ASTVผู้จัดการรายวัน-"พัชรวาท"ฟ้อง"เอเอสทีวี ผู้จัดการ"เป็นคดีที่ 2 อ้างถูกใส่ร้ายมีเอี่ยววิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจ ศาลนัดไต่สวน 23 พ.ย. เวลา 09.00 น.สุดแสบทิ้งทวนนัดประชุมปิดบัญชีโผเล็ก ก่อนส่ง ก.ตร."เทพเทือก"รับรอง 31 ส.ค.ปิดไม่ลับ ส่อเจตนายื้อสอบอาญา ฟันวินัยร้ายแรง เพื่อนร่วมรุ่น รอวันเกษียณพ้นผิด
วานนี้( 27 ส.ค.)เวลา 15.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบอำนาจให้นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด เจ้าของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ ,นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตาม ป.อาญา ม.136, 326, 328, 332 ประกอบ ม.83, 84, 90, 91
ตามโจทก์ฟ้องสรุปว่า หลังโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.2660/2552 ข้อหาดูหมิ่นและหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน แต่จำเลยทั้งสองยังกระทำซ้ำซากไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 10 - 26 ส.ค.52 จำเลยทั้งสอง มีเจตนากลั่นแกล้งที่ประสงค์ใส่ความโจทก์เพื่อประโยชน์ในทางการค้าจากการจำหน่ายหนังสือพิมพ์ โดยร่วมกันตีพิมพ์เผยแพร่ข้อความ เช่น “ มาร์คช็อก ตอ รีเทิร์น! ทวงตำแหน่งป้องโผพันล้าน” โดยมีเนื้อข่าวทำนองว่า โจทก์เดินทางกลับจากต่างประเทศเพื่อระงับการเปลี่ยนแปลงโผโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ
นอกจากนี้จำเลยทั้งสองยังดำเนินการหมิ่นประมาทอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกันตีพิมพ์บทความในคอลัมน์ “พิเศษรายงาน” ทำนองว่าการซื้อขายเก้าอี้ในวงการตำรวจ จนกลายเป็นประเด็นร้อน ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเก้าอี้ ผบ.ตร.ของโจทก์ โดยมีการวิ่งเต้นผ่านนายพลใกล้ชิดได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ และยังเขียนพาดพิงโจทก์ในคอลัมน์ “ริมรั้วปทุมวัน” ทำนองว่าโจทก์เป็นบุคคลในข่าวที่ถูกตีแผ่เรื่องเสียหายมานานนับเดือน แต่ยังคงสวมเครื่องแบบสีกากีนั่งเป็นผู้นำกรมปทุมอยู่ได้ รวมทั้งข้อความอื่นๆ ทำนองว่าโจทก์เกี่ยวข้องกับการวิ่งเต้นและซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยังพาดพิงทำนองว่าโจทก์นำบุตรสาวเข้ารับราชการเป็นตำรวจสัญญาบัตร ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษตามความผิด ให้จำเลยตีพิมพ์โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รวม 7 ฉบับ
ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 23 พฤศจิกายน นี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา เปิดเผยหลังทราบว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ยื่นฟ้องอีกคดีว่า การฟ้องของ พล.ต.อ.พัชรวาท ถือเป็นการฟ้องแก้เกี้ยวมากกว่า โดยตนมีพยานหลักฐานที่จะต่อสู้ในชั้นศาลได้ จึงไม่มีความหวั่นเกรงหรือเกรงกลัวใดๆโดยหนังสือพิมพ์ เอเอสทีวี ผู้จัดการ จะนำเสนอข่าวไปตามข้อเท็จจริงต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายตุลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้ยังมีหลักฐานเกี่ยวกับการใช้อำนาจโดยมิชอบของ พล.ต.อ.พัชรวาท ขณะบริหารงานอีกหลายเรื่อง และพร้อมที่จะเปิดเผยได้ทุกเมื่อ
**นัดประชุมจัดทำโผเล็กวันนี้
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีหนังสือเวียนที่ 0007.25/7086 ถึง รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เชิญประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ถึงสารวัตร ในวาระการปรับโครงสร้างใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเชิญประชุมที่ห้องประชุม 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 09.00 น.วันนี้ (28 ส.ค.)
