ASTVผู้จัดการรายวัน- เคลียร์ตั้ง ผบ.ตร.ไม่ลงตัว “อภิสิทธิ์” เลื่อนประชุมก.ต.ช. ไปเป็นสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนก.ย. เฉไฉตอบ “นิพนธ์” หนุน “จุมพล” อ้างคุยกันเป็นระยะ ระบุพร้อมรับฟังข้อมูลทุกด้าน ตีกันไม่คิดว่าอำนาจของนายกฯ จะถูกบั่นทอนโดยคนใกล้ตัว พร้อมยันเสนอชื่อคนเดียว สับคนที่มีข้อมูลบางด้าน ไม่ควรพูด ประกาศชัดไม่ห่วง “ภูมิใจห้อย” ถอนตัวจากรัฐบาล ขณะที่ “เทพเทือก” นัดประชุม ก.ตร.พิจารณาคุณสมบัตินายตำรวจ ที่ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการลงไปวันนี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุม คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) คนใหม่ หลังมีกระแสข่าวว่า พรรคภูมิใจไทยอ้างว่าได้รับสัญญาณจากนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้เลือก พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร. ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ว่า ตนได้พูดคุยกับนายนิพนธ์ อยู่เป็นระยะ แต่เรื่องนี้มีข้อมูลอยู่หลายด้าน และตนฟังข้อมูลทุกด้าน คิดว่าน่าจะเรียกประชุม ก.ต.ช. ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จุดยืนในการเสนอชื่อ ผบ.ตร. ยังไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีแรงบีบอะไร เพราะทำเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมอยู่แล้ว ส่วนจะเสนอ 2 ชื่อตามที่พรรคภูมิใจไทย แนะนำหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ตนปฏิบัติตามกฎหมายที่ให้เสนอชื่อผบ.ตร. เพียงชื่อเดียว และไม่ว่าจะเสนอชื่อใคร จะต้องมีคำตอบให้กับสังคมได้
"ถึงเวลาก็รู้ว่าเสนอใคร เอาเป็นว่าตอนนี้ผมฟังข้อมูล พูดคุยกับหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขอใช้เวลาอีกนิดหนึ่ง ไม่มีอะไรเสียหาย และคนที่มีข้อมูลบางด้าน ก็ไม่ควรพูด เพราะข้อมูลทุกด้านมาที่ผม" นายกรัฐมนตรีกล่าว
**ไม่ห่วงภูมิใจไทยถอนตัว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ความเห็นในการการเลือก ผบ.ตร. ที่ไม่ตรงกันอาจจะส่งผลให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องถอนตัวคงไม่มี เพราะข้อมูลทุกอย่างอยู่ที่ตนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าทำไมการเลือก ผบ.ตร. ครั้งนี้ยากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าครั้งอื่นยากหรือไม่ยาก แต่ในอดีตก็เคยมีปัญหาในลักษณะที่ผู้มีอำนาจเสนอเข้าไป แล้วกรรมการไม่เห็นชอบก็เคยมี และ ไม่คิดว่าอำนาจของนายกรัฐมนตรีถูกบั่นทอนโดยคนใกล้ตัว ตนยังเชื่อว่าทุกคนมีความหวังดี
**ก.ตร.-"เทพ"ประชุมรับรองโผเล็กวันนี้
วานนี้(30 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักงานคณะกรรมการข้าราชตำรวจ (สง.ก.ตร.)ได้มีหนังสือแจ้งถึง ก.ตร.ทุกคนเพื่อเชิญประชุม ก.ตร.โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร.ได้เชิญประชุม ก.ตร.วันที่ 31 ส.ค. เวลา 09.00 น.
