พันธมิตรฯขอนแก่น-ระยอง มอบเงินรายได้จากงานคอนเสิร์ต สนับสนุนเอเอสทีวี ไม่ให้จอดับ พร้อมสมทบกองทุนสู้คดี-วีระ สมความคิด “สนธิ” กล่าวขอบคุณ พร้อมย้ำหากพี่น้องยังสนับสนุน ขอนำเอเอสทีวี-ผู้จัดการ ยืนหยัดเป็นสื่อมวลชนเสาหลักเพียงเจ้าเดียวที่ประชาชนพึ่งพิงได้ ลั่นไม่รับเงินคนโกงเด็ดขาด แม้สามารถยกหูขอได้ วอนพี่น้องระดมพลังช่วยชาวระยองต้านเพิ่ม รง.อุตสาหกรรม ที่มาบตาพุด 9 ก.ย.นี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวขอบคุณพี่น้องพันธมิตรฯ-ลั่นเดินหน้าสื่อเพื่อ ปชช.
เช้าวันนี้ (7 ก.ย.) ที่ห้องส่งเอเอสทีวี ในช่วงรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ตัวแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น นำโดย นายพาณิชย์ เตียสวัสดิ์ ผู้ประสานงาน ได้เดินทางมามอบเงินรายได้จากการจัดงานคอนเสิร์ต “ร่วมใจสามัคคี สนับสนุน ASTV ครั้งที่ 3” จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา รวมกับเงินที่พันธมิตรฯ บริจาคสมทบ ให้กับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ โดยแบ่งเป็นเงินรายได้จากงานคอนเสิร์ต จำนวน 1,058,039 บาท พันธมิตรฯ เมืองพล บริจาคสมทบ 10,000 บาท พันธมิตรฯ ขอนแก่น บริจาคเพิ่มอีก 10,000 บาท รวมเป็นเงินที่มอบให้เอเอสทีวีทั้งหมด 1,100,000 บาท นอกจากนี้ มอบให้กองทุนพันธมิตรฯ สู้คดี จำนวน 100,000 บาท และมอบให้ นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน 50,000 บาท ทั้งนี้ นายพาณิชย์ กล่าวว่า การจัดงานเพื่อหาเงินมามอบให้เอเอสทีวีครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ชัดเจนว่าเพื่อไม่ให้เอเอสทีวีจอดับ และจะจัดงานเพื่อหาทุนสนับสนุนเอเอสทีวีอีกในโอกาสต่อไป
ภายหลังการรับมอบ นายสนธิ ได้กล่าวขอบคุณพันธมิตรฯ ขอนแก่น ว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะมีพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ แต่บทบาทของพันธมิตรฯ จะยังคงอยู่ต่อไป คนที่เป็นพันธมิตรฯ อาจไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ หรือคนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่อาจไม่เป็นพันธมิตรฯ แต่ทั้งหมดนั้นมีอุดมการณ์เดียวกัน และพรรคการเมืองใหม่เป็นแค่เครื่องมือหนึ่งของพันธมิตรฯ เท่านั้น เพราะไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่เกินกว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกแล้ว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า 193 วันของการต่อสู้ได้หลอมหัวใจของพันธมิตรฯ เข้าหากัน การที่เอเอสทีวีจะจอดับหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพี่น้องพันธมิตรฯ เป็นส่วนใหญ่ การทำงานของเอเอสทีวีนั้น ยากด้วยสาเหตุ 2 ประการ คือ 1.เอเอสทีวีต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวในยามที่สื่อมวลชนส่วนใหญ่ไม่สนใจปัญหาของชาติบ้านเมือง เรื่องชาติที่กำลังเสียพื้นที่พระวิหาร การร่ำรวยผิดปกติของข้าราชการตำรวจบางคน มีเฉพาะเอเอสทีวี วิทยุในเครือข่าย และ นสพ.-เว็บไซต์ในเครือเอเอสทีวี-ผู้จัดการ เป็นเพียงเสาหลักเสาเดียวที่ประชาชนจะพึ่งได้ แต่การต่อสู้ของเราไม่เดียวดายที่มีพี่น้องประชาชนทั่วประเทศเห็นด้วย และจะให้จอดับไม่ได้ เพราะเราเป็นสื่อกลุ่มเดียวที่กล้าพูดความจริงที่กระทบต่อผลประโยชน์นักการเมือง
ประการที่ 2 จากเหตุผลข้อที่ 1 ทำให้เราพึ่งใครไม่ได้ เพราะเราไม่มีเงินทุน การต่อสู้ของเราตั้งแต่ปี 2548 ทำให้ไม่มีเงินทองเข้ามา ต้องควักเงินส่วนตัวออกมาสู้ ในเชิงธุรกิจถือว่าโง่ แต่ถ้าเราได้สู้ด้วยความรักบ้านรักเมืองถือว่าไม่เสียชาติเกิด เงินทองเราตายไปแล้วเอาไปไม่ได้ เอามาสู้เพื่อชาติบ้านเมืองดีกว่า พี่น้องขอนแก่น และระยองที่กำลังจะมา เข้าใจตรงนี้ ก็เลยเอาเงินมามอบให้ บางคนหาเช้ากินค่ำ เปิดแผงขายของ เข็นรถเข็น ทำมาหากิน ก็เอาเงินมาให้ คนพวกนี้มีค่ากว่าเศรษฐีที่มีเงินเป็นแสนๆ ล้าน คนมีเงินบางคนก็มาสนับสนุนเราแค่ให้กำลังใจ แล้วยังมาถามว่าสู้เพื่ออะไร คนเมืองไทยยังเห็นแก่ตัวกันมาก แต่พันธมิตรฯ ก้าวล้ำจุดนั้นไปแล้ว พันธมิตรฯไม่เห็นแก่ตัว มีน้ำจิตน้ำใจ พันธมิตรฯ ขอนแก่นจัดงานแล้วเอาเงินมาให้ 1 ล้านกว่าบาท ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นความสำเร็จของชาติบ้านเมือง
