โล่งอกแกมตลกเหลือรับประทานกับงาน “ถวายฎีกา” ของคนเสื้อแดง ภายใต้การกำกับของ “นักโทษชายทักษิณ”
งานนี้ทักษิณต้องเสียเงินอักโขทีเดียว ในการเกณฑ์คนมาใส่เสื้อแดง เพื่อเข้าร่วมขบวนพิธีถวายฎีกา..พิธีเถื่อนของนักโทษที่ดิ้นรนต่อสู้แม้รู้ว่าทำผิดกฎหมาย ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง เพราะงานนี้มีเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท - เสรีภาพ และชีวิตเป็นเดิมพัน...ทักษิณสู้ตาย
เพื่อนนักการเงินคนหนึ่ง เปรยให้ฟังขณะนั่งดูการถ่ายทอดสดจากช่อง MTV เมื่อเห็นคนเสื้อแดงหาบห่อผ้าสีแดงเดินตามขบวนของสามเกลอหัวขวดต้อยๆ ว่า
“สงสัยกุนซือทักษิณดูหนังจีนกำลังภายในมากไปมั้ง ดูสิทั้งหาบแดง ห่อแดง แล้วหาบหัวท้ายแบบนี้ เหมือนหาบโลงศพจะไปสุสาน” …ฟังแล้วเห็นด้วย
แต่เพื่อนรุ่นน้องนักข่าวการเมืองคนหนึ่ง กลับสนใจเรื่องการถ่ายทอดสดมากกว่า เขามองว่ารัฐบาลไม่ควรปล่อยให้ภาพเหล่านี้หลุดออกสู่สายตาสาธารณชนแม้แต่น้อย
“ภาพทุกภาพที่ปรากฏออกมาจะต่อยอดกับกิจกรรม “ล้มเจ้า” ที่ปรากฏใต้ดินและบนดินมาตลอดในหลายปีนี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่จะช่วยกันทุบตี และบั่นทอนความเข้มแข็งของสถาบันสูงสุดอย่างรุนแรง” …นี่ยังไม่นับงานดำทั้งแผ่นดิน เพื่อล้มอำมาตย์อีกนะ ไม่รู้สาทิตย์มัวทำอะไรอยู่
แต่มีเพื่อนๆ ทางเมล์คัดเอาบางส่วนจากคอมเมนต์เด็ดในเว็บไซต์ แมเนเจอร์ ที่นับเส้นทางการทำงานหลังแม้วแดงตีมึนถวายฎีกาว่า เป็นงานที่ใช้เงินมาก และดูออกว่าสามเกลอรวยเช็ด ส่วนเนื้องานนั้น เขาอธิบายว่า ทั้งงานวันเกิดและวันถวายฎีกา หน้าตาเหมือนงานกงเต๊กเลย!!! …ลองอ่านดูเอาเอง
“กรูเอาใจช่วยเมิงด้วย หวังว่าเขาจะตรวจสอบชื่อเสร็จก่อนเมิงแห้งตายนะ เห็นเขาว่าคนมาลงชื่อช่วยเมิงมากมาย ตั้งห้าล้านคนแนะ ซวยเลยเมิง...กรูว่าถ้าขยันๆ หน่อย คงตรวจชื่อได้วันละซัก 1,000 คน กว่าจะตรวจเสร็จก็ใช้เวลาแค่ 5,000 วัน ก็แค่ 13 ปีเองอ่ะ...อุอุ หักเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดรายการอีก กรูว่าซัก 16 ปีคงพอมั้ง...ฮ่าฮ่าฮ่า” ...นี่เป็นแค่ตัวอย่างตอนหนึ่งเท่านั้น
เพื่อนอีกคนหนึ่งเป็นข้าราชการกระทรวงหมอ บอกว่า เห็นขบวนถวายฎีกาแดงแล้วขัดใจ สงสัยว่าทำไมทั้งตำรวจและทหารไม่ออกมาจัดการกับ “ไอ้พวกระยำตำบอน”เหล่านี้ให้สิ้นซาก ปล่อยให้คนผิดลอยนวลย่ำยีซ้ำเติมประเทศและสถาบันอยู่ได้
