xs
xsm
sm
md
lg

จอดับที่ช่อง 11ไม่ธรรมดา ขรก.พร้อมพยศตาม “ใบสั่ง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อุบัติเหตุ “จอดับ” ที่เกิดขึ้นกับการถ่ายทอดสดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีผู้กำกับดูแลสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 และกรมประชาสัมพันธ์ ต้องรับผิดไปเต็มๆ และจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
ถ้าหากอยากอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป ก็ต้องออกมาจัดการแก้ไขปัญหาเรื่องคนในช่อง 11 และต้องรับปากว่า จะไม่ให้มีจอดับเกิดซ้ำขึ้นอีก
แต่คำสั่งปลดนาย สุริยงค์ หุนฑสาร ผู้อำนวยการช่อง 11 คนเดียว อย่าคิดว่าจะจัดการปัญหาได้ทั้งหมด ขบวนการใต้ดินในกรมกร๊วก ยุบยั่บยั้วเยี้ย ถ้าจะไม่ให้มีเรื่องแย่ๆ แบบนี้เกิดซ้ำซากขึ้นอีก
ต้องขุดรากถอนตอให้สิ้นซาก จัดการหัวขบวนย้าย อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ นายเผชิญ ขำโพธิ์ อีกคน ถึงจะสยบคนในเครือข่ายนี้ได้ แต่ว่าจะกล้าไหม?
เพราะเงาทะมึนที่เป็นจอมบงการใหญ่ในช่อง 11 และกรมประชาสัมพันธ์นั้น ใครๆก็รู้กันหมดว่าเป็นใคร ก็คนคนเดียวกับที่คอยงัดข้อกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ทุกเรื่องที่ผ่านมา ล่าสุด การเสนอตั้ง ผบ.ตร. ต้องล้มไปกลางวงประชุมกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ก็เพราะจอมบงการคนนี้ ที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง แม้จะออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเดินเกมคัดค้านตั้ง ผบ.ตร. ก็ตาม แต่ใครจะเชื่อ?
เหตุการณ์ที่ทำให้นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นแม่สายบัว รอออกอากาศรายการถ่ายทอดสดแล้วก็ต้องรอเก้อ เกิดมาแล้ว 3 ครั้ง
คือที่กระทรวงมหาดไทย กับการแถลงประกาศใช้กฎหมายบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องล่าช้าไปเกือบชั่วโมง เพราะช่อง 11 อ้างขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งหลังจากนั้น อภิสิทธิ์ ก็ถูกคนเสื้อแดงล้อมล้อมกรอบรุมทุบรถ หมายสังหารให้ตาย และจากนั้นโรคเลื่อนก็ยังมาโผล่ที่รายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ จนมาซ้ำรอยอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้ คนรับผิดชอบก็ออกมาแก้ตัวทันที บอกเป็นเหตุขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งฟังแล้วล้วนเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้ทั้งสิ้น
