ASTVผู้จัดการรายวัน- "วัชระ"แจ้งจับ 3 เกลอหัวขวด ฐานดูหมิ่นศาลขัดขวางการพิจารณา ล่ารายชื่อถวายฎีกาช่วย"แม้ว" อย่างผิดกฎหมาย จวกแอบอ้างล่าชื่อได้ 5 ล้าน เป็นการบีบบังคับ กดดัน และไม่บังควรอย่างยิ่ง วิปรัฐบาลระบุ ถวายฎีกาวันที่ 17 ส.ค. มีเลศนัย ด้าน "ชวรัตน์"เผยรายชื่อต้านฎีกาทะลุ 6 ล้านแล้ว ตั้งเป้า 10 ล้าน แต่ไม่ยื่นประกบ เตรียมยกพลให้กำลังใจ "เนวิน" ขึ้นศาล "มาร์ค"สั่งคุมเข้ม ไม่ให้มีการปะทะกันเด็ดขาด "ดร.เหลิม" อ้างถวายฎีกาไม่ผิด แต่ไม่ร่วมลงชื่อด้วย " วีระ" ยัน17ส.ค.ยื่นแน่ อ้างสำนักราชเลขา รับนัดถวายฎีกาแล้ว ขู่ฟ้องหมิ่นกลุ่มต้าน
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (13 ส.ค.) ที่ สน.ดุสิต นายวัชระ เพชรทอง ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบร.ต.ต.ภานุทัต นันสะอาง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา198 ผู้ใดดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดีหรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล หลังจากทั้ง 3 คนเป็นแกนนำในการล่าชื่อถวายฎีกาช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างผิดกฎหมาย โดยมี พ.ต.ท.ทินกร สมวันดี รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต ร่วมทำการสอบปากคำ
นายวัชระ กล่าวว่า ตนมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อตัวการที่ดำเนินการล่ารายชื่อถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีต นายนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โดยได้เขียนลงในแบบฟอร์ม จากหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน และนำมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อให้สืบสวนสอบสวนพฤติกรรมของกลุ่มผู้กระทำผิดที่ดำเนินการกดดัน และบีบบังคับสถาบันพระมหากษัตริย์
นายวัชระกล่าวว่า แบบฟอร์มในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน ชี้ให้เห็นว่า แกนนำทั้ง 3 คนกับพวก มีความผิดตามมาตรา 189 และ 198 แต่ในส่วนของตนที่มาแจ้งความนั้น จะแจ้งความเฉพาะมาตรา 198 เท่านั้น ซึ่งมีโทษความผิดที่หนักกว่า มาตรา 189 เพราะการที่กลุ่มนี้อ้างว่าสามารถล่ารายชื่อได้ถึง 5 ล้านรายชื่อนั้น เท่ากับเป็นการบีบบังคับ กดดัน สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง ตนเป็น ส.ส.มีหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย และไม่อาจจะนิ่งเฉยหรือนิ่งดูดายได้ จึงขอเป็นตัวแทนพ่อแม่พี่น้องประชาชน มาแจ้งความ
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า กลุ่มคนเสื้อแดง ไปล่ารายชื่อพี่น้องประชาชนในชนบท พร้อมบอกว่า หากต้องการให้ทักษิณกลับมา ให้ช่วยมาลงชื่อให้มากๆ ซึ่งตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่หลงเชื่อไปลงชื่อนั้น ไม่ได้อ่านรายละเอียดในฎีกาดังกล่าว และกลุ่มที่ดำเนินการ ก็ไม่ได้อ่านรายละเอียดของฎีกาดังกล่าวให้พี่น้องประชาชนฟัง แต่กลับเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนมาลงชื่อให้เยอะๆ เพื่อให้ทักษิณกลับประเทศไทยในฐานะผู้บริสุทธิ์เท่านั้น
"ขอถามว่า ถ้าเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ทำไมต้องหนีศาล ผู้บริสุทธิ์ทำไมต้องหนีการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม ทักษิณ อย่าได้ใช้อำนาจเงินมาซื้อใครในประเทศนี้อีกต่อไป ทักษิณ อาจจะใช้เงินซื้อคนบางคนได้ ทักษิณอาจจะชอบคนที่ทำตัวเป็นนกเอี้ยง แต่ผมเชื่อว่าทักษิณ ไม่สามารถใช้เงินซื้อคนทั้งประเทศไทยได้" ส.ส.พรรประชาธิปัตย์ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ทินกร กล่าวว่า เบื้องต้นจะสอบปากคำผู้แจ้งความร้องตามความประสงค์เอาไว้ หลังจากนั้น ก็จะแจ้งให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ส่วนเรื่องการดำเนินคดีนั้น ก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน
**ชี้"ฎีกาแดง"มีเลศนัยทางการเมือง
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึง กลุ่มคนเสื้อแดง จะถวายฎีกาในวันที่ 17 ส.ค.นี้ ว่า การดำเนินการดังกล่าวนั้น ไม่เป็นไปตามกฎหมาย และไม่เป็นไปตามราชประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมา จึงเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลจะต้องชี้แจงให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่า ในการอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยนั้น ทุกคนต้องยอมรับกระบวนการตามระบบนิติรัฐ
ส่วนการยื่นถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งตรงกับวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง จะมีการพิจารณาคดีกล้ายาง ของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยนั้น รัฐบาลไม่ควรจะประมาท เพราะการยื่นถวายฎีกาในวันดังกล่าว มีเลศนัย ต้องการหวังผลทางการเมือง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลจะต้องสร้างปัญญาให้เกิดความเข้าใจกับประชาชนทั่วไปว่า กระบวนการที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงดำเนินการอยู่นี้ อาจจะกระทบต่อความขัดแย้งในวงกว้างมากขึ้น
"ทุกคนเป็นห่วงว่า เดิมจะยื่นถวายฎีกาในช่วงที่เป็นวันมหามงคลนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่ในท้ายที่สุด แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงก็เลื่อนมาเป็นวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งตรงกับวันที่มีการตัดสินคดีของนายเนวิน จึงดูแล้วเหมือนกับมีเลศนัยว่า เหมือนกับต้องการให้เห็นว่า ถ้ามีฝ่ายหนึ่งมาให้กำลังใจในการพิจารณาของศาล อีกฝ่ายหนึ่งก็จะใช้โอกาสนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งของบุคคลทั้ง 2 ฝ่าย หรืออาจจะมีการปะทะกันของคนทั้ง 2 ฝ่ายได้ ซึ่งไม่อยากจะให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น จึงอยากขอร้องให้ทุกฝ่ายอย่าใช้เงื่อนไขในสิ่งที่ตนเองดำเนินการเพื่อสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลเองต้องมีมาตรการในการทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย" นายชินวรณ์กล่าว
**รายชื่อต้านฎีกาทะลุ 6 ล้าน
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ รวบรวมรายชื่อผู้ที่คัดค้านการยื่นถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าขณะนี้มีประชาชนมาร่วมลงชื่อเกิน 6 ล้านคนแล้ว เบื้องต้นกระทรวงมหาดไทย ได้มีการตั้งเป้าแรกไว้ที่ 10 ล้านคนขึ้นไป ซึ่งการตั้งโต๊ะ เพื่อให้ประชาชนได้แสดงความเห็นในการไม่เห็นด้วยกับการถวายฎีกา รวมทั้งประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็สามารถขอถอนรายชื่อได้
นายชวรัตน์ ยืนยันว่า จะไม่นำรายชื่อดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับกลุ่มคนเสื้อแดง และจะไม่ยื่นรายชื่อคนคัดค้านถวายฎีกา ไปประกบกับรายชื่อคนถวายฎีกาของคนเสื้อแดง แต่ก็จะเดินหน้าชี้แจงทำความเข้าใจ ให้ประชาชนลงชื่อคัดค้านการถวายฎีกาต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้สังคม และประชาชน ทราบว่า มีเสียงสะท้อนกลับที่มีต่อการถวายฎีกาว่า เป็นจำนวนเท่าใด
ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อยในวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงกำหนดยื่นถวายฎีกา และ จะมีการพิจารณาตัดสินคดีทุจริตจัดซื้อกล้ายางของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า การดูแลความปลอดภัย ต่างคนต่างทำหน้าที่ และพื้นที่ก็ไม่ติดกันด้วย ทั้งนี้ ในวันที่ 17 ส.ค. ตนจะนำ ส.ส. และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ไปให้กำลังใจ นายเนวิน ด้วยตนเอง หากไม่ติดภารกิจที่สำคัญจริงๆ