มีรายงานว่า ที่ประชุมกำหนดหัวข้อในการประชุมไว้ 4 หัวข้อ คือ 1.สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (สง.ก.ตร.) จะสรุปรายละเอียดของโครงสร้าง ตร.ใหม่ และจำนวนตำแหน่งที่กำหนดเพิ่ม 2.สง.ก.ตร.สรุปรายละเอียดที่เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งระดับ สารวัตร ถึงผู้กำกับการ จำนวน 364 ตำแหน่ง ให้กับกลุ่มงานสืบสวนหาข่าวและกลุ่มงานป้องกันปราบปราม ในกองบังคับการต่างๆ ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (26 คำสั่ง)
3.กองกำลังพล สรุปแนวทางการปรับเกลี่ยข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งในส่วนราชการตามโครงสร้าง ตร.ใหม่ และ 4.คณะกรรมการพิจารณาบัญชีข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามที่ ผบ.ตร.เสนอ เรียงหน่วยตามส่วนราชการในโครงสร้าง ตร.ใหม่
**"เทพ"นัดประชุม ก.ตร.31 ส.ค.
ขณะที่มีรายงานว่า สง.ก.ตร.ได้มีหนังสือแจ้งแก่ ก.ตร.ทุกคนเพื่อเชิญประชุม ก.ตร.โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร.ได้เชิญประชุม ก.ตร.ในเวลา 09.00 น.วันที่ 31 ส.ค.โดยมีวาระพิจารณาคุณสมบัติข้าราชการตำรวจที่ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งวาระปรับโครงสร้างตามที่ ผบ.ตร.เสนอ
นอกจากนี้ ยังมีวาระขอ ก.ตร.ในการเลื่อนการพิจารณาแต่งตั้งระดับผู้บังคับการ (ผบก.)ขึ้นไปในวาระประจำปี 2552 ออกไป เนื่องจาก ก.ตร.เคยมีมติว่า การแต่งตั้งประจำปีต้องแล้วเสร็จก่อนวันที่ 30 ส.ค.แต่เนื่องจากการแต่งตั้งวาระประจำปีนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีข้อขัดข้องหลายอย่าง ขณะเดียวกันยังมีวาระที่ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา (สบ10) ทำหนังสือถาม ก.ตร.ถึงประเด็นให้พิจารณาว่า นายตำรวจยศ พล.ต.อ.เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. ควรมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมประชุม ก.ตร.ด้วยหรือไม่
**ฉาวอีกยื้อสอบเพื่อนรอเกษียณ
นอกจากนั้นวันเดียวกัน เอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน ได้รับหนังสือ ซึ่งเป็นใบตอบรับ ลงชื่อผู้รับ ส.ต.ท.สุรศักดิ์ สุทิน ที่ได้รับเอกสารหลักฐานจาก ฝ่ายสารบรรณ(1)สำนักงานเลขานุการตำรวจ(สลก.ตร.)เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็นเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วย ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค.ฉบับที่ 31 รวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน 689 แผ่น
อย่างไรก็ตาม สำหรับใบตอบรับเอกสารดังกล่าว เป็นเรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ได้มีหนังสือ ปช.ที่ 0040014/5280 ลงวันที่ 30 ก.ย.2551 เพื่อให้ดำเนินคดีอาญาและวินัยร้ายแรง พล.ต.ต.พิชิตพล แจ่มโสภณ ผู้บังคับการอำนวยการกองบัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบก.อก.บช.ส.)กรณีถูกกล่าวหาปลอมแปลงเอกสารการนำอาวุธปืน(ไรเฟิล)เข้าประเทศ เหตุเกิดขณะรับราชการอยู่ที่กองทะเบียน
สำหรับเรื่องดังกล่าว กลับพบว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.25 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ต.พิชิตพล แจ่มโสภณ ไม่ได้มีการสั่งการ เพื่อให้สอบวินัยร้ายแรง ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า เหมือนมีเจตนาเพื่อต้องการยื้อการสอบสวนออกไป เพื่อให้ พล.ต.ต.พิชิตพล พ้นการสอบสวน ด้วยเหตุเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.นี้
ด้าน พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บังคับการกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงเรื่องนี้ เพียงสั้นๆโดยยอมรับว่า ตนเคยเห็นเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่จำรายละเอียดไม่ได้ ต้องขอเวลาในการตรวจสอบก่อนและจะชี้แจงถึงความคืบหน้าในภายหลัง
