ท่านผู้อ่านที่เคารพ
ตกลงไม่เกิด Worst Case Scenario ในวันถวายฎีกา
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร โทร.มาบอกผมว่าจะช่วยพิมพ์อนุสารให้ สุทธิพงษ์ และขอให้พวกเราขยายทีมทำงานให้หนักขึ้น อย่าประมาททักษิณ
พี่วสิษฐบอกว่าทักษิณโฟนอินวันนั้นซ่อนไว้ด้วยแผนการและสัญญาณนัดหมายที่จะนำไปสู่ชัยชนะขั้นสุดท้าย
ผมอยู่บ้านนอกรู้ว่าศาลากลางบางแห่งมีมุมหลบให้เปิดดูทีวี มีข้าราชการบางคนที่ล่ารายชื่อถวายฎีกาลากิจไปร่วมสนามหลวง วันนั้นเองฎีกาอัปรีย์ถูกแห่แหนไปประชิดประตูวิเศษไชยศรี หากอยากบุกทะลวงเข้าพระบรมมหาราชวังก็คงทำได้ ต่างประเทศคงแพร่ข่าวว่าสถาบันกระทบกระเทือนเพราะนับวันทักษิณจะเข้มแข็งขึ้นในประเทศ แม้จะเป็นหมาหัวเน่าในต่างประเทศก็เป็นเรื่องชั่วคราว เมื่อใดยึดอำนาจคืนได้โลกก็จะหมุนกลับ
แต่ขบวนการหางแดงวันนั้นต่างกับสัตว์นรกในวันสงกรานต์หรือที่พัทยา ทำทีเป็นสันติอหิงสาและบูชาในหลวง เพื่อจะแก้ภาพลักษณ์และหาพวกเพิ่ม
เรื่องฎีการะยำอัปรีย์นี้ รัฐบาลเป็นแนวร่วมมุมกลับของทักษิณ ไม่ฉลาด ไม่รู้จักใช้อำนาจ ไม่เคารพรักษากฎหมาย ปล่อยให้เรื่องบานปลายถึงขั้นนี้ เพราะตัดไฟหัวลมได้ตั้งแต่หัวขั้วหางแดงปริปากคำแรกแล้ว โดย (1) ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความจริงให้ประชาชนเข้าใจทันที (2) จัดการกับหัวขบวนซึ่งล้วนติดขื่อคามีคดีอยู่ทั้งสิ้น
(3) จัดการกับอุปกรณ์การกระทำความผิดคือห้องส่งและผู้ประกาศวิทยุชุมชนและดีทีวีที่ปลุกระดมให้ประชาชนกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะวิทยุชุมชนต้องจำกัดอยู่ที่การเผยแพร่ข้อมูลเพื่อการศึกษาวัฒนธรรมและการพัฒนาชุมชนภายในอาณาบริเวณของท้องถิ่นเท่านั้น ไม่อาจปล่อยให้ปลุกระดมประชาชนให้แตกแยกด้วยการเมืองระดับประเทศได้ (4) สิ่งที่หางแดงอ้างโบราณถึงกระดิ่งพ่อขุนรามนั้น ความจริงเขามีไว้สำหรับไพร่ฟ้าหน้าใสที่จงรักภักดี ถ้าเป็นไพร่ฟ้าหน้ามืดจะถูกนำไปกุดหัวเจ็ดชั่วโคตรหามีสิทธิเข้ามาใกล้กระดิ่งหรือพระบรมมหาราชวังไม่
ข้างล่างนี้เป็นข้อเขียนของสุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์
คำถวายฎีกา ..ตัวหนังสือสีดำ
คำชำแหละฎีกา ..ตัวหนังสือสีแดง
ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าผู้มีนามและที่อยู่ข้างท้ายนี้ ขอทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อกราบบังคมทูลทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ดังนี้
1. ข้าพระพุทธเจ้ามีความทุกข์แสนสาหัสจากปัญหาเศรษฐกิจ อันมีปฐมเหตุมาจากการยึดอำนาจทางการเมืองเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เพราะนั่นเป็นการทำลายระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้กลายเป็นระบอบเผด็จการทหารที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขการยึดอำนาจการปกครองครั้งนั้น “ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง” และส่งผลต่อเนื่องมาจนปัจจุบันนี้ เมื่อมาประสบกับเหตุภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ทำให้เราไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นั้นได้ ต้องเดือดร้อนสาหัสทุกหย่อมหญ้า
เอาอะไรมาวัด ..ว่าส่งผลกระทบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
ทุนสำรองการเงินระหว่างประเทศ (ช่วงท้ายรัฐบาล)