โดยมีวาระพิจารณาคุณสมบัติข้าราชการตำรวจที่มีนายตำรวจ 688 นาย ที่ต้องขออนุมัติ ก.ตร. เพื่อยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้ง ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมก.ตร.หลังจากการประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ถึงสารวัตร ในวาระการปรับโครงสร้างใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พล.ต.อ.พัชรวาท และ รอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ ร่วมพิจารณาเมื่อวัน 28 ส.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับวาระการประชุม ก.ตร. กำหนดหัวข้อในการประชุมไว้ 4 หัวข้อ คือ 1.สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (สง.ก.ตร.) จะสรุปรายละเอียดของโครงสร้าง ตร.ใหม่ และจำนวนตำแหน่งที่กำหนดเพิ่ม 2.สง.ก.ตร.สรุปรายละเอียดที่เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งระดับ สารวัตร ถึงผู้กำกับการ จำนวน 364 ตำแหน่ง ให้กับกลุ่มงานสืบสวนหาข่าวและกลุ่มงานป้องกันปราบปราม ในกองบังคับการต่างๆ ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (26 คำสั่ง) 3.กองกำลังพล สรุปแนวทางการปรับเกลี่ยข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งในส่วนราชการตามโครงสร้าง ตร.ใหม่ และ 4.คณะกรรมการพิจารณาบัญชีข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามที่ ผบ.ตร.เสนอ เรียงหน่วยตามส่วนราชการในโครงสร้าง ตร.ใหม่
นอกจากนี้ ยังมีวาระขอ ก.ตร.ในการเลื่อนการพิจารณาแต่งตั้งระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ขึ้นไปในวาระประจำปี 2552 ออกไป เนื่องจาก ก.ตร.เคยมีมติว่า การแต่งตั้งประจำปีต้องแล้วเสร็จก่อนวันที่ 30 ส.ค.แต่เนื่องจากการแต่งตั้งวาระประจำปีนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีข้อขัดข้องหลายอย่าง ขณะเดียวกันยังมีวาระที่ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา (สบ10) ทำหนังสือถาม ก.ตร.ถึงประเด็นให้พิจารณาว่า นายตำรวจยศ พล.ต.อ.เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. ควรมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมประชุม ก.ตร.ด้วยหรือไม่
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พัชรวาท ยังมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำบัญชีข้อมูลแต่งตั้งที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10) รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในขณะนั้น และแต่งตั้งให้พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เป็นหัวหน้าคณะทำงานแทน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ร่วมกันพิจารณาจัดทำบัญชีข้อมูลแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเข้าสู่ตำแหน่งตามโครงสร้างส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติใหม่ แล้วเสนอให้ ผบ.ตร.พิจารณาก่อนเสนอคณะกรรมการแต่งตั้ง
โดยคำสั่งดังกล่าวระบุเหตุผลในการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวว่า การแต่งตั้งข้าราชการใหม่ในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นการแต่งตั้งเพื่อปรับเกลี่ยบุคคลเดิมเข้าสู่ตำแหน่งใหม่ที่มีหน้าที่งานเช่นเดิม และไม่มีการพิจารณาแต่งตั้งเลื่อนดำรงตำแหน่งสูงขึ้น และเพื่อให้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงมาเสร็จทันภายในกำหนด จึงให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานดังกล่าว เพื่อเป็นการลดขั้นตอนการปฏิบัติ
สำหรับคำสั่งนี้มีขึ้นเพียง 1 วัน ก่อนที่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะนัดประชุม รอง ผบ.ตร. และจตช.ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.ถึงสารวัตร ตามโครงสร้างใหม่ ตามมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ให้ ผบ.ตร.ใช้อำนาจตามมาตรา 56 พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ก่อนประชุมคระกรรมการของ ผบ.ตร. จะมีขึ้นในเวลา 09.00น. เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ10) ขึ้นรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ทำให้หลายฝ่ายมองว่า บัญชีการแต่งตั้งนายตำรวจระดับรอง ผบก.-สว.หรือโผเล็ก จะเป็นหน้าที่ของ ผบ.ตร.คนใหม่ขึ้นมาดำเนินการแทน แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท กลับเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร.ก่อนกำหนด และนำวาระการพิจารณาแต่งตั้งครั้งนี้ขึ้นมาดำเนินการ โดยทำเป็นหนังสือเวียนที่ 0007.25/7086 ถึง รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เชิญประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ถึงสารวัตร ในวาระการปรับโครงสร้างใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ดำเนินการพิจารณาเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมาดังกล่าวนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุม คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) คนใหม่ หลังมีกระแสข่าวว่า พรรคภูมิใจไทยอ้างว่าได้รับสัญญาณจากนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้เลือก พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร. ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ว่า ตนได้พูดคุยกับนายนิพนธ์ อยู่เป็นระยะ แต่เรื่องนี้มีข้อมูลอยู่หลายด้าน และตนฟังข้อมูลทุกด้าน คิดว่าน่าจะเรียกประชุม ก.ต.ช. ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จุดยืนในการเสนอชื่อ ผบ.ตร. ยังไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีแรงบีบอะไร เพราะทำเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมอยู่แล้ว ส่วนจะเสนอ 2 ชื่อตามที่พรรคภูมิใจไทย แนะนำหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ตนปฏิบัติตามกฎหมายที่ให้เสนอชื่อผบ.ตร. เพียงชื่อเดียว และไม่ว่าจะเสนอชื่อใคร จะต้องมีคำตอบให้กับสังคมได้
"ถึงเวลาก็รู้ว่าเสนอใคร เอาเป็นว่าตอนนี้ผมฟังข้อมูล พูดคุยกับหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขอใช้เวลาอีกนิดหนึ่ง ไม่มีอะไรเสียหาย และคนที่มีข้อมูลบางด้าน ก็ไม่ควรพูด เพราะข้อมูลทุกด้านมาที่ผม" นายกรัฐมนตรีกล่าว
**ไม่ห่วงภูมิใจไทยถอนตัว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ความเห็นในการการเลือก ผบ.ตร. ที่ไม่ตรงกันอาจจะส่งผลให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องถอนตัวคงไม่มี เพราะข้อมูลทุกอย่างอยู่ที่ตนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าทำไมการเลือก ผบ.ตร. ครั้งนี้ยากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าครั้งอื่นยากหรือไม่ยาก แต่ในอดีตก็เคยมีปัญหาในลักษณะที่ผู้มีอำนาจเสนอเข้าไป แล้วกรรมการไม่เห็นชอบก็เคยมี และ ไม่คิดว่าอำนาจของนายกรัฐมนตรีถูกบั่นทอนโดยคนใกล้ตัว ตนยังเชื่อว่าทุกคนมีความหวังดี
**ก.ตร.-"เทพ"ประชุมรับรองโผเล็กวันนี้
วานนี้(30 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักงานคณะกรรมการข้าราชตำรวจ (สง.ก.ตร.)ได้มีหนังสือแจ้งถึง ก.ตร.ทุกคนเพื่อเชิญประชุม ก.ตร.โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร.ได้เชิญประชุม ก.ตร.วันที่ 31 ส.ค. เวลา 09.00 น.
