xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คสั่งสอบ"ป๊อด"โกง"เทือก"เผยธาตุแท้ป้องตอยันไม่เด้งพ้นผบ.ตร.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค" ยืนตามกฤษฎีกา ตั้งกก.สอบ"พัชรวาท" ข้อหาทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้างประชาสัมพันธ์ สตช. โยน "เทพเทือก"จัดการ พร้อมเรียกประชุม ก.ต.ช.สัปดาห์หน้า ยันเสนอ"ปทีป"ชื่อเดียว มั่นใจไม่มีหน้าแตกซ้ำ "เทือก"โดดป้อง"ป๊อด" ลั่นเป็นคนดี ขอดองต่อ ยังไม่เด้งเข้าสำนักนายกฯ ด้าน"เสรีพิศุทธ์" ลั่นต้องเด้งพ้นเก้าอี้ผบ.ตร. ให้เวลา 1 สัปดาห์ ขู่หากยังอุ้มกันต่อไป เจอฟ้องละเว้นปฏิบัติหน้าที่

วานนี้ (25 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลได้ถามความเห็นไปยังกฤษฎีกา เกี่ยวกับการสอบทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้างบริษัทเอกชนทำการประชาสัมพันธ์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ถูกกล่าวหาว่า ขณะนี้กฤษฎีกาได้ตอบมาแล้ว และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานมาแล้วว่ากฤษฎีกา มีความเห็นจะต้องดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เสนอมาที่ตน และตนเห็นชอบไปแล้ว

ส่วนจะต้องมีคำสั่งให้ย้ายผู้ที่ถูกคณะกรรมการสอบ มาช่วยราชการหรือไม่นั้น เป็นอีกขั้นหนึ่ง ตอนนี้เป็นเรื่องที่นายสุเทพ ต้องไปดำเนินการตั้งคณะกรรมการ และรายงานมาให้ตนทราบอีกครั้ง

ทั้งนี้ตัวบุคคลที่จะมาเป็นประธานกรรมการสอบนั้น นายสุเทพ จะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งจะมีเงื่อนไขตามกฎหมายของตำรวจอยู่แล้ว ส่วนจะได้ตัวกรรมการเมื่อไร ก็ต้องไปถามนายสุเทพ เมื่อถามว่าหลังการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. เสนอว่า ต้องย้ายคนที่เกี่ยวข้องมาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ตรงนี้ได้พิจารณาแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายสุเทพ จะรายงานขึ้นมาว่า เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการแล้ว โดยหลักของกฎหมายคือ จะมีปัญหาอุปสรรคต่อการทำงานของคณะกรรมการหรือไม่

เมื่อถามว่าการตั้งคณะกรรมการสอบเหมือนกับเป็นการพิจารณา สมัยที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นให้ พล.ต.อ.พัชรวาท มาช่วยราชการ จำเป็นจะต้องทำเหมือนที่นายสมชาย ทำหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายสุเทพ จะเป็นผู้นำเสนอมาอีกครั้ง และตนต้องรอให้มีการตั้งคณะกรรมการที่ชัดเจน ส่วนจะใช้เวลานานหรือไม่ ต้องถามนายสุเทพ เพราะตนได้เห็นชอบไปแล้ว

**"เทือก"ป้อง"ป๊อด"ยังไม่เด้งเข้ากรุ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กฤษฎีกาได้เสนอความเห็นมา 2 กรณี คือ 1.ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ตามพ.ร.บ.ตำรวจ มาตรา 84 2.ให้เป็นดุลยพินิจของผู้มีอำนาจ ซึ่งนายกฯได้มอบให้ตนดำเนินการ จึงเป็นดุลยพินิจของตน ที่จะสั่งยุติเรื่อง ไม่ตั้งกรรมการสอบสวนก็ได้ แต่ตนได้ให้ความเห็นกับนายกฯไปว่า ควรตั้งกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 84 ซึ่งนายกฯ ก็ให้ความเห็นชอบ ตนจึงให้ปลัดสำนักนายกฯ ไปยกร่างคำสั่ง เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งใน 1-2 วันนี้ ปลัดสำนักนายกฯ คงร่างคำสั่งเสร็จ จากนั้นตนจะเซ็นตั้งกรรมการอีกครั้ง ซึ่งการสอบสวนจะดำเนินการตามกฎหมาย และกรรมการที่ตั้งขึ้นมา มีองค์ประกอบตามกฎหมายถูกต้องทุกอย่าง