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.ต.พิชิตพล และเพื่อนร่วมรุ่น นรต.25 ถึงเรื่องดังกล่าว โดย พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นเรื่อง และการจะไปกล่าวหาใครทำให้เขาเสียหาย จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ เพราะหากพูดออกไป ผู้ที่ถูกกล่าวหา จะได้รับความเสียหายได้
วานนี้( 27 ส.ค.)เวลา 15.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบอำนาจให้นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด เจ้าของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ ,นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตาม ป.อาญา ม.136, 326, 328, 332 ประกอบ ม.83, 84, 90, 91
ตามโจทก์ฟ้องสรุปว่า หลังโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.2660/2552 ข้อหาดูหมิ่นและหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน แต่จำเลยทั้งสองยังกระทำซ้ำซากไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 10 - 26 ส.ค.52 จำเลยทั้งสอง มีเจตนากลั่นแกล้งที่ประสงค์ใส่ความโจทก์เพื่อประโยชน์ในทางการค้าจากการจำหน่ายหนังสือพิมพ์ โดยร่วมกันตีพิมพ์เผยแพร่ข้อความ เช่น “ มาร์คช็อก ตอ รีเทิร์น! ทวงตำแหน่งป้องโผพันล้าน” โดยมีเนื้อข่าวทำนองว่า โจทก์เดินทางกลับจากต่างประเทศเพื่อระงับการเปลี่ยนแปลงโผโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ
นอกจากนี้จำเลยทั้งสองยังดำเนินการหมิ่นประมาทอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกันตีพิมพ์บทความในคอลัมน์ “พิเศษรายงาน” ทำนองว่าการซื้อขายเก้าอี้ในวงการตำรวจ จนกลายเป็นประเด็นร้อน ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเก้าอี้ ผบ.ตร.ของโจทก์ โดยมีการวิ่งเต้นผ่านนายพลใกล้ชิดได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ และยังเขียนพาดพิงโจทก์ในคอลัมน์ “ริมรั้วปทุมวัน” ทำนองว่าโจทก์เป็นบุคคลในข่าวที่ถูกตีแผ่เรื่องเสียหายมานานนับเดือน แต่ยังคงสวมเครื่องแบบสีกากีนั่งเป็นผู้นำกรมปทุมอยู่ได้ รวมทั้งข้อความอื่นๆ ทำนองว่าโจทก์เกี่ยวข้องกับการวิ่งเต้นและซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยังพาดพิงทำนองว่าโจทก์นำบุตรสาวเข้ารับราชการเป็นตำรวจสัญญาบัตร ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษตามความผิด ให้จำเลยตีพิมพ์โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รวม 7 ฉบับ
ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 23 พฤศจิกายน นี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา เปิดเผยหลังทราบว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ยื่นฟ้องอีกคดีว่า การฟ้องของ พล.ต.อ.พัชรวาท ถือเป็นการฟ้องแก้เกี้ยวมากกว่า โดยตนมีพยานหลักฐานที่จะต่อสู้ในชั้นศาลได้ จึงไม่มีความหวั่นเกรงหรือเกรงกลัวใดๆโดยหนังสือพิมพ์ เอเอสทีวี ผู้จัดการ จะนำเสนอข่าวไปตามข้อเท็จจริงต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายตุลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้ยังมีหลักฐานเกี่ยวกับการใช้อำนาจโดยมิชอบของ พล.ต.อ.พัชรวาท ขณะบริหารงานอีกหลายเรื่อง และพร้อมที่จะเปิดเผยได้ทุกเมื่อ
**นัดประชุมจัดทำโผเล็กวันนี้
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีหนังสือเวียนที่ 0007.25/7086 ถึง รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เชิญประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ถึงสารวัตร ในวาระการปรับโครงสร้างใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเชิญประชุมที่ห้องประชุม 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 09.00 น.วันนี้ (28 ส.ค.)