โดยมีวาระพิจารณาคุณสมบัติข้าราชการตำรวจที่มีนายตำรวจ 688 นาย ที่ต้องขออนุมัติ ก.ตร. เพื่อยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้ง ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมก.ตร.หลังจากการประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ถึงสารวัตร ในวาระการปรับโครงสร้างใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พล.ต.อ.พัชรวาท และ รอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ ร่วมพิจารณาเมื่อวัน 28 ส.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับวาระการประชุม ก.ตร. กำหนดหัวข้อในการประชุมไว้ 4 หัวข้อ คือ 1.สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (สง.ก.ตร.) จะสรุปรายละเอียดของโครงสร้าง ตร.ใหม่ และจำนวนตำแหน่งที่กำหนดเพิ่ม 2.สง.ก.ตร.สรุปรายละเอียดที่เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งระดับ สารวัตร ถึงผู้กำกับการ จำนวน 364 ตำแหน่ง ให้กับกลุ่มงานสืบสวนหาข่าวและกลุ่มงานป้องกันปราบปราม ในกองบังคับการต่างๆ ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (26 คำสั่ง) 3.กองกำลังพล สรุปแนวทางการปรับเกลี่ยข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งในส่วนราชการตามโครงสร้าง ตร.ใหม่ และ 4.คณะกรรมการพิจารณาบัญชีข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามที่ ผบ.ตร.เสนอ เรียงหน่วยตามส่วนราชการในโครงสร้าง ตร.ใหม่
นอกจากนี้ ยังมีวาระขอ ก.ตร.ในการเลื่อนการพิจารณาแต่งตั้งระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ขึ้นไปในวาระประจำปี 2552 ออกไป เนื่องจาก ก.ตร.เคยมีมติว่า การแต่งตั้งประจำปีต้องแล้วเสร็จก่อนวันที่ 30 ส.ค.แต่เนื่องจากการแต่งตั้งวาระประจำปีนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีข้อขัดข้องหลายอย่าง ขณะเดียวกันยังมีวาระที่ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา (สบ10) ทำหนังสือถาม ก.ตร.ถึงประเด็นให้พิจารณาว่า นายตำรวจยศ พล.ต.อ.เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. ควรมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมประชุม ก.ตร.ด้วยหรือไม่
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พัชรวาท ยังมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำบัญชีข้อมูลแต่งตั้งที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10) รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในขณะนั้น และแต่งตั้งให้พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เป็นหัวหน้าคณะทำงานแทน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ร่วมกันพิจารณาจัดทำบัญชีข้อมูลแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเข้าสู่ตำแหน่งตามโครงสร้างส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติใหม่ แล้วเสนอให้ ผบ.ตร.พิจารณาก่อนเสนอคณะกรรมการแต่งตั้ง
โดยคำสั่งดังกล่าวระบุเหตุผลในการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวว่า การแต่งตั้งข้าราชการใหม่ในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นการแต่งตั้งเพื่อปรับเกลี่ยบุคคลเดิมเข้าสู่ตำแหน่งใหม่ที่มีหน้าที่งานเช่นเดิม และไม่มีการพิจารณาแต่งตั้งเลื่อนดำรงตำแหน่งสูงขึ้น และเพื่อให้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงมาเสร็จทันภายในกำหนด จึงให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานดังกล่าว เพื่อเป็นการลดขั้นตอนการปฏิบัติ
สำหรับคำสั่งนี้มีขึ้นเพียง 1 วัน ก่อนที่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะนัดประชุม รอง ผบ.ตร. และจตช.ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.ถึงสารวัตร ตามโครงสร้างใหม่ ตามมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ให้ ผบ.ตร.ใช้อำนาจตามมาตรา 56 พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ก่อนประชุมคระกรรมการของ ผบ.ตร. จะมีขึ้นในเวลา 09.00น. เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ10) ขึ้นรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ทำให้หลายฝ่ายมองว่า บัญชีการแต่งตั้งนายตำรวจระดับรอง ผบก.-สว.หรือโผเล็ก จะเป็นหน้าที่ของ ผบ.ตร.คนใหม่ขึ้นมาดำเนินการแทน แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท กลับเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร.ก่อนกำหนด และนำวาระการพิจารณาแต่งตั้งครั้งนี้ขึ้นมาดำเนินการ โดยทำเป็นหนังสือเวียนที่ 0007.25/7086 ถึง รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เชิญประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ถึงสารวัตร ในวาระการปรับโครงสร้างใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ดำเนินการพิจารณาเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมาดังกล่าวนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่