เมื่อถามว่า คดีนี้ค้างมาตั้งแต่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มีการให้ พล.ต.อ.พัชรวาทไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี การดำเนินการครั้งนี้จะต้องทำอย่างนั้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่จำเป็น โดยกรอบเวลาในการสอบสวน จะทำตามกฎหมาย เมื่อถามย้ำว่า พล.ต.อ.พัชรวาท จะเกษียณอายุราชการแล้ว การสอบสวน ควรจะให้แล้วเสร็จก่อนเกษียณหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เราคงไม่ไปก้าวล่วงกรรมการ อำนาจใครอำนาจมัน แต่กรรมการก็ต้องเข้าใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าผลสอบสรุปช้ากว่าการเกษียณอายุราชการ แล้วผลสอบจะมีประโยชน์อะไร นายสุเทพ ตอบว่า ทำไมต้องพูดดักหน้าดักหลัง ว่ามาช้าหรือมาเร็ว เพราะผลสอบอาจมาเร็วกว่าที่คาดก็ได้ เมื่อถามย้ำอีกว่า หากให้พล.ต.อ.พัชรวาท อยู่ในตำแหน่งต่อไป เชื่อว่ากรรมการจะสามารถสอบหาข้อเท็จจริงได้หรือไม่ นายสุเทพ ตอบว่า ตนจะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องของตน แต่การปฏิบัติหน้าที่จะเอาความรู้สึกส่วนตัวมากำหนดไม่ได้ ต้องว่าไปตามกฎเกณฑ์กติกา ตนขอตั้งกรรมการดูก่อน ขอทำทีละขั้น โดยไม่ได้คาดหมายว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้ววันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ก็ทำต่อ จะดีกว่า

เมื่อถามว่า เป็นเพราะพล.ต.อ.พัชรวาท เป็นน้องของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมหรือไม่ จึงทำให้ทำอะไรยากกว่าคนอื่น นายสุเทพ ตอบว่าไม่เห็นยากอะไรเลย ตนก็ทำตามปกติ ไม่ได้คำนึงว่าเป็นญาติใครหรือไม่เป็นญาติใคร ตนไม่อยากให้เกิดความสับสนเกินเหตุ มันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล

ต่อข้อถามว่า กำลังปกป้อง พล.ต.อ.พัชรวาท อยู่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนปกป้องข้าราชการที่ดีทุกคน เมื่อถามว่าในสายตาของนายสุเทพ พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นข้าราชการที่ดีหรือไม่ นายสุเทพ ตอบว่า “ขณะนี้ผมเห็นว่าเขายังเป็นคนดีอยู่ เพราะว่ายังไม่ปรากฎว่าเขาทำอะไรร้าย จนกว่าผมจะเห็นว่าเขาทำอะไรร้ายก็ค่อยว่ากัน"

**"เสรีพิศุทธ์"ลั่นต้องเด้ง"พัชรวาท"
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐนตรี เห็นชอบตามคำแนะนำของกฤษฎีกา ที่ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริงในการทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์สำนักงานตำรวจแห่ชาติว่า ความจริงเรื่องนี้มันน่าจะคืบหน้านานแล้ว แต่กลับถูกดองเรื่องไว้ โยนไปที่ ก.พ.และโยนมาที่กฤษฎีกา ซึ่งสมัยที่ตนเป็น ผบ.ตร.ได้กระทำการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้ตามมาตรา 94 วรรค 1 ของพ.ร.บ.ตำรวจไปเรียบร้อยแล้ว นายกฯสามารถตั้งกรรมการสอบตาม มาตรา 86 ได้ทันที