ทุนสำรองฯ รัฐบาลทักษิณ 73,926 ล้านเหรียญสหรัฐ บวกที่ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟประมาณ 11,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็จะมีประมาณ 85,326 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทุนสำรองฯ รัฐบาลสุรยุทธ์ที่มาจาก คมช.(ปฏิวัติ) 106,541 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ทุนสำรองการเงินระหว่างประเทศ” แสดงถึงความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล เชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ทุนสำรองฯ รัฐบาลสุรยุทธ์สูงกว่าทุนสำรองฯ รัฐบาลทักษิณ
รัฐบาลสุรยุทธ์ได้รับความเชื่อมั่นสูงกว่ารัฐบาลทักษิณ
กราฟทุนสำรองการเงินระหว่างประเทศ (2000 - 2008)
ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย
ทุนสำรองฯ รัฐบาลทักษิณ (กรอบสี่เหลี่ยมสีแดง) หลังถูกปฏิวัติ ..ทุนสำรองฯเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (วงกลมสีเขียว) แสดงการไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลทักษิณ ..เมื่อถูกปฏิวัติ ..เกิดความเชื่อมั่นกลับคืนมา ..ทุนสำรองฯ จึงพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อประกอบกับรัฐบาลปัจจุบันนี้เกิดขึ้นด้วยความไม่ชอบธรรมตามหลักประชาธิปไตย จึงไม่ได้รับความรักและความร่วมมือจากประชาชน รัฐบาลไม่อาจเป็นองค์กรหลักในการนำประเทศสู้ภัยเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ แม้ตัวนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่สามารถเดินทางไปในหลายพื้นที่ของประเทศ
2. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกทำรัฐประหารแย่งอำนาจไป “เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และเป็นที่เชื่อถือศรัทธาของข้าพระพุทธเจ้าว่าจะช่วยแก้ปัญหาบรรเทาความทุกข์ความเดือดร้อนได้”
ทักษิณเป็นผู้ไม่มีความสามารถ แต่ “ใช้สื่อยุยงปลุกปั่น สวมรอยมุสา” ว่าตนเองมีความสามารถ ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมด ทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น ทักษิณเป็นคนที่ขยันทัวร์ไปตามจังหวัดต่างๆ มากกว่านายกฯ คนใด เรียกว่าทัวร์นกขมิ้น ...เชื่อว่าเงินกองสลากที่หายไปประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท (มีคดีอยู่) อยู่ที่การใช้จ่ายกับทัวร์นกขมิ้นส่วนใหญ่ ทัวร์หว่านเงิน ..จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถูกยึดทรัพย์เพราะนำเงินจากกองสลากฯไปใช้ผิดประเภท
SET Index เปรียบเทียบดัชนีตลาดหุ้นโลก (G85) ..ปรับฐานเท่ากัน
ทักษิณเอารัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหุ้น แล้วปั่นไปขายทำกำไรในต้นปี 2004 เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ตลาดหุ้นหลังปี 2004 ในรัฐบาลทักษิณ ไม่เคยมีจุดสูงสุดใหม่อีกเลย เปรียบเทียบกับตลาดหุ้นโลก(G85) ยังมีจุดสูงสุดใหม่ สูงกว่าตลาดหุ้นไทย
SET Index บอกว่า ช่วงท้ายรัฐบาลทักษิณ เศรษฐกิจไทยเริ่มแย่แล้ว ผิดกับเศรษฐกิจโลกมาก ก็ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศเพราะถูกกระทำโดยอำนาจเผด็จการ ใช้กฎหมายที่ไม่ถูกต้องด้วยหลักนิติธรรมดำเนินคดี เป็นเหตุให้ไม่มีโอกาสที่จะใช้กำลังสติปัญญาความสามารถช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชนได้ นับเป็นความสูญเปล่าซึ่งทรัพยากรบุคคลอีกทั้งการใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนเป็นระยะเวลานานๆ ไม่ว่าในซีกหนึ่งส่วนใดของโลกที่จะให้ความสุข ความอบอุ่นเท่าบ้านเกิดเมืองมารดรย่อมไม่มี
