำแหน่ง ผกก.4 บก.ส.3 อาจจะมีเจตนาเพื่อให้ พ.ต.อ.นิตินัย มากินตำแหน่ง ผกก.(แบบลักไก่) เพื่อรอปรับเข้าสู่ตำแหน่งหลัก ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใหญ่ รับโครงสร้างใหม่ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า มีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และเป็นที่มาต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้
สันติบาลเก็บเป็นความลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ข่าวปรากฏว่า กก.4 บก.ส.3 มี ผกก. 2 คน จึงได้พยายามสอบถามข้อเท็จจริงไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องทราบเรื่อง ได้แสดงความตกใจ พร้อมทั้งสอบถามกลับมาว่า ทราบข่าวดังกล่าวมาได้อย่างไร เพราะเรื่องดังกล่าว ถูกเก็บเป็นความลับ และพยายามดำเนินการแก้ไขอย่างเงียบที่สุด แต่ก็ยอมรับว่า กก.4 บก.ส.3 มีผกก.2 คนซ้อนกันจริง ซึ่งเรื่องนี้ ทางกำลังพลกำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ ส่วนเงินประจำตำแหน่งนั้น ยังไม่มีใครเบิก แต่หากจะเบิก ก็ต้องเป็นนายตำรวจเพียงคนเดียว ไม่ใช่ 2 คนดังกล่าว
วานนี้(28 ส.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการ(รอง ผบก.)ถึงสารวัตร ในวาระการปรับโครงสร้างใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีนายตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ ร่วมประชุม และนายตำรวจระดับผู้บัญชาการ ร่วมชี้แจง
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวภายหลังการประชุม ว่า การประชุมเป็นการปรับเกลี่ยตำแหน่งโครงสร้างที่มีการยุบ เช่นฝ่ายอำนวยการ รอง ผบ.ตร.ผู้ช่วย ผบ.ตร.และคำสั่งแต่งตั้ง 26 คำสั่งที่มีปัญหาเดิม ก็มีการปรับเกลี่ยลงทั้งหมด รวมตำแหน่งทั้งชั้นประทวนและสัญญาบัตรจำนวนเป็นแสนนาย ส่วนกรณียกเว้นคุณสมบัติมีจำนวนไม่มากมี 688 นาย ส่วนเหตุผลที่ยกเว้นเป็นเรื่องคุณสมบัติ เช่น ชื่อตำแหน่งเปลี่ยน หน้าที่เดิมแต่เลขตำแหน่งเดิมเปลี่ยน ส่วนที่ยกเว้นทั้งหมดก็จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันที่ 31 ส.ค.นี้
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน กรณีการทุจริตการใช้งบประชาสัมพันธ์ในองค์กรจำนวน 18 ล้านบาทนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวเพียงว่า เรื่องนี้รอชี้แจงอยู่
ยกเลิกคำสั่ง"วิเชียร"ตั้ง"ปทีป"ทำโผ
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มีคำสั่ง ตร.ที่ 412/2552 ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำบัญชีข้อมูลแต่งตั้ง ตามคำสั่ง ตร.ที่ 395/2552 ลงวันที่ 14 สิงหาคม ที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา(สบ10) รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในขณะนั้น แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.)เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ร่วมกันพิจารณาจัดทำบัญชีข้อมูลแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเข้าสู่ตำแหน่งตามโครงสร้างส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติใหม่ แล้วเสนอให้ผบ.ตร.พิจารณาก่อนเสนอคณะกรรมการแต่งตั้ง
ทั้งนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ระบุเหตุผลในการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวว่าเนื่องจากการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการ เข้าสู่ตำแหน่งตามโครงสร้างส่วนราชการตร.ใหม่ในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นการแต่งตั้งเพื่อปรับเกลี่ยกับบุคคลเดิมเข้าสู่ตำแหน่งใหม่ที่มีหน้าที่งานเช่นเดิม ซึ่งหน่วยต่างๆเป็นผู้พิจารณาเสนอข้อมูลมายัง ตร.และไม่มีการพิจารณาแต่งตั้งเลื่อนดำรงตำแหน่งสูงขึ้น ประกอบกับเพื่อให้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงมาเสร็จทันภายในกำหนด จึงให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานดังกล่าว เพื่อเป็นการลดขั้นตอนการปฏิบัติโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคมเป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งนี้มีขึ้นเพียง 1 วัน ก่อนที่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะนัดประชุม รองผบ.ตร. และจตช.ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผบก.ถึงสารวัตร ตามโครงสร้างใหม่ ตามมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ที่ให้ ผบ.ตร.ใช้อำนาจตามมาตรา 56 พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 โดยเสนอประชุมคณะกรรมการของ ผบ.ตร.มีขึ้นในเวลา 09.00 น.วันที่ 28 สิงหาคม