ทั้งนี้ หลังนายกฯ เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนโดยให้ นายสุเทพ เป็นผู้รับผิดชอบนั้น ตนเห็นว่าหากจะตั้งกันจริงๆ แค่วันสองวัน ก็ได้ตัวกรรมการแล้ว เว้นแต่มีเจตนาดองเรื่องไว้ ทั้งนี้ตนให้เวลา 1 สัปดาห์ และหากได้ตัวคณะกรรมการดังกล่าวแล้ว นายกฯควรจะพิจารณาออกคำสั่งให้พล.ต.อ.พัชรวาท มาช่วยราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดโอกาสให้คณะกรรมการสืบสวนได้ทำงานอย่างสบาย เพราะผบ.ตร. ถือเป็นหัวหน้าบริหารสำนักงาน ไม่เหมาะที่จะนั่งในขณะที่ตัวเองถูกสืบสวนและเชื่อว่าหลักฐานต่างๆ คงถูกทำลายหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากนายกรัฐมนตรีไม่พิจารณาให้ พล.ต.อ.พัชรวาท มาช่วยราชการ ตนจะฟ้องร้องดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยจะรวบรวมข้อมูลหลักฐาน และเปิดโปงพฤติกรรมต่างๆ ที่ให้การช่วยเหลือ พร้อมจะเดินทางไปยื่นข้อมูลหลักฐานต่อ ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบต่อไป โดยตนจะให้เวลา 1 สัปดาห์ ในการตั้งคณะกรรมการขึ้น

**ตั้งผบ.ตร.ใหม่สัปดาห์หน้า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อตั้งผบ.ตร.คนใหม่ ว่า น่าจะเป็นสัปดาห์หน้า เพราะสัปดาห์นี้ติดประชุมสภา ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมครั้งนี้มั่นใจว่า จะได้ข้อสรุปตัว ผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าได้ข้อสรุป

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าตนจะเสนอชื่อผบ.ตร.คนใหม่ต่อที่ประชุมก.ต.ช.เพียงคนเดียว เพราะตามกฎหมาย ตนไม่มีหน้าที่ที่จะทำเป็นอย่างอื่นได้ เพราะกฎหมายใช้คำว่า นายกรัฐมนตรีพิจารณาคัดเลือกแล้วเสนอเพื่อให้ ก.ต.ช.เห็นชอบ ไม่ได้บอกให้ก.ต.ช. คัดเลือก หรือ เลือกตั้ง ส่วนจะเสนอชื่อคนเดิมหรือไม่ ก็ขอให้รอการประชุมก็แล้วกัน

นายอภิสิทธิ์ เชื่อมั่นว่า การประชุมก.ต.ช.ครั้งใหม่นี้ จะไม่มีปัญหาเหมือนครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากความเข้าใจของก.ต.ช.ในเรื่องเหตุผลต่างๆ น่าจะมีความสอดคล้องต้องกันมากขึ้น น่าจะมีเอกภาพมากขึ้น แต่ตนก็เคารพสิทธิ์ของก.ต.ช.ไม่อยากพูดอะไรล่วงหน้า

เมื่อถามว่านายกฯจะผิดหวังรอบ 2 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมคงไม่อยากผิดหวังรอบ 2 " เมื่อถามว่าหากเกิดปัญหาแบบครั้งที่แล้ว นายกฯ จะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมว่าไม่เกิด เพราะมันไม่เหมือนครั้งที่แล้ว"

เมื่อถามว่าแสดงว่าจะเปลี่ยนการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ ตนเพียงแต่บอกมันไม่เหมือนครั้งที่แล้ว เมื่อถามว่าได้คุยกับนายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายนิพนธ์ไม่ได้เป็นก.ต.ช.