เพื่อนคนนี้บ่นพึมพำได้สักพักก็สำลักความในใจออกมาว่า “เออ...ตาหมัก หมูกหมูปากหมาแกป่วยหนักมากนะ มะเร็งลามไปทั่ว ล่าสุดต้องสี่คนหามสามคนแห่แบกเข้าโรงพยาบาลหรูหราแห่งหนึ่งกลางถนนสุขุมวิท คราวนี้เข้าเงียบๆ แล้วใช้ชื่อปลอมด้วย ท่าทางคงไม่รอด เพราะถึงกับต้องให้อาหารทางสายน้ำเกลือแล้ว”
ถึงตรงนี้บทสนทนาเริ่มเปลี่ยนจากฎีกาแม้วมาสู่โรคภัยไข้เจ็บ เมื่อเพื่อนจากวงการบันเทิงคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาว่า
“เฮียสุริยะก็เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ขั้นที่ 3 เหมือนกัน ก่อนหน้านี้หนีไปรักษาตัวที่เมืองนอก กลับมาค่อยยังชั่วขึ้น แต่ไปทำชั่วมาอีกแล้วหรือไงไม่รู้ ผ่านไปแค่ 3 ปีมะเร็งกลับมาอีกรอบ คราวนี้วิ่งจี๋ไปหาหมอคณะเดียวกันกับตาหมัก หมูกหมูปากหมาเลย” …ไม่รู้เป็นไง...นึกถึงพวกนี้ทีไร พาลให้คิดไปว่า ใครก็ตามไปทำไม่ดีกับพระวิหาร มักมีอันเป็นไปอย่างนี้ทุกรายสิน่า
เพื่อนคนนี้เล่าเรื่องเฮียสุริยะแล้วบ่นงึมงำว่า ขาดรายได้ไปเยอะ เมื่อเฮียป่วยถึงเพียงนี้คงไม่มีกระจิตกระใจไปดีดดิ้นกับน้องๆ หนูๆ ให้โรคซ้ำกรรมซัดอีก เป็นเสียอย่างนี้แล้ว อนุมานว่า รายได้คงหดหายไปไม่มากก็น้อย เพราะลูกค้ารายใหญ่ฝากกระโน้นก็เป็นมะเร็งในต่อมลูกหมากเหมือนกัน…เห็นป่ะนี่ก็อีกราย...ยังไม่นับที่ตายไปก่อนหน้านี้อีกละ
“ช่วงนี้ค้าไม่ได้ขายไม่ดีลูกค้ารายใหญ่กระเป๋าหนักพากันเป็นมะเร็งไปเสียหมด” เพื่อนเก่าสายบันเทิงบ่นไม่หยุด และเล่าต่อไปโดยหาได้มีใครสนใจการถ่ายทอดสดฎีกาแดงไม่ “เฮียคนโน้นเจ้าของห่อแดงแรงฤทธิ์แกผอมเอาๆ เลยไม่นำเข้าน้องหนูไปจู้ฮุกกรูอีกแล้ว ตอนนี้ทุ่มเทเงินทองนำเข้าหมอๆ หมดไปหลายตังค์ มีทั้งหมอไทยหมอฝรั่ง เพราะที่ดูไบมีแต่หมอปากีสถานที่ไม่ค่อยจะเป็นเรื่องมะเร็งสักเท่าไร”
ถามไถ่กันไปมาความว่า คนดูไบเจ็บไข้ได้ป่วยบักโกรก ผ่ายผอมผิดรูปร่าง แต่ยังขืนใจสู้ อุตส่าห์ลุกขึ้นมาโฟนอินวันละสามรอบสี่รอบ สารพัดจะอ้าง สารพัดจะตลบตะแลง สาบานอีกร้อยแปด
คนเราอะนะ...ลองมันจะเอาอะไรให้ได้แล้ว ให้มันทำอะไรก็ยอม เลียขี้ก็ยังเอา ถ้าได้กลับบ้านและเงินไม่โดนยืด มันทำได้ทั้งนั้น ก็โถ...โกงชาติ- จาบจ้วงยังทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับไอ้เรื่องขี้ปะติ๋ว กะอีแค่เลียขี้ ทำไมจะทำไม่ได้ เผลอๆ ทำได้ดีกว่าหมาอีก ไม่เชื่อใครลองมาท้าดูก็ได้