การปฏิวัติเป็นสิ่งไม่ดี หลายรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่มีรัฐบาลใดถูกปฏิวัติ แต่มาเกิดมีการปฏิวัติในรัฐบาลทักษิณ ทักษิณคือต้นเหตุของการปฏิวัติ ทักษิณคือผู้สมควรถูกประณามที่สุด
3.การยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 นอกจากก่อให้เกิดผลเสียทางเศรษฐกิจ ทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และทางด้านความมั่นคงแล้ว ยังมีผลกระทบโดยตรงต่อกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จนนักกฎหมายผู้เคารพต่อศักดิ์ศรีวิชาชีพต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจากปี 2549 ถึงปัจจุบันนี้ ประเทศเรามีปัญหาด้านนิติรัฐและนิติธรรม เป็นที่น่าอับอายแก่นานาอารยประเทศ
ข้าพระพุทธเจ้าและชาวบ้านทั่วไปต่างรู้ซาบซึ้งดีว่าการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานกับคน 2 พวก การไม่ใช้กฎหมายโดยเสมอภาคเป็นวิธีการอนารยะ เป็นเรื่องไม่อาจยอมรับได้ จึงได้นัดชุมนุมประท้วง และเรียกร้องหาความถูกต้อง และความชอบธรรมเสมอมา แต่รัฐบาลกลับยัดเยียดความอยุติธรรม และความไม่เสมอภาคมากยิ่งขึ้นจนใกล้ถึงขีดสุดแห่งความอดทนที่มนุษย์จะพึงมี
4. ทั้งหมดนี้ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบทูลใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเพื่อทรงทราบว่า เวลานี้เหลือที่พึ่งสุดท้ายหนึ่งเดียวที่ข้าพระพุทธเจ้าจะพึ่งได้ คือ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เพราะทรงบำเพ็ญกรณียกิจบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ทวยราษฎร์เสมอมา ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม มีสายพระเนตรยาวไกล คงจะไม่ปล่อยปละละเลยพสกนิกรให้จมอยู่กับความระทมทุกข์เป็นเวลายาวนานเกินไป
ข้าพระพุทธเจ้าจึงกราบบังคมทูลถวายฎีกามา เพื่อทรงพระกรุณาอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปีนั้นเสีย เพื่อจักได้อิสรภาพกลับมาเป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาททำประโยชน์ต่อแผ่นดิน อย่างน้อยก็เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจช่วยบรรเทาความทุกข์ยากของปวงข้าพระพุทธเจ้า ผู้ยังเชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของเขา
การทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาครั้งนี้ ข้าพระพุทธเจ้ามุ่งหวังให้เกิดความสามัคคี เป็นการสมานฉันท์คนในชาติให้กลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันดังเดิม เพื่อรวมกันเป็นเอกภาพ สู้ภัยหลายๆ รูปแบบจากทิศานุทิศให้ปลาสนาการไป นำความสุขความร่มเย็นมาสู่พสกนิกรเสริมพระบารมีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้สูงส่งไพศาล
แต่ทั้งนี้ก็สุดแต่พระบรมราชวินิจฉัย
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
คำถวายฎีกาฯ ไม่เหมาะสมทุกข้อ จะได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ก็ไม่ได้ทำให้การสมานฉันท์ของคนในชาติ มีปัจจัยซ่อนเร้น นำพามวลชนมาทำเรื่องที่ไม่เหมาะสม
มั่ว มุสา เพ้อเจ้อ หาน้ำหนักไม่ได้ นำความเท็จกราบทูลฯ เป็นเรื่องที่ไม่สมควร
สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์