ด้านหนึ่ง หากมีความบกพร่องทางเทคนิคจริง ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า คนบริหาร และคนทำงานของช่อง 11 ไร้ประสิทธิภาพ ทั้งที่มีอุปกรณ์และพนักงานล้นสถานี แต่ไม่สามารถทำรายการที่มีกำหนดการชัดเจนในเวลารายการเพียงแค่ชั่วโมงเดียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถ้าจะต้องเปรียบเทียบสิ่งที่เหมือนกันให้เห็นภาพชัดเจน ก็ต้องยกกรณีการชุมนุมเรียกร้องของ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปักหลักชุมนุมยืดเยื้อเป็นเวลา 193 วัน โดยมีการถ่ายทอดสดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีจอดำ ไม่มีเหตุขัดข้องทางเทคนิคใดๆ เกิดขึ้น จนไม่อาจส่งภาพออกอากาศได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่แกนนำทั้ง 5 คนขึ้นเวทีปราศรัย ไม่มีวันไหนที่ทำให้ ASTV จอดับ ทั้งๆที่ขบวนการกลั่นแกล้งออกแรงในช่วงนี้กันเต็มที่
การทำสิ่งที่เหมือนกัน ทำไมฝ่ายหนึ่งทำไม่ได้ แต่อีกฝ่ายที่ไร้ซึ่งความพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรและอุปกรณ์ทางเทคนิคอย่างสถานีโทรทัศน์ ASTV กลับทำได้อย่างน่าทึ่ง คำตอบก็เพราะทีมงาน ASTV ทำด้วยความเชื่อมั่นต่อแนวทางการต่อสู้ และความศรัทธาในอุดมการณ์เพื่อแผ่นดิน
คนในช่อง 11 ไม่มีความมุ่งหมายทำงานเพื่อองค์กร แต่กลับมุ่งทำงานเพื่อรับใช้นักการเมืองมาโดยตลอด ในยุคทักษิณครองเมือง ก็ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับทักษิณอย่างไม่ลืมหูลืมตา ตะบี้ตะบันยัดเยียดข่าวสารอันเป็นเท็จ จนเป็นที่สะอิดสะเอียนของประชาชนทั้งประเทศ
แม้แต่การเสนอข่าวสารที่เป็นการปลุกปั้น ยุยงให้เกิดความรู้สึกไม่ดีแก่สถาบันกษัตริย์ ช่อง 11 ก็ทำมาแล้ว คงจำกันได้จากสารคดีเรื่องกษัตริย์เนปาลและฝรั่งเศส ในยุคที่นายจักรภพ เพ็ญแข เป็นคนคุม และก็มีนายเผชิญ เป็นอธิบดีกรมประชาฯ ที่นำมาออกอากาศฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างมีนัยสำคัญ
หรือการจัดเวลาให้กับกลุ่ม “วีระ-จตุพร–ณัฐวุฒิ” ทำรายการในช่อง 11 ก็ทำการตอกลิ่มประเทศไทยให้เกิดความแตกแยก จนวันนี้รอยร้าวปรากฏไปทุกหย่อมหญ้า
เหล่านี้คือผลพวงของช่อง 11 ที่เกิดจากผู้บริหารชุดปัจจุบันทั้งสิ้น แต่ทุกคนก็ยังมีอำนาจวาสนาอยู่ได้ ไม่ว่าจะสุริยงค์ก็ดี เผชิญก็ดี ยังอยู่ดีมีสุข มิหนำซ้ำยังคอยแผลงฤทธิ์ให้สะเทือนรัฐบาลอภิสิทธิ์ อยู่เรื่อยๆ ตามแต่สถานการณ์ และจะมี “ใบสั่ง” ออกมาเมื่อไร
ที่ต้องตั้งข้อสังเกตุว่า เหตุจอดับ 3 ครั้ง ที่เกิดขึ้นกับอภิสิทธิ์ในระหว่าง 8 เดือน ก็เพราะด้วยแต่ละครั้งนั้นมีสถานการณ์การเมืองกำลังมีประเด็นร้อนทุกครั้ง เช่น ที่มหาดไทย ก็กำลังเป็นการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจระหว่างอภิสิทธิ์ กับทักษิณ อย่างถึงเลือดถึงเนื้อ ช่อง 11 ก็ช่วยทำให้การแถลงของนายกฯ อภิสิทธิ์ล่าช้าออกไปกว่าหนึ่งชั่วโมง อาจคิดได้ว่า เป็นการถ่วงเวลาจนวันนั้นอภิสิทธิ์ แทบเอาชีวิตไม่รอด