เวลานี้มีนักธุรกิจฝรั่งที่ผ่านไปทางดูไบเล่าว่า คนดูไบได้รับการอารักขาเข้มจาก “คนใหญ่” ที่เป็นญาติใกล้ชิดกับคนโตของประเทศ เขาสองคนทำธุรกิจหมื่นล้านด้วยกัน เลยได้ความคุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัยในดูไบ เมืองสวยที่กำลังประสบปัญหาการเงินอย่างหนักในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ด้วยการถมก่อสร้างหรูหรามากไป ขณะที่เศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก ไม่มีมหาเศรษฐีหน้าไหนมีเงินเหลือพอมาใช้ชีวิตร่ำรวยในดูไบอีกต่อไปแล้ว...เหตุนี้จึงจำใจต้อง “ง้อ” พี่แม้วจอมฎีกา กับเงินบาปของเขา
มีแต่เราเท่านั้น ที่นั่งมองตาปริบๆ ขณะที่ดูไบขยิบตาให้ทักษิณ จุดไฟโยนใส่บ้านเรา
หลายๆ คนที่ผ่านไปผ่านมา ยังกลับมาเล่าเรื่องทักษิณ อิน ดูไบให้ฟังว่า ฤดูนี้ที่ดูไบร้อนนักร้อนหนา ทักษิณเลยออกจากบ้านที่ “ดูไบ ครีก” มาเตร็ดเตร่อยู่แถวห้างสรรพสินค้าใหญ่เป็นว่าเล่น
แม้วแดงเดินเกร่ไปเกร่มาสักพัก ก็ชอบมานั่งแปะลอยหน้าลอยตาอยู่ที่ร้านกาแฟใหญ่ หวังให้คนไทยที่แห่ไปชอปปิ้งดูไบได้เห็นหน้าค่าตากันชัดๆ
คนไทยบางคนนี่ก็ช่างกระไร เห็นทักษิณเป็นไม่ได้ อาการบ้าดาราคนดังกำเริบทันที แทนที่จะพากันถ่มน้ำลายใส่คนขายชาติ กลับกรูกันเข้าไปยื้อแย่งถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึก!!!
หนักๆ เข้าแม้วแดงติดใจ เลยออกมานั่งรอคนถ่ายรูปทุกวี่ทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งเจอทีเด็ดจากพี่สาวเสื้อเหลืองคนหนึ่ง ที่ตะโกนแทรกขึ้นกลางวงชุลมุนถ่ายรูปหน้าร้านกาแฟว่า
“เรียกตำรวจมาจับมันเลย นักโทษหนีคดีอยู่ที่นี่เอง” ตะโกนเสร็จเจ๊เสื้อเหลืองก็เดินหลีกออกไปหน้าตาเฉย ปล่อยให้วงแตก – ตาค้างกันทั้งคนถ่ายและคนถูกถ่าย
คนที่ไปดูไบยังเล่าให้ฟังอีกว่า รอบตัวทักษิณล้วนเต็มไปด้วย “ข้าราชการสถานกงสุล” ใครเป็นใครรู้กันดีอยู่แก่ใจไม่ต้องสาธยายให้มากความอายเขา ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ “กษิต ภิรมย์” ซึ่งรู้เช่นเห็นชาติคนพวกนี้ดี จะมีมาตรการอย่างไรต่อไป เมื่อข้าราชการ กระทรวงการต่างประเทศ เดินอี๋อ๋อกับนักโทษหนีคุก ผู้จาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัวไม่เว้นวาง
เรื่องนั้นยังไม่เด็ดเท่ากับเรื่องนี้ เรื่องที่มี “ดร.ก.” เจ้าน้ำตาคนหนึ่งซึ่งเคยเอาหลังอิงพิงค่ายแม่พระธรณีบีบมวยผม ล่าสุดเหินฟ้าไปโอภาปราศรัยกับแม้ว ฎีกาแดงอย่างไม่กลัวใครเห็น