**ท่องคาถาทำความเข้าใจกับประชาชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการถวายฎีกาของคนเสื้อแดง ในการขอพระราชทานอภัยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า นักวิชาการก็ได้แสดงความคิดเห็น ท่าที ไปแล้ว และได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกอะไรต่างๆ เรื่องนี้จะมาถึงรัฐบาลก็ต่อเมื่อมีการยื่นฎีกาต่อสำนักเลขาธิการพระราชวัง และส่งมายังรัฐบาลแล้วเท่านั้น ทั้งนี้จะมีการจัดรายการพิเศษหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องของสถานี
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ไม่ห่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะเชิญคนที่มีความน่าเชื่อถือของสังคมมาเป็นแกนนำในการถวายฎีกา โดยรัฐบาลจะยังเดินหน้าทำความเข้าใจกับประชาชนว่า การถวายฎีกาไม่ใช่เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ และเรื่องที่จะถวายนั้น เข้าข่ายฎีกาหรือไม่ก็ต้องไปดูที่เนื้อหาสาระ แต่เท่าที่ติดตามมา หลายคนมีความเห็นว่าไม่ใช่ เป็นเรื่องของการเมือง ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้มันก็จะเดินไปตามเส้นทางของมัน เมื่อส่งไปยังสำนักเลขาธิการพระราชวัง จากนั้นก็จะส่งเรื่องมายังรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลก็จะให้ความเห็นชัดเจน
"จะเป็นใครมายื่นก็แล้วแต่ สำคัญที่เนื้อหาสาระตัวหนังสือ ถ้าเนื้อหาสาระไม่เข้าข่าย ต่อให้ใครมายื่นก็ไม่เข้าข่ายทั้งนั้น"
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะยับยั้งการกระทำอันมิบังควรนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการใช้สิทธิ และเท่าที่ตนได้ติดตามดูก็ยังไม่ชัดเจน มีความเห็นบางกลุ่มระบุว่า ขัดต่อกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการเป็นเรื่องของความเห็นแต่ละกลุ่มไป แต่ขั้นตอนที่จะมาถึงรัฐบาล ต้องผ่านสำนักราชเลขาธิการฯ มาก่อน เมื่อถามว่าขณะนี้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้แจ้งความต่อเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นความเห็นของแต่ละคนที่จะต้องรับผิดชอบในความเห็นของตัวเองไป
เมื่อถามว่าหวั่นหรือไม่ ว่าวันที่ 17 ส.ค.นี้ จะเกิดความวุ่นวายขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลความเรียบร้อย ทุกคนต้องเข้าใจว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างปัญหาให้กับประชาชนทั้งประเทศ ภาพลักษณ์ของประเทศจะได้รับผลกระทบ ความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ขณะนี้พูดตามจริงเวลาที่เราเดินทางไปติดต่อกับนักลงทุนต่างประเทศ เขาห่วงอยู่ 2 อย่าง คือ เรื่องการเมือง ไม่ต้องการจะเห็นความรุนแรง เหตุการณ์ไม่ปกติอีก อย่างที่ 2 คือ เรื่องไข้หวัด ซึ่งเราต้องแก้ไขกันไป ฉะนั้นหากไปทำอะไรที่เป็นอย่างนั้น ก็มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนมากขึ้น และจะทำให้คนประสบปัญหาเศรษฐกิจ คนยากจนลำบากที่สุด
**"มาร์ค"ลั่นต้องไม่มีการปะทะกัน
เมื่อถามว่า มีรายงานหรือไม่ว่าจะมีสัญญาณที่น่าห่วง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังครับ แต่เราก็ไม่ประมาท เพราะเราทราบว่าเมื่อไรก็ตามที่มีการรวมตัวของคนเยอะๆ ต้องระมัดระวัง เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุ เหตุแทรกซ้อนได้ เมื่อถามอีกว่าเกรงหรือไม่จะเกิดเหตุเนื่องจากเป็นวันเดียวกับที่ศาลตัดสินคดีกล้ายาง ของนาย เนวิน ชิดชอบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไม่ให้ปะทะกัน และ เจ้าหน้าที่จะต้องได้รับคำสั่งชัดเจน ไม่ให้คนสองกลุ่มปะทะกัน
เมื่อถามว่าได้มีการกำชับกับ พล.ต.อ.วิเชียร์ พจน์โพธิ์ศรี รักษาการ ผบ.ตร. หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าได้พูดกันตั้งแต่รอบแรกที่ท่านรักษาการแล้วว่า เป็นงานที่