มาถึงจอดับครั้งนี้ ก็เป็นช่วงที่มีเหตุการณ์ความขัดแย้งในเรื่องการเมือง อันเป็นประเด็นร้อนจากการเลือกตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาสดๆ ร้อนๆ ที่อภิสิทธิ์ถูกงัดข้อจากกลุ่ม “ขั้วอำนาจใหม่” ที่ไม่ยอมรับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ที่อภิสิทธิ์ เสนอให้ ก.ต.ช.รับรอง แต่ถูก ก.ต.ช. 5 คนที่เป็น “เด็กในคาถาอำนาจใหม่” คัดค้าน
เนื่องจากกลุ่มอำนาจใหม่+สุเทพ เทือกสุบรรณ และนิพนธ์ พร้อมพันธ์ ต้องการได้ ผบ.ตร. ชื่อ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.ที่มีอาวุโสในอันดับท้าย
จึงน่าคิดว่า เหตุความขัดข้องทางเทคนิคคงจะเป็นข้ออ้างให้พ้นผิดเท่านั้น แต่ความจริงที่ทำให้รายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯสะดุด ออกอากาศไม่ได้ตามกำหนด สามารถโยงไปได้ว่า น่าจะเป็นเหตุจากการเมืองที่ส่ง “ใบสั่ง” ออกมาดิสเครดิตนายกฯอภิสิทธิ์ กลางอากาศ
ส่งคลื่นรบกวนประสาทนายกฯ อภิสิทธิ์ ให้ผวาได้ตลอด
ความมุ่งหมายก็เพื่อต้องการถล่มภาวะผู้นำของอภิสิทธิ์ ที่ตกต่ำเป็นผีพุ่งใต้ ให้ลงสู่พื้นเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะพิสูจน์ได้อย่างดี หากสำนักโพลออกสำรวจความนิยมในตัวนายกฯอภิสิทธิ์ ในช่วงนี้ รับรองว่าคะแนนตกเป็นรอง “นักโทษชายทักษิณ” หลายช่วงตัว ในทุกๆ ด้านแน่
อภิสิทธิ์ ต้องยอมรับความจริงเสียแต่ในวันนี้แล้ว ว่าการบริหารงานในกรมกร๊วกขณะนี้ แม้ทางนิตินัย จะอยู่ในอำนาจ ของรมต.สาทิตย์ แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจที่จะชี้เป็นชี้ตาย แก่กลไกในกรมกร๊วกได้เลย
แต่อำนาจบารมีที่แท้จริง กลับไปอยู่ในมือของคนคนหนึ่งในพรรคภูมิใจไทย
ไม่เชื่อลองขยับให้ นายเนวิน ชิดชอบ มาคุมช่อง 11 และกรมประชาสัมพันธ์ จะไม่มีเหตุการณ์จอดับเกิดขึ้นกับการออกทีวีของอภิสิทธิ์ อีกเลย แถมยังอาจจะได้เทคนิคที่ล้ำยุคสุดยอดมาเสริมให้อีกเพียบ เพราะตั้งแต่พนักงานระดับล่าง ถึงตัวใหญ่ในกรมประชาฯ และช่อง11 ประทับตรายี่ห้อเนวิน ทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม การปลดสุริยงค์ เป็นสัญญาณที่เด็ดขาดจากอภิสิทธิ์ และสาทิตย์ ที่ต้องตกเป็นแพะรับบาป แต่ในยามนี้ต้องตีเหล็กกำลังร้อน และรีบแก้ปัญหาให้สะเด็ดน้ำ ล้างบางคนในกรมกร๊วกให้ราบคาบก็จะเป็นการป้องกันปัญหาจอดับได้แน่ ตราบใดที่ยังมีอธิบดีชื่อ เผชิญ เป็นใหญ่ในกรมนี้ ตราบนั้นช่อง 11 ก็ยังเป็น เนวินบรอดคาสติ้ง
โอกาสที่ข้าราชการช่อง11พยศ ก็พร้อมจะเกิดได้ทุกเวลา จนกว่าอภิสิทธิ์ จะดับคาจอเข้าสักวัน

----------------------------------------------------------------------------
กำลังโหลดความคิดเห็น