ยังไม่พอ...ต้องเล่าไปถึงเรื่องบรรดาลิ่วล้อของทักษิณ ที่บินไปมาหาสู่กันให้ควั่ก ไปกันแต่ละทีก็ได้เงินได้ทองได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านอิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้า บางคณะต้องไปรอทักษิณเป็นวันๆ ก็ทนได้ไม่อิดออด
คนพวกนี้ลิ้นสองแฉก ใจทราม พอเจอนายเก่ามะเร็งรุมปั๊บ จะนัวเนียพันแข้งพันขาไม่รอช้า เมื่อได้เงินได้ทองเต็มท้องกางแล้ว ก็รีบชิ่งกลับบ้านทันทีไม่รอช้าเช่นกัน
รีบขนาดไหน? ก็ขนาดทิ้งรูปถ่าย พร้อมลายเซ็น และโปสเตอร์ที่ทักษิณไหว้วานให้หอบนำกลับไปแจก “รากหญ้า” มันยังลืมได้เลยคิดดู ปากก็บอกว่ารัก แต่พอรูปมันบอกว่า “หนักกระเป๋า” ไม่เอาไปด้วยเผ่นแน่บกลับบ้าน เป๋าตุง...ทักษิณโง่ได้ถ้วยเลยจริงๆ ถูกหลอกกินหลอกใช้ไม่รู้เจ็บรู้จำ
ล่าสุดมีเรื่องเล่าจากลอนดอนบอกว่า คนบางคนถึงกับติดต่อขอจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ให้ทำข่าวทำลายสถาบันสูงสุดของเมืองไทย
แต่ทางโน้นเขาตอกกลับหน้าหงายว่า ไม่ทำ และทำไม่ได้ เพราะสถาบันสูงสุดของประเทศไทยหยั่งรากฝังลึกมานาน ราชวงศ์ไทยกับอังกฤษใกล้ชิดกันมาก ทั้งพระมหากษัตริย์ของไทยท่านทรงทศพิธราชธรรม และทำทุกสิ่งเพื่อปวงชนชาวไทยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนได้ชื่อว่าเป็นมหาราชแห่งสยามประเทศ กษัตริย์พระองค์นี้ยังเป็นที่ยอมรับและนับถือจากทุกราชวงศ์ และผู้นำทุกประเทศทั่วโลก บริษัทนี้เขาประชุมกันแล้วบอกเลิกศาลาไม่รับงานนี้และไม่คบหากับลูกค้ารายนี้อีกต่อไป เพราะไม่อยากเปรอะเปื้อนไปด้วย…ไชโยปรบมือดังๆ
ซ้ำร้าย...มีคนเล่าว่า นายหญิงทำเอกสารขอวีซ่าเข้าอังกฤษใหม่อีกรอบหนึ่ง แน่นอน...รู้ไว้เสีย...อังกฤษนะเป็นประเทศนะจ๊ะ ไม่ใช่แป้งเย็น... ผลคือ No ตามระเบียบเรียบร้อยโรงเรียนลอนดอน…สมน้ำหน้า
ตอนนี้ลอนดอนอากาศดี แต่ไม่รู้เป็นไงใครต่อใครถึงอยู่กันไม่ได้ คนแรกหน้าตาดีไม่อิดโรยเหมือนคนป่วยแต่ไม่มียางพอจะสู้หน้า และไม่กล้าติดคุก เลยเร้นกายไปอยู่อเมริกาแล้ว คนต่อมาพาเมียพาลูกไปดูบ้านดูโรงเรียนเสร็จกลับไม่ชอบ คงเพราะมีหวยให้เล่นไม่สาแก่ใจมั้ง เลยอพยพไปอยู่อเมริกาอีกครัว กะว่าถ้าโชคดีมีดวงคงได้ “ล๊อตโต” กับเขาบ้าง...ถ้าไม่ติดคุกเสียก่อนนะ
งานนี้ทั้งยางทั้งหวยอ่วมด้วยกันทั้งคู่...ดูสิ ตุลาการออกฤทธิ์พิชิตคนชั่วแล้ว
ตบท้ายด้วยข่าวจากปากหมอดูอีทีพม่า เขาบอกว่าต้นปีหน้า กระสุนสังหารจะทำงานอีกคำรบ และยกนี้ไม่พลาดเป้า แต่ที่หมายจะเป็นหัวใครโปรดติดตาม...เขาว่างานนี้ยิงกระสุนนัดเดียวได้เลือดนองท้องช้างกันเลยพี่น้อง.