เมื่อถามว่ายืนยันหรือไม่ว่าจะได้ชื่อภายในสิ้นเดือนนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ้นเดือนนี้เหลือวันจันทร์ วันเดียว อาจจะทัน ซึ่งตนจะดูเวลาและการนัดหมายอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ก.ตร. ตนได้ตรวจสอบไปแล้ว ซึ่ง ก.ตร.เขาดำเนินการของเขาได้ เพราะจริงๆ เงื่อนเวลาตามกฎ ก.ตร.อยู่ที่ ก.ตร.ไม่เกี่ยวกับก.ต.ช.

เมื่อถามว่า ถ้าเสียงออกมาในลักษณะเดิมนายกฯ จะใช้สิทธิ์ฐานะประธานตัดสินหรือไม่เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อ นายอภิสิทธิ์ หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า ไหนบอกว่าจะไม่ใช้คำถาม “ถ้า”

เมื่อถามว่ามีรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ดึงรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับผู้คับการ ลงมาพิจารณาใหม่ และให้ส่งชื่อภายในวันนี้ ได้รับรายงานหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของ ก.ตร. ตนดูแล ก.ต.ช. แต่ถ้าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของท่าน ก็เป็นสิ่งที่ทำได้อยู่แล้ว

**ดักคอ"ป๊อด"โผเล็กต้องโปร่งใส
จากกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้ ผู้บัญชาการตำรวจ หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ผู้บังคับการในสังกัด สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ตรวจรายชื่อข้าราชการตำรวจ ตามบัญชีข้อมูลเสนอปรับเกลี่ยในระดับตำแหน่งเท่าเดิมของข้าราชการตำรวจ เพื่อเข้าสู่โครงสร้างใหม่ ที่มีควาจำเป็นจะต้องขอยกเว้นคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งต่อ ก.ตร. พร้อมเหตุผลความจำเป็นซึ่งได้จัดส่งมายัง ผู้บังคับการกองกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผ่าน ผบก.กพ.) โดยด่วน ภายในวันที่ 25 ส.ค. 52 นั้น

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา เลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมา ก.ตร.มีมติที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า กรณีที่มีการยกเว้นแบบพักว่างไม่ได้ ต้องยกเว้นเป็นรายบุคคล จึงมีความจำเป็นต้องเสนอเข้าไปที่ ก.ตร. เพื่ออนุมัติเป็นรายบุคคล ตนเข้าใจว่า สิ่งที่ผบ.ตร. ทำก็คือว่า กรณีที่ต้องมีข้อยกเว้นเฉพาะเป็นรายบุคคล เพื่อที่จะเสนอ ก.ตร. เป็นขั้นตอนตามปกติ

ส่วนที่ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ 10 ในขณะที่รักษาการเป็น ผบ.ตร. ดำเนินการ เมื่อ ผบ.ตร.กลับมาจึงยังเป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.พัชรวาท ในการจัดทำบัญชีต่อไป และในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ก็ต้องมีหน้าที่ในการจัดทำการโยกย้ายตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการ เพราะใน พ.ร.บ.แบ่งส่วนราชการ ซึ่งมีความจำเป็นต้องยกเว้นคุณสมบัติ

นายศิริโชค กล่าวว่า เข้าใจว่าในขณะนั้น ต่างคนก็ต่างทำกันในช่วงที่ พล.ต.อ.วิเชียร รักษาการ ก็ได้เตรียมทำการโยกย้ายด้วย พอผบ.ตร.กลับมา ก็นำกลับมาทำใหม่ และรายชื่อทั้งหมดนายกฯ ก็ไม่ได้ดู ไม่เกี่ยวกับนายกฯ เป็นเรื่องของนโยบาย เพราะเป็นเรื่องของ ก.ตร.ในการกลั่นกรองการโยกย้าย