ตกลงไม่เกิด Worst Case Scenario ในวันถวายฎีกา
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร โทร.มาบอกผมว่าจะช่วยพิมพ์อนุสารให้ สุทธิพงษ์ และขอให้พวกเราขยายทีมทำงานให้หนักขึ้น อย่าประมาททักษิณ
พี่วสิษฐบอกว่าทักษิณโฟนอินวันนั้นซ่อนไว้ด้วยแผนการและสัญญาณนัดหมายที่จะนำไปสู่ชัยชนะขั้นสุดท้าย
ผมอยู่บ้านนอกรู้ว่าศาลากลางบางแห่งมีมุมหลบให้เปิดดูทีวี มีข้าราชการบางคนที่ล่ารายชื่อถวายฎีกาลากิจไปร่วมสนามหลวง วันนั้นเองฎีกาอัปรีย์ถูกแห่แหนไปประชิดประตูวิเศษไชยศรี หากอยากบุกทะลวงเข้าพระบรมมหาราชวังก็คงทำได้ ต่างประเทศคงแพร่ข่าวว่าสถาบันกระทบกระเทือนเพราะนับวันทักษิณจะเข้มแข็งขึ้นในประเทศ แม้จะเป็นหมาหัวเน่าในต่างประเทศก็เป็นเรื่องชั่วคราว เมื่อใดยึดอำนาจคืนได้โลกก็จะหมุนกลับ
แต่ขบวนการหางแดงวันนั้นต่างกับสัตว์นรกในวันสงกรานต์หรือที่พัทยา ทำทีเป็นสันติอหิงสาและบูชาในหลวง เพื่อจะแก้ภาพลักษณ์และหาพวกเพิ่ม
เรื่องฎีการะยำอัปรีย์นี้ รัฐบาลเป็นแนวร่วมมุมกลับของทักษิณ ไม่ฉลาด ไม่รู้จักใช้อำนาจ ไม่เคารพรักษากฎหมาย ปล่อยให้เรื่องบานปลายถึงขั้นนี้ เพราะตัดไฟหัวลมได้ตั้งแต่หัวขั้วหางแดงปริปากคำแรกแล้ว โดย (1) ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความจริงให้ประชาชนเข้าใจทันที (2) จัดการกับหัวขบวนซึ่งล้วนติดขื่อคามีคดีอยู่ทั้งสิ้น
(3) จัดการกับอุปกรณ์การกระทำความผิดคือห้องส่งและผู้ประกาศวิทยุชุมชนและดีทีวีที่ปลุกระดมให้ประชาชนกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะวิทยุชุมชนต้องจำกัดอยู่ที่การเผยแพร่ข้อมูลเพื่อการศึกษาวัฒนธรรมและการพัฒนาชุมชนภายในอาณาบริเวณของท้องถิ่นเท่านั้น ไม่อาจปล่อยให้ปลุกระดมประชาชนให้แตกแยกด้วยการเมืองระดับประเทศได้ (4) สิ่งที่หางแดงอ้างโบราณถึงกระดิ่งพ่อขุนรามนั้น ความจริงเขามีไว้สำหรับไพร่ฟ้าหน้าใสที่จงรักภักดี ถ้าเป็นไพร่ฟ้าหน้ามืดจะถูกนำไปกุดหัวเจ็ดชั่วโคตรหามีสิทธิเข้ามาใกล้กระดิ่งหรือพระบรมมหาราชวังไม่
ข้างล่างนี้เป็นข้อเขียนของสุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์
คำถวายฎีกา ..ตัวหนังสือสีดำ
คำชำแหละฎีกา ..ตัวหนังสือสีแดง
ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าผู้มีนามและที่อยู่ข้างท้ายนี้ ขอทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อกราบบังคมทูลทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ดังนี้
1. ข้าพระพุทธเจ้ามีความทุกข์แสนสาหัสจากปัญหาเศรษฐกิจ อันมีปฐมเหตุมาจากการยึดอำนาจทางการเมืองเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เพราะนั่นเป็นการทำลายระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้กลายเป็นระบอบเผด็จการทหารที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขการยึดอำนาจการปกครองครั้งนั้น “ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง” และส่งผลต่อเนื่องมาจนปัจจุบันนี้ เมื่อมาประสบกับเหตุภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ทำให้เราไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นั้นได้ ต้องเดือดร้อนสาหัสทุกหย่อมหญ้า
เอาอะไรมาวัด ..ว่าส่งผลกระทบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
ทุนสำรองการเงินระหว่างประเทศ (ช่วงท้ายรัฐบาล)