งานนี้ทักษิณต้องเสียเงินอักโขทีเดียว ในการเกณฑ์คนมาใส่เสื้อแดง เพื่อเข้าร่วมขบวนพิธีถวายฎีกา..พิธีเถื่อนของนักโทษที่ดิ้นรนต่อสู้แม้รู้ว่าทำผิดกฎหมาย ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง เพราะงานนี้มีเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท - เสรีภาพ และชีวิตเป็นเดิมพัน...ทักษิณสู้ตาย
เพื่อนนักการเงินคนหนึ่ง เปรยให้ฟังขณะนั่งดูการถ่ายทอดสดจากช่อง MTV เมื่อเห็นคนเสื้อแดงหาบห่อผ้าสีแดงเดินตามขบวนของสามเกลอหัวขวดต้อยๆ ว่า
“สงสัยกุนซือทักษิณดูหนังจีนกำลังภายในมากไปมั้ง ดูสิทั้งหาบแดง ห่อแดง แล้วหาบหัวท้ายแบบนี้ เหมือนหาบโลงศพจะไปสุสาน” …ฟังแล้วเห็นด้วย
แต่เพื่อนรุ่นน้องนักข่าวการเมืองคนหนึ่ง กลับสนใจเรื่องการถ่ายทอดสดมากกว่า เขามองว่ารัฐบาลไม่ควรปล่อยให้ภาพเหล่านี้หลุดออกสู่สายตาสาธารณชนแม้แต่น้อย
“ภาพทุกภาพที่ปรากฏออกมาจะต่อยอดกับกิจกรรม “ล้มเจ้า” ที่ปรากฏใต้ดินและบนดินมาตลอดในหลายปีนี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่จะช่วยกันทุบตี และบั่นทอนความเข้มแข็งของสถาบันสูงสุดอย่างรุนแรง” …นี่ยังไม่นับงานดำทั้งแผ่นดิน เพื่อล้มอำมาตย์อีกนะ ไม่รู้สาทิตย์มัวทำอะไรอยู่
แต่มีเพื่อนๆ ทางเมล์คัดเอาบางส่วนจากคอมเมนต์เด็ดในเว็บไซต์ แมเนเจอร์ ที่นับเส้นทางการทำงานหลังแม้วแดงตีมึนถวายฎีกาว่า เป็นงานที่ใช้เงินมาก และดูออกว่าสามเกลอรวยเช็ด ส่วนเนื้องานนั้น เขาอธิบายว่า ทั้งงานวันเกิดและวันถวายฎีกา หน้าตาเหมือนงานกงเต๊กเลย!!! …ลองอ่านดูเอาเอง
“กรูเอาใจช่วยเมิงด้วย หวังว่าเขาจะตรวจสอบชื่อเสร็จก่อนเมิงแห้งตายนะ เห็นเขาว่าคนมาลงชื่อช่วยเมิงมากมาย ตั้งห้าล้านคนแนะ ซวยเลยเมิง...กรูว่าถ้าขยันๆ หน่อย คงตรวจชื่อได้วันละซัก 1,000 คน กว่าจะตรวจเสร็จก็ใช้เวลาแค่ 5,000 วัน ก็แค่ 13 ปีเองอ่ะ...อุอุ หักเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดรายการอีก กรูว่าซัก 16 ปีคงพอมั้ง...ฮ่าฮ่าฮ่า” ...นี่เป็นแค่ตัวอย่างตอนหนึ่งเท่านั้น
เพื่อนอีกคนหนึ่งเป็นข้าราชการกระทรวงหมอ บอกว่า เห็นขบวนถวายฎีกาแดงแล้วขัดใจ สงสัยว่าทำไมทั้งตำรวจและทหารไม่ออกมาจัดการกับ “ไอ้พวกระยำตำบอน”เหล่านี้ให้สิ้นซาก ปล่อยให้คนผิดลอยนวลย่ำยีซ้ำเติมประเทศและสถาบันอยู่ได้
