"ประทิน" หนุน "มาร์ค" ไล่บี้ความผิด "ชวรัตน์" ฐานมุบมิบเซ็นส่ง "พัชรวาท" คืนถิ่น สตช. ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ถูก "เสรีพิศุทธ์" ตั้งกรรมการสอบฯความผิด พบทุจริตร้ายแรงขณะปฏิบัติหน้าที่ เชื่อ ในที่ประชุม ก.ต.ช. มีล็อบบี้ก่อนโหวตคว่ำชื่อ "ปทีป" เผย มีความพยายามดัน "จุมพล" ขึ้นเป็น ผบ.ตร. เพื่อหวังช่วยเอื้อประโยชน์ทางการเมือง ก่อนการันตียัน "ปทีป" เก่ง เหมาะนั่ง ผบ.ตร.คนใหม่
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "รู้ทันประเทศไทย"
รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.30-20.00 น. โดยวันจันทร์ที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา มี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายสันติสุข มะโรงศรี เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้เชิญ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ มาพูดคุยและวิเคราะห์ถึงความไม่ชอบมาพากลในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ในฐานะที่คลุกคลีกับวงการตำรวจมานาน
โดย พล.ต.อ.ประทิน กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ว่า ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีอำนาจตามกฏหมายเต็มที่ โดยกฏหมายบัญญัติไว้ว่า ในการแต่งตั้งตำแหน่ง ผบ.ตร. เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม เข้าสู่ที่ประชุม ก.ต.ช. และนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าแต่งตั้ง โดยเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฏหมายมาตลอด ทั้งเรื่องคัดเลือกรายชื่อและนำเข้าสู่ที่ประชุม ก.ต.ช. ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. แต่ทางคณะกรรมการ ก.ต.ช. ที่มีหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นชอบ กลับขัดขานายกรัฐมนตรี ทั้ง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่เสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ก็ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมถึงคัดค้าน แต่อันที่จริงแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นมารยาททางการเมือง ไม่ควรมีการหักหน้านายกรัฐมนตรี เนื่องจากถือเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้เสถียรภาพไม่มั่นคง มีความแตกแยก ทำให้ประชาชนเริ่มหวั่นไหวกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
"การโหวตลงมติในที่ประชุม ก.ต.ช.ครั้งที่ผ่านมา ถ้าหากบอกว่าคณะกรรมการ ก.ต.ช. คนอื่นไม่ได้มีการล็อบบี้กัน ตนไม่เชื่อ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่หลายคนจะมีความคิดเห็นตรงกันเช่นนี้ โดยสาเหตุที่อีกฝ่ายคัดค้าน เพราะต้องการจะเสนอชื่อ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ขึ้นเป็น ผบ.ตร. เนื่องจากตำแหน่งนี้มีความสำคัญ อาจมีส่วนช่วยเอื้อประโยชน์ทางการเมืองในด้านต่างๆ" พล.ต.อ.ประทิน กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีคนขนเงินจำนวน 200 ล้านบาทเข้าประเทศ เพื่อมาใช้เคลื่อนไหวในการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประเด็นนี้ พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ตนเคยได้ยินข่าวเรื่องนี้มาเหมือนกัน โดยคนที่สามารถนำเงินจำนวนมากขนาดนั้นเข้าประเทศมาได้ ต้องเป็นคนไม่ธรรมดา
จากนั้น เมื่อถามถึง นิสัยใจคอ พล.ต.อ.ปทีป ที่นายกรัฐมนตรีเสนอเป็นเช่นไร พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ตนรู้จักประวัติ พล.ต.อ.ปทีป มาก่อนหน้านี้ ซึ่ง ต้องบอกว่าไม่มีอะไรเสียหาย เป็นคนมีความรู้ ความสามารถดี มีอุดมการณ์ยึดหลักกฏหมายในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีด้านใดด่างพร้อย ไร้มลทิน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถหยิบยกประเด็นใดขึ้นมาโจมตีได้
จากนั้น อ.เจิมศักดิ์ ได้เปิดประเด็นที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.พัชรวาท เคยถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่า มีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาที่ไม่เป็นไปตามระเบียบพัสดุเมื่อปี 2548 และผลสรุปของคณะกรรมการสอบสวน ระบุว่า พล.ต.อ.พัชรวาท มีความผิดร้ายแรง เรื่องนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปให้นายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น คือ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้พิจารณา ซึ่งกรณีนี้ถูกดองเงียบไป ทั้งที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ท้วงถามหลายครั้ง จนเรื่อยมาถึงรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้ย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่านำไปช่วยราชการ พร้อมกับเผยเปิดว่า กำลังเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่นายสมชาย หลุดพ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไป เสียก่อน จากนั้นเมื่อ นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และกำลังจะเข้าเฝ้าฯ ขึ้นรับตำแหน่ง แต่นายชวรัตน์ ที่ตอนนั้นเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เซ็นหนังสือส่ง พล.ต.อ.พัชรวาท กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเร่งด่วน
พล.ต.อ.ประทิน กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า ให้ไปไล่ดูเหตุผลตั้งแต่แรกเมื่อครั้งส่งตัว พล.ต.อ.พัชรวาท ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีว่าเพราะอะไร ส่วนต่อมาให้ดูเหตุผลว่าทำไม นายชวรัตน์ ต้องรีบร้อนออกคำสั่งส่ง พล.ต.อ.พัชรวาท กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมาอ้างว่าช่วยราชการเสร็จแล้วไม่ได้ ทั้งที่ ผลสอบสวนก่อนหน้าระบุถึงความผิด พล.ต.อ.พัชรวาท อย่างชัดเจน ทำให้เกิดพิรุธ และส่อให้เห็นว่า นายชวรัตน์ เป็นคนที่ใช้ไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ ต้องตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้ ฐานที่ นายชวรัตน์ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เมื่อถามถึงกรณีที่ พรรคภูมิใจไทย เสนอกม.นิรโทษกรรมให้แก่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มคนเสื้อแดง พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า โดยหลักการแล้วเรื่องนี้ทำไม่ได้ เพราะเป็นการขอนิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวกับการเมือง ไม่ใช่คดีที่ทำผิดทางอาญา โดยเฉพาะการชุมนุมพันธมิตรฯ ไม่ต้องการนิรโทษกรรมใดๆ เพราะไม่ได้ทำผิดกฏหมาย และไม่มีความผิดทางอาญา แต่ถ้าเป็นการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง มีการทำร้ายร่างกายผู้อื่นมาตลอด นั่นถือเป็นความผิดทางอาญา ไม่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม เพราะจะทำให้กฏหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์
ขณะที่ กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า หากฝ่ายใดอยากให้เกิดการนิรโทษกรรมแก่ทุกฝ่าย ต้องเลือกพรรคเพื่อไทยนั้น พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิมพูดได้ในฐานะที่เป็นนักการเมือง ซึ่งในความเห็นของตนแล้ว คำพูดเหล่านี้ถือเป็นการหาเสียง เพราะกฏหมายนิรโทษกรรมเป็นความต้องการทำลายกระบวนการยุติธรรม ตนถือว่าคนที่พูดเช่นนี้ไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆ คนที่ฟังบางคนคิดไม่ได้ ก็หลงเชื่อฟังคำพูดคนพวกนี้ แต่ตนไม่เห็นด้วย