"เวลานี้โผยังไม่เสร็จ มันยังมองยาก สุดท้ายกระบวนการที่ทำไปโปร่งใส หรือไม่ แต่ถ้าดูจากมาตรฐานจากปี 51 ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่า มันไม่มีความเป็นธรรมเยอะมาก เพราะมีคนที่ร้องเรียนเยอะมาก มีเป็น 100 คนแล้ว และในส่วนที่ไมได้ร้องเรียนอีกเท่าไร เราก็มีความเชื่อมั่นว่า ถ้ามีการตรวจสอบทำอย่างเป็นระบบการโยกย้ายในปี 52 จะมีความเป็นธรรม และเป็นระบบมากขึ้น และการโยกย้ายตามกฤฎีกาแบ่งส่วนราชการควรจะเสร็จสิ้นก่อนมีผลบังคับใช้คือวันที่ 7 ก.ย. เพราะไม่อย่างนั้นเหมือนกับว่าเราทุบบ้านเก่าทิ้งไป และมีบ้านใหม่ แต่ไม่มีคนมาลง" นายศิริโชค กล่าว

นายศิริโชค กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ตนไปร้องเป็นไปตามคำเชิญของอนุ ก.ตร.ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ตั้งขึ้นมา ส่วนในเรื่องของกรรมาธิการฯ ตนก็เพียงไปชี้แจง ยังไม่ได้ส่งหลักฐาน เอกสาร เพราะได้บอกไปแล้วว่า ทั้งหมดจะเสร็จสิ้นเมื่อโผการแต่งตั้งเสร็จแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับโฆษก อนุฯก.ตร. พล.ต.ท.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก็ให้ข่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า ขณะนี้ท่านกำลังดูการการโยกย้ายในปี 51 เพื่อนำมาเป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบ และปี 52 ท่านก็ยังไม่เห็นบัญชีโยกย้าย

"มันป้องกันไมได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยก็คงจะดีขึ้น ไม่ว่าจะใครจะเป็นคนที่ดูแลการแต่งตั้งโยกย้าย ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนว่า มีการตั้งโต๊ะซื้อขายตำแหน่งนั้น ก็เป็นส่วนที่ อนุฯ ก.ตร. คณะพิเศษ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อกล่าวหาการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องไปดูให้เกิดความโปร่งใส เพราะว่าเมื่อสังคมมีข้อท้วงติงไป ก็ต้องทำให้สังคมเกิดความเชื่อมั่น" นายศิริโชคกล่าว

**ยุคนี้ ผบ.ตร.ต้องเก่งบริหาร
นายศิริโชค ยังกล่าวถึงการประชุมก.ต.ช.เพื่อตั้งผบ.ตร.คนใหม่ว่า ก.ต.ช.บางคนอาจจะไม่เข้าใจในอำนาจที่ตัวเองมีอยู่ และใช้อำนาจเกินขอบเขต ต้องทำความเข้าใจกับกรรมก.ต.ช. ว่าไม่ใช่เป็นการโหวตเพื่อจะเอาอีกคนหนึ่ง เพราะ ผบ.ตร. ต้องทำงานกับนายกฯ เพราะฉะนั้นเขาเลยมีระบบคัดเลือก และเสนอชื่อให้ ก.ต.ช.ลงมติเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ เชื่อว่าการประชุม ก.ต.ช.ครั้งต่อไปนายกฯ จะชี้แจงทำความเข้าใจกับ ก.ต.ช.ได้

เมื่อถามว่า บางข้ออ้างที่พรรคร่วมรัฐบาลระบุว่า พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. ลักษณะบู๊ ทำงานด้านความมั่นคงได้ ขณะที่ พล.ต.ท.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจ เก่งงานทางด้านบริหาร นายศิริโชค กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะในองค์กรตำรวจ แต่ทุกๆ องค์กร ต้องเอาคนที่เก่งงานบริหารมา ส่วนเรื่องของการสืบสวน สอบสวน สามารถมอบให้คนอื่นทำงานได้ และที่ผ่านมาก็มีอดีต ผบ.ตร.หลายท่านมีความสามารถในการบริหาร และจัดการองค์กรนี้ได้ เพราะงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนอย่างเดียว ยังมีหน้าที่อื่นๆ อีกหลากหลาย ซึ่งตนคิดว่า ต้องเอาคนที่มีความสามารถด้านการบริหาร คิดว่านายกฯ ก็เชื่ออย่างนั้นด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น