เพื่อนคนนี้บ่นพึมพำได้สักพักก็สำลักความในใจออกมาว่า “เออ...ตาหมัก หมูกหมูปากหมาแกป่วยหนักมากนะ มะเร็งลามไปทั่ว ล่าสุดต้องสี่คนหามสามคนแห่แบกเข้าโรงพยาบาลหรูหราแห่งหนึ่งกลางถนนสุขุมวิท คราวนี้เข้าเงียบๆ แล้วใช้ชื่อปลอมด้วย ท่าทางคงไม่รอด เพราะถึงกับต้องให้อาหารทางสายน้ำเกลือแล้ว”
ถึงตรงนี้บทสนทนาเริ่มเปลี่ยนจากฎีกาแม้วมาสู่โรคภัยไข้เจ็บ เมื่อเพื่อนจากวงการบันเทิงคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาว่า
“เฮียสุริยะก็เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ขั้นที่ 3 เหมือนกัน ก่อนหน้านี้หนีไปรักษาตัวที่เมืองนอก กลับมาค่อยยังชั่วขึ้น แต่ไปทำชั่วมาอีกแล้วหรือไงไม่รู้ ผ่านไปแค่ 3 ปีมะเร็งกลับมาอีกรอบ คราวนี้วิ่งจี๋ไปหาหมอคณะเดียวกันกับตาหมัก หมูกหมูปากหมาเลย” …ไม่รู้เป็นไง...นึกถึงพวกนี้ทีไร พาลให้คิดไปว่า ใครก็ตามไปทำไม่ดีกับพระวิหาร มักมีอันเป็นไปอย่างนี้ทุกรายสิน่า
เพื่อนคนนี้เล่าเรื่องเฮียสุริยะแล้วบ่นงึมงำว่า ขาดรายได้ไปเยอะ เมื่อเฮียป่วยถึงเพียงนี้คงไม่มีกระจิตกระใจไปดีดดิ้นกับน้องๆ หนูๆ ให้โรคซ้ำกรรมซัดอีก เป็นเสียอย่างนี้แล้ว อนุมานว่า รายได้คงหดหายไปไม่มากก็น้อย เพราะลูกค้ารายใหญ่ฝากกระโน้นก็เป็นมะเร็งในต่อมลูกหมากเหมือนกัน…เห็นป่ะนี่ก็อีกราย...ยังไม่นับที่ตายไปก่อนหน้านี้อีกละ
“ช่วงนี้ค้าไม่ได้ขายไม่ดีลูกค้ารายใหญ่กระเป๋าหนักพากันเป็นมะเร็งไปเสียหมด” เพื่อนเก่าสายบันเทิงบ่นไม่หยุด และเล่าต่อไปโดยหาได้มีใครสนใจการถ่ายทอดสดฎีกาแดงไม่ “เฮียคนโน้นเจ้าของห่อแดงแรงฤทธิ์แกผอมเอาๆ เลยไม่นำเข้าน้องหนูไปจู้ฮุกกรูอีกแล้ว ตอนนี้ทุ่มเทเงินทองนำเข้าหมอๆ หมดไปหลายตังค์ มีทั้งหมอไทยหมอฝรั่ง เพราะที่ดูไบมีแต่หมอปากีสถานที่ไม่ค่อยจะเป็นเรื่องมะเร็งสักเท่าไร”
ถามไถ่กันไปมาความว่า คนดูไบเจ็บไข้ได้ป่วยบักโกรก ผ่ายผอมผิดรูปร่าง แต่ยังขืนใจสู้ อุตส่าห์ลุกขึ้นมาโฟนอินวันละสามรอบสี่รอบ สารพัดจะอ้าง สารพัดจะตลบตะแลง สาบานอีกร้อยแปด
คนเราอะนะ...ลองมันจะเอาอะไรให้ได้แล้ว ให้มันทำอะไรก็ยอม เลียขี้ก็ยังเอา ถ้าได้กลับบ้านและเงินไม่โดนยืด มันทำได้ทั้งนั้น ก็โถ...โกงชาติ- จาบจ้วงยังทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับไอ้เรื่องขี้ปะติ๋ว กะอีแค่เลียขี้ ทำไมจะทำไม่ได้ เผลอๆ ทำได้ดีกว่าหมาอีก ไม่เชื่อใครลองมาท้าดูก็ได้