นายสนธิ กล่าวต่อว่า มีคนถามว่าเรามาขายของทำไม ก็เพราะไม่รู้จะทำยังไง เพราะเราไม่สามารถรับเงินจากคนที่โกงชาติโกงเมืองได้ ถ้าตนแอบยกหูติดต่อทางโทรศัพท์กับนักการเมืองเลวๆ สัก 2-3 คน เขาคงเอาเงินมาให้ทันที แต่ทำไม่ได้ เพราะเคยพูดกับพี่น้อง และเพื่อนๆ ที่ทำงานว่า ถ้ามันจำเป็นต้องจอดับก็ต้องดับ เพราะขายไปจนไม่มีอะไรเหลือแล้ว ที่ทำไม่ใช่เพราะเพื่อชื่อเสียง แต่คนอายุ 62 ปี รู้ตัวเองว่าเป็นช่วงตะวันตกดินแล้ว ไหนๆ จะตกดิน ทำคุณงามความดีให้ชาติบ้านเมืองดีกว่า เหตุนี้เราถึงหยิ่งยโสโอหัง เขาเกลียดพันธมิตรฯ เพราะเรารู้ทัน ไม่ยอมความชั่ว แต่ยอมความดี พันธมิตรฯ สั่งไม่ได้ และซื้อไม่ได้ นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก นี่คือบทสรุปที่ตนถูกยิง แต่พวกเขาเข้าใจผิดหมด
“เมื่อเช้านี้มีคุณยายอายุ 80 เดินทางมาจากจังหวัดตาก เอาเงินใส่ซองมาให้ผม ถ้าเรามีพ่อแม่อายุ 80 กว่าเราต้องรู้ และยิ่งถ้าอยู่บ้านนอกของจังหวัดตาด หากจากอำเภอแม่สอดไปอีก 10 กิโล คุณยายอายุ 80 กว่า จะใช้เงินสักบาทคิดแล้วคิดอีก แต่ทำไมคุณยายกล้าพอที่จะเอาเงินสด 1 หมื่นบาทใส่ซองมาให้”
นายสนธิ ได้กล่าวขอบคุณพันธมิตรฯ ขอนแก่น ระยอง และพันธมิตรฯ ทั่วประเทศที่ให้การสนับสนุนเอเอสทีวี ทั้งโดยการซื้อสินค้า ซื้อปุ๋ยอินทรีย์ตราขวัญดิน ของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ซึ่งถือว่าเป็นปุ๋ยซ่อมแผ่นดิน เพราะไม่มีสารเคมี มีแต่สารอินทรีย์บำรุงดิน ซึ่งเดือนแรกสามารถขายได้ 2 ล้านบาท เดือนต่อมาขายได้เพิ่มเป็น 6 ล้าน 10 ล้านบาท ตามลำดับ และเดือนล่าสุดขายได้ 14 ล้านบาท ซึ่งแสดงว่า ปุ๋ยตราขวัญดินใช้แล้วได้ผล พี่น้องพันธมิตรฯ จึงพากันซื้อ โดย พล.ต.จำลอง ได้แบ่งรายได้ 30% มามอบให้เอเอสทีวี
ต่อมา ตัวแทนพันธมิตรฯ ระยอง ได้มอบเงินจากการจัดงานเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ อ.บ้านค่าย เพื่อสนับสนุนเอเอสทีวี จำนวน 73,000 บาท หลังจากก่อนหน้านี้ฝากมามอบให้แล้ว 40,000 บาท นอกจากนี้ มอบให้กองทุนพันธมิตรฯ สู้คดีอีก 30,000 บาท ให้นายวีระ สมความคิด 10,000 บาท
หลังจากนั้น ตัวแทนพันธมิตรฯ ระยอง ได้แจ้งให้ทราบถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของชาวระยองวันที่ 9 กันยายน เวลา 09.00 น.ที่หน้าสำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง เพื่อคัดค้านการอนุมัติโรงงานอุตสาหกรรมแห่งใหม่อีก 55 โรง ในพื้นที่มาบตาพุด ทั้งที่ศาลปกครองได้มีคำตัดสินให้มีการประกาศเขตควบคุมมลพิษไปแล้ว โดยได้เรียกร้องให้คนระยองไม่ว่าจะสีอะไรให้ออกมาช่วยกัน ไม่เช่นนั้นคนระยองก็จะอยู่ไม่ได้
นายสนธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มโรงงานที่ระยองนั้น ถือว่าผิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมและผิดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน แต่รัฐยังเพิกเฉย โดยพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำรัฐบาลยังจะให้โรงงานมาเปิดเพิ่มอีก ส.ส.ระยอง ปากกล้า อย่าง นายสาทิตย์ ปิตุเดชะ ที่ชอบกระแหนะกระแหนตนว่าชอบโวยวาย เอาแต่ใจนั้น ให้มาดูแลความเดือดร้อนของคนระยองบ้าง เพราะตอนนี้มลพิษอุตสาหกรรมกำลังจะทำลายอนาคตลูกหลานคนระยองหมดแล้ว ตนต้องโวยวาย แต่ก็เพื่อคนระยองโดยส่วนรวม ไม่ได้เพื่อส่วนตัว และขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ จากจังหวัดต่างๆ ไปช่วยคนระยองในวันที่ 9 นี้ด้วย