ใช้เวลา 4 ชั่วโมงเคาะโผ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การพิจารณาแต่งตั้งในครั้งนี้ คณะกรรมการใช้เวลาพิจารณาประมาณ 4 ชั่วโมง โดย ผบ.ตร.ได้เปิดเผยภายหลังว่ามีนายตำรวจ 688 นาย ที่ต้องขออนุมัติ ก.ตร. เพื่อยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้ง ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 11/2552 เวลา 09.00 น.วันที่ 31 สิงหาคม ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 1 ตร. ซึ่งนอกจากจะขออนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งแล้ว ยังมีวาระว่าด้วยการรับรองการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 10/2552 กรณีที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร.ส่งความเห็นเพื่อบันทึกในรายงานการประชุม รวมถึงขออนุมัติ ก.ตร.เพื่อขยายเวลาการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ผบก.ขึ้นไปวาระประจำปี 2552 ขณะเดียวกัน ยังมีวาระที่ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา (สบ10) ทำหนังสือถาม ก.ตร.ถึงประเด็นให้พิจารณาว่า นายตำรวจยศ พล.ต.อ.เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. ควรมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมประชุม ก.ตร.ด้วยหรือไม่
ฉาวตั้ง ผกก.4 บก.ส.3 ซ้ำซ้อน
วันเดียวกัน ทีมข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ได้รับการหนังสือคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ในยุคของ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่เป็นการแต่งตั้งซ้ำซ้อนกัน โดย ผู้กำกับ(ผกก.)1 ตำแหน่ง มีตำรวจ 2 นาย และเมื่อตรวจสอบเอกสารบัญชีแนบท้ายคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 52/2551 ลงวันที่ 18 มกราคม 2551 หน้า 7 ลำดับที่ 77 พ.ต.ท.เรวัฒน์ ชวาลา ตำแหน่งเดิม รอง ผกก.4 บก.ส.3 ตำแหน่งเลขที่ สส.1-174 ได้รับแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ เป็น ผกก.4 บก.ส.3 ตำแหน่งเลขที่ 2404 ต่อมาได้มีคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ที่ 370/2551 เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ สั่ง ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ลงนามโดย พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล โดยมีบัญชีแนบท้ายคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจสันติบาลที่ 370/2551 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ลำดับที่ 23 มี พ.ต.ท.นิตินัย ไชยพิเดช ตำแหน่งเดิม รอง ผกก.3 บก.ส.3 เลขตำแหน่ง 21208 ตำแหน่งใหม่ ผกก.4 บก.ส.3 เลขตำแหน่ง 2404
อย่างไรก็ตาม เมื่อ พ.ต.อ.เรวัฒน์ ชวาลา ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผกก.4 บก.ส.3 ตามคำสั่ง ตร.ที่ 52/2551 ลงวันที่ 18 มกราคม 2551 ส่วน พ.ต.อ.นิตินัย ไชยพิเดช ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผกก.4 บก.ส.3 ตามคำสั่ง บช.ส.ที่ 370/2551 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งถือเป็นการแต่งตั้งที่ซ้ำซ้อนกัน
ต่อมา พ.ต.อ.เรวัฒน์ ได้ทำเรื่องร้องเรียนไปที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ซึ่งขณะนี้ อนุ ก.ตร.ชี้ลงมาว่า คำสั่งแต่งตั้งของ บช.ส.(ที่ 370/2551) ไม่ชอบ และเพื่อแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว ทางทะเบียนพล บช.ส.แจ้งว่าจะดำเนินการปรับให้ในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในคราวนี้ (แต่งตั้งรับโครงสร้างใหม่)
ลักไก่ตั้ง ผกก.-เบิกเงินเดือนซ้ำ
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบัน พ.ต.อ.เรวัฒน์ ยังรับเงินเดือนในตำแหน่ง ผกก.4 บก.ส.3 ขณะที่ พ.ต.อ.นิตินัย ก็รับเงินเดือนในตำแหน่ง ผกก.4 บก.ส.3 เช่นเดียวกัน แต่ไม่มีการเบิกเงินประจำตำแหน่งทั้ง 2 นาย
นอกจากนั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า การแต่งตั้ง พ.ต.อ.นิตินัย มานั่งตำแหน่ง ผกก.4 บก.ส.3 ทั้งที่ พ.ต.อ.เรวัฒน์ ยังอยู่ในตำแหน่ง ผกก.4 บก.ส.3 อาจจะมีเจตนาเพื่อให้ พ.ต.อ.นิตินัย มากินตำแหน่ง ผกก.(แบบลักไก่) เพื่อรอปรับเข้าสู่ตำแหน่งหลัก ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใหญ่ รับโครงสร้างใหม่ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า มีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และเป็นที่มาต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้
สันติบาลเก็บเป็นความลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ข่าวปรากฏว่า กก.4 บก.ส.3 มี ผกก. 2 คน จึงได้พยายามสอบถามข้อเท็จจริงไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องทราบเรื่อง ได้แสดงความตกใจ พร้อมทั้งสอบถามกลับมาว่า ทราบข่าวดังกล่าวมาได้อย่างไร เพราะเรื่องดังกล่าว ถูกเก็บเป็นความลับ และพยายามดำเนินการแก้ไขอย่างเงียบที่สุด แต่ก็ยอมรับว่า กก.4 บก.ส.3 มีผกก.2 คนซ้อนกันจริง ซึ่งเรื่องนี้ ทางกำลังพลกำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ ส่วนเงินประจำตำแหน่งนั้น ยังไม่มีใครเบิก แต่หากจะเบิก ก็ต้องเป็นนายตำรวจเพียงคนเดียว ไม่ใช่ 2 คนดังกล่าว