เวลานี้มีนักธุรกิจฝรั่งที่ผ่านไปทางดูไบเล่าว่า คนดูไบได้รับการอารักขาเข้มจาก “คนใหญ่” ที่เป็นญาติใกล้ชิดกับคนโตของประเทศ เขาสองคนทำธุรกิจหมื่นล้านด้วยกัน เลยได้ความคุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัยในดูไบ เมืองสวยที่กำลังประสบปัญหาการเงินอย่างหนักในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ด้วยการถมก่อสร้างหรูหรามากไป ขณะที่เศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก ไม่มีมหาเศรษฐีหน้าไหนมีเงินเหลือพอมาใช้ชีวิตร่ำรวยในดูไบอีกต่อไปแล้ว...เหตุนี้จึงจำใจต้อง “ง้อ” พี่แม้วจอมฎีกา กับเงินบาปของเขา
มีแต่เราเท่านั้น ที่นั่งมองตาปริบๆ ขณะที่ดูไบขยิบตาให้ทักษิณ จุดไฟโยนใส่บ้านเรา
หลายๆ คนที่ผ่านไปผ่านมา ยังกลับมาเล่าเรื่องทักษิณ อิน ดูไบให้ฟังว่า ฤดูนี้ที่ดูไบร้อนนักร้อนหนา ทักษิณเลยออกจากบ้านที่ “ดูไบ ครีก” มาเตร็ดเตร่อยู่แถวห้างสรรพสินค้าใหญ่เป็นว่าเล่น
แม้วแดงเดินเกร่ไปเกร่มาสักพัก ก็ชอบมานั่งแปะลอยหน้าลอยตาอยู่ที่ร้านกาแฟใหญ่ หวังให้คนไทยที่แห่ไปชอปปิ้งดูไบได้เห็นหน้าค่าตากันชัดๆ
คนไทยบางคนนี่ก็ช่างกระไร เห็นทักษิณเป็นไม่ได้ อาการบ้าดาราคนดังกำเริบทันที แทนที่จะพากันถ่มน้ำลายใส่คนขายชาติ กลับกรูกันเข้าไปยื้อแย่งถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึก!!!
หนักๆ เข้าแม้วแดงติดใจ เลยออกมานั่งรอคนถ่ายรูปทุกวี่ทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งเจอทีเด็ดจากพี่สาวเสื้อเหลืองคนหนึ่ง ที่ตะโกนแทรกขึ้นกลางวงชุลมุนถ่ายรูปหน้าร้านกาแฟว่า
“เรียกตำรวจมาจับมันเลย นักโทษหนีคดีอยู่ที่นี่เอง” ตะโกนเสร็จเจ๊เสื้อเหลืองก็เดินหลีกออกไปหน้าตาเฉย ปล่อยให้วงแตก – ตาค้างกันทั้งคนถ่ายและคนถูกถ่าย
คนที่ไปดูไบยังเล่าให้ฟังอีกว่า รอบตัวทักษิณล้วนเต็มไปด้วย “ข้าราชการสถานกงสุล” ใครเป็นใครรู้กันดีอยู่แก่ใจไม่ต้องสาธยายให้มากความอายเขา ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ “กษิต ภิรมย์” ซึ่งรู้เช่นเห็นชาติคนพวกนี้ดี จะมีมาตรการอย่างไรต่อไป เมื่อข้าราชการ กระทรวงการต่างประเทศ เดินอี๋อ๋อกับนักโทษหนีคุก ผู้จาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัวไม่เว้นวาง
เรื่องนั้นยังไม่เด็ดเท่ากับเรื่องนี้ เรื่องที่มี “ดร.ก.” เจ้าน้ำตาคนหนึ่งซึ่งเคยเอาหลังอิงพิงค่ายแม่พระธรณีบีบมวยผม ล่าสุดเหินฟ้าไปโอภาปราศรัยกับแม้ว ฎีกาแดงอย่างไม่กลัวใครเห็น
ยังไม่พอ...ต้องเล่าไปถึงเรื่องบรรดาลิ่วล้อของทักษิณ ที่บินไปมาหาสู่กันให้ควั่ก ไปกันแต่ละทีก็ได้เงินได้ทองได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านอิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้า บางคณะต้องไปรอทักษิณเป็นวันๆ ก็ทนได้ไม่อิดออด
คนพวกนี้ลิ้นสองแฉก ใจทราม พอเจอนายเก่ามะเร็งรุมปั๊บ จะนัวเนียพันแข้งพันขาไม่รอช้า เมื่อได้เงินได้ทองเต็มท้องกางแล้ว ก็รีบชิ่งกลับบ้านทันทีไม่รอช้าเช่นกัน
รีบขนาดไหน? ก็ขนาดทิ้งรูปถ่าย พร้อมลายเซ็น และโปสเตอร์ที่ทักษิณไหว้วานให้หอบนำกลับไปแจก “รากหญ้า” มันยังลืมได้เลยคิดดู ปากก็บอกว่ารัก แต่พอรูปมันบอกว่า “หนักกระเป๋า” ไม่เอาไปด้วยเผ่นแน่บกลับบ้าน เป๋าตุง...ทักษิณโง่ได้ถ้วยเลยจริงๆ ถูกหลอกกินหลอกใช้ไม่รู้เจ็บรู้จำ
ล่าสุดมีเรื่องเล่าจากลอนดอนบอกว่า คนบางคนถึงกับติดต่อขอจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ให้ทำข่าวทำลายสถาบันสูงสุดของเมืองไทย
แต่ทางโน้นเขาตอกกลับหน้าหงายว่า ไม่ทำ และทำไม่ได้ เพราะสถาบันสูงสุดของประเทศไทยหยั่งรากฝังลึกมานาน ราชวงศ์ไทยกับอังกฤษใกล้ชิดกันมาก ทั้งพระมหากษัตริย์ของไทยท่านทรงทศพิธราชธรรม และทำทุกสิ่งเพื่อปวงชนชาวไทยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนได้ชื่อว่าเป็นมหาราชแห่งสยามประเทศ กษัตริย์พระองค์นี้ยังเป็นที่ยอมรับและนับถือจากทุกราชวงศ์ และผู้นำทุกประเทศทั่วโลก บริษัทนี้เขาประชุมกันแล้วบอกเลิกศาลาไม่รับงานนี้และไม่คบหากับลูกค้ารายนี้อีกต่อไป เพราะไม่อยากเปรอะเปื้อนไปด้วย…ไชโยปรบมือดังๆ
ซ้ำร้าย...มีคนเล่าว่า นายหญิงทำเอกสารขอวีซ่าเข้าอังกฤษใหม่อีกรอบหนึ่ง แน่นอน...รู้ไว้เสีย...อังกฤษนะเป็นประเทศนะจ๊ะ ไม่ใช่แป้งเย็น... ผลคือ No ตามระเบียบเรียบร้อยโรงเรียนลอนดอน…สมน้ำหน้า
ตอนนี้ลอนดอนอากาศดี แต่ไม่รู้เป็นไงใครต่อใครถึงอยู่กันไม่ได้ คนแรกหน้าตาดีไม่อิดโรยเหมือนคนป่วยแต่ไม่มียางพอจะสู้หน้า และไม่กล้าติดคุก เลยเร้นกายไปอยู่อเมริกาแล้ว คนต่อมาพาเมียพาลูกไปดูบ้านดูโรงเรียนเสร็จกลับไม่ชอบ คงเพราะมีหวยให้เล่นไม่สาแก่ใจมั้ง เลยอพยพไปอยู่อเมริกาอีกครัว กะว่าถ้าโชคดีมีดวงคงได้ “ล๊อตโต” กับเขาบ้าง...ถ้าไม่ติดคุกเสียก่อนนะ
งานนี้ทั้งยางทั้งหวยอ่วมด้วยกันทั้งคู่...ดูสิ ตุลาการออกฤทธิ์พิชิตคนชั่วแล้ว
ตบท้ายด้วยข่าวจากปากหมอดูอีทีพม่า เขาบอกว่าต้นปีหน้า กระสุนสังหารจะทำงานอีกคำรบ และยกนี้ไม่พลาดเป้า แต่ที่หมายจะเป็นหัวใครโปรดติดตาม...เขาว่างานนี้ยิงกระสุนนัดเดียวได้เลือดนองท้องช้างกันเลยพี่น้อง.