มีรายงานว่า ที่ประชุมกำหนดหัวข้อในการประชุมไว้ 4 หัวข้อ คือ 1.สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (สง.ก.ตร.) จะสรุปรายละเอียดของโครงสร้าง ตร.ใหม่ และจำนวนตำแหน่งที่กำหนดเพิ่ม 2.สง.ก.ตร.สรุปรายละเอียดที่เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งระดับ สารวัตร ถึงผู้กำกับการ จำนวน 364 ตำแหน่ง ให้กับกลุ่มงานสืบสวนหาข่าวและกลุ่มงานป้องกันปราบปราม ในกองบังคับการต่างๆ ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (26 คำสั่ง)
3.กองกำลังพล สรุปแนวทางการปรับเกลี่ยข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งในส่วนราชการตามโครงสร้าง ตร.ใหม่ และ 4.คณะกรรมการพิจารณาบัญชีข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามที่ ผบ.ตร.เสนอ เรียงหน่วยตามส่วนราชการในโครงสร้าง ตร.ใหม่
**"เทพ"นัดประชุม ก.ตร.31 ส.ค.
ขณะที่มีรายงานว่า สง.ก.ตร.ได้มีหนังสือแจ้งแก่ ก.ตร.ทุกคนเพื่อเชิญประชุม ก.ตร.โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร.ได้เชิญประชุม ก.ตร.ในเวลา 09.00 น.วันที่ 31 ส.ค.โดยมีวาระพิจารณาคุณสมบัติข้าราชการตำรวจที่ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งวาระปรับโครงสร้างตามที่ ผบ.ตร.เสนอ
นอกจากนี้ ยังมีวาระขอ ก.ตร.ในการเลื่อนการพิจารณาแต่งตั้งระดับผู้บังคับการ (ผบก.)ขึ้นไปในวาระประจำปี 2552 ออกไป เนื่องจาก ก.ตร.เคยมีมติว่า การแต่งตั้งประจำปีต้องแล้วเสร็จก่อนวันที่ 30 ส.ค.แต่เนื่องจากการแต่งตั้งวาระประจำปีนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีข้อขัดข้องหลายอย่าง ขณะเดียวกันยังมีวาระที่ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา (สบ10) ทำหนังสือถาม ก.ตร.ถึงประเด็นให้พิจารณาว่า นายตำรวจยศ พล.ต.อ.เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. ควรมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมประชุม ก.ตร.ด้วยหรือไม่
**ฉาวอีกยื้อสอบเพื่อนรอเกษียณ
นอกจากนั้นวันเดียวกัน เอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน ได้รับหนังสือ ซึ่งเป็นใบตอบรับ ลงชื่อผู้รับ ส.ต.ท.สุรศักดิ์ สุทิน ที่ได้รับเอกสารหลักฐานจาก ฝ่ายสารบรรณ(1)สำนักงานเลขานุการตำรวจ(สลก.ตร.)เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็นเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วย ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค.ฉบับที่ 31 รวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน 689 แผ่น
อย่างไรก็ตาม สำหรับใบตอบรับเอกสารดังกล่าว เป็นเรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ได้มีหนังสือ ปช.ที่ 0040014/5280 ลงวันที่ 30 ก.ย.2551 เพื่อให้ดำเนินคดีอาญาและวินัยร้ายแรง พล.ต.ต.พิชิตพล แจ่มโสภณ ผู้บังคับการอำนวยการกองบัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบก.อก.บช.ส.)กรณีถูกกล่าวหาปลอมแปลงเอกสารการนำอาวุธปืน(ไรเฟิล)เข้าประเทศ เหตุเกิดขณะรับราชการอยู่ที่กองทะเบียน
สำหรับเรื่องดังกล่าว กลับพบว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.25 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ต.พิชิตพล แจ่มโสภณ ไม่ได้มีการสั่งการ เพื่อให้สอบวินัยร้ายแรง ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า เหมือนมีเจตนาเพื่อต้องการยื้อการสอบสวนออกไป เพื่อให้ พล.ต.ต.พิชิตพล พ้นการสอบสวน ด้วยเหตุเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.นี้
ด้าน พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บังคับการกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงเรื่องนี้ เพียงสั้นๆโดยยอมรับว่า ตนเคยเห็นเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่จำรายละเอียดไม่ได้ ต้องขอเวลาในการตรวจสอบก่อนและจะชี้แจงถึงความคืบหน้าในภายหลัง
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.ต.พิชิตพล และเพื่อนร่วมรุ่น นรต.25 ถึงเรื่องดังกล่าว โดย พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นเรื่อง และการจะไปกล่าวหาใครทำให้เขาเสียหาย จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ เพราะหากพูดออกไป ผู้ที่ถูกกล่าวหา จะได้รับความเสียหายได้