ทุนสำรองฯ รัฐบาลทักษิณ 73,926 ล้านเหรียญสหรัฐ บวกที่ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟประมาณ 11,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็จะมีประมาณ 85,326 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทุนสำรองฯ รัฐบาลสุรยุทธ์ที่มาจาก คมช.(ปฏิวัติ) 106,541 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ทุนสำรองการเงินระหว่างประเทศ” แสดงถึงความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล เชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ทุนสำรองฯ รัฐบาลสุรยุทธ์สูงกว่าทุนสำรองฯ รัฐบาลทักษิณ
รัฐบาลสุรยุทธ์ได้รับความเชื่อมั่นสูงกว่ารัฐบาลทักษิณ
กราฟทุนสำรองการเงินระหว่างประเทศ (2000 - 2008)
ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย
ทุนสำรองฯ รัฐบาลทักษิณ (กรอบสี่เหลี่ยมสีแดง) หลังถูกปฏิวัติ ..ทุนสำรองฯเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (วงกลมสีเขียว) แสดงการไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลทักษิณ ..เมื่อถูกปฏิวัติ ..เกิดความเชื่อมั่นกลับคืนมา ..ทุนสำรองฯ จึงพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อประกอบกับรัฐบาลปัจจุบันนี้เกิดขึ้นด้วยความไม่ชอบธรรมตามหลักประชาธิปไตย จึงไม่ได้รับความรักและความร่วมมือจากประชาชน รัฐบาลไม่อาจเป็นองค์กรหลักในการนำประเทศสู้ภัยเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ แม้ตัวนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่สามารถเดินทางไปในหลายพื้นที่ของประเทศ
2. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกทำรัฐประหารแย่งอำนาจไป “เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และเป็นที่เชื่อถือศรัทธาของข้าพระพุทธเจ้าว่าจะช่วยแก้ปัญหาบรรเทาความทุกข์ความเดือดร้อนได้”
ทักษิณเป็นผู้ไม่มีความสามารถ แต่ “ใช้สื่อยุยงปลุกปั่น สวมรอยมุสา” ว่าตนเองมีความสามารถ ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมด ทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น ทักษิณเป็นคนที่ขยันทัวร์ไปตามจังหวัดต่างๆ มากกว่านายกฯ คนใด เรียกว่าทัวร์นกขมิ้น ...เชื่อว่าเงินกองสลากที่หายไปประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท (มีคดีอยู่) อยู่ที่การใช้จ่ายกับทัวร์นกขมิ้นส่วนใหญ่ ทัวร์หว่านเงิน ..จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถูกยึดทรัพย์เพราะนำเงินจากกองสลากฯไปใช้ผิดประเภท
SET Index เปรียบเทียบดัชนีตลาดหุ้นโลก (G85) ..ปรับฐานเท่ากัน
ทักษิณเอารัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหุ้น แล้วปั่นไปขายทำกำไรในต้นปี 2004 เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ตลาดหุ้นหลังปี 2004 ในรัฐบาลทักษิณ ไม่เคยมีจุดสูงสุดใหม่อีกเลย เปรียบเทียบกับตลาดหุ้นโลก(G85) ยังมีจุดสูงสุดใหม่ สูงกว่าตลาดหุ้นไทย
SET Index บอกว่า ช่วงท้ายรัฐบาลทักษิณ เศรษฐกิจไทยเริ่มแย่แล้ว ผิดกับเศรษฐกิจโลกมาก ก็ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศเพราะถูกกระทำโดยอำนาจเผด็จการ ใช้กฎหมายที่ไม่ถูกต้องด้วยหลักนิติธรรมดำเนินคดี เป็นเหตุให้ไม่มีโอกาสที่จะใช้กำลังสติปัญญาความสามารถช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชนได้ นับเป็นความสูญเปล่าซึ่งทรัพยากรบุคคลอีกทั้งการใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนเป็นระยะเวลานานๆ ไม่ว่าในซีกหนึ่งส่วนใดของโลกที่จะให้ความสุข ความอบอุ่นเท่าบ้านเกิดเมืองมารดรย่อมไม่มี
การปฏิวัติเป็นสิ่งไม่ดี หลายรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่มีรัฐบาลใดถูกปฏิวัติ แต่มาเกิดมีการปฏิวัติในรัฐบาลทักษิณ ทักษิณคือต้นเหตุของการปฏิวัติ ทักษิณคือผู้สมควรถูกประณามที่สุด
3.การยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 นอกจากก่อให้เกิดผลเสียทางเศรษฐกิจ ทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และทางด้านความมั่นคงแล้ว ยังมีผลกระทบโดยตรงต่อกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จนนักกฎหมายผู้เคารพต่อศักดิ์ศรีวิชาชีพต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจากปี 2549 ถึงปัจจุบันนี้ ประเทศเรามีปัญหาด้านนิติรัฐและนิติธรรม เป็นที่น่าอับอายแก่นานาอารยประเทศ
ข้าพระพุทธเจ้าและชาวบ้านทั่วไปต่างรู้ซาบซึ้งดีว่าการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานกับคน 2 พวก การไม่ใช้กฎหมายโดยเสมอภาคเป็นวิธีการอนารยะ เป็นเรื่องไม่อาจยอมรับได้ จึงได้นัดชุมนุมประท้วง และเรียกร้องหาความถูกต้อง และความชอบธรรมเสมอมา แต่รัฐบาลกลับยัดเยียดความอยุติธรรม และความไม่เสมอภาคมากยิ่งขึ้นจนใกล้ถึงขีดสุดแห่งความอดทนที่มนุษย์จะพึงมี
4. ทั้งหมดนี้ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบทูลใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเพื่อทรงทราบว่า เวลานี้เหลือที่พึ่งสุดท้ายหนึ่งเดียวที่ข้าพระพุทธเจ้าจะพึ่งได้ คือ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เพราะทรงบำเพ็ญกรณียกิจบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ทวยราษฎร์เสมอมา ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม มีสายพระเนตรยาวไกล คงจะไม่ปล่อยปละละเลยพสกนิกรให้จมอยู่กับความระทมทุกข์เป็นเวลายาวนานเกินไป
ข้าพระพุทธเจ้าจึงกราบบังคมทูลถวายฎีกามา เพื่อทรงพระกรุณาอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปีนั้นเสีย เพื่อจักได้อิสรภาพกลับมาเป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาททำประโยชน์ต่อแผ่นดิน อย่างน้อยก็เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจช่วยบรรเทาความทุกข์ยากของปวงข้าพระพุทธเจ้า ผู้ยังเชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของเขา
การทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาครั้งนี้ ข้าพระพุทธเจ้ามุ่งหวังให้เกิดความสามัคคี เป็นการสมานฉันท์คนในชาติให้กลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันดังเดิม เพื่อรวมกันเป็นเอกภาพ สู้ภัยหลายๆ รูปแบบจากทิศานุทิศให้ปลาสนาการไป นำความสุขความร่มเย็นมาสู่พสกนิกรเสริมพระบารมีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้สูงส่งไพศาล
แต่ทั้งนี้ก็สุดแต่พระบรมราชวินิจฉัย
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
คำถวายฎีกาฯ ไม่เหมาะสมทุกข้อ จะได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ก็ไม่ได้ทำให้การสมานฉันท์ของคนในชาติ มีปัจจัยซ่อนเร้น นำพามวลชนมาทำเรื่องที่ไม่เหมาะสม
มั่ว มุสา เพ้อเจ้อ หาน้ำหนักไม่ได้ นำความเท็จกราบทูลฯ เป็นเรื่องที่ไม่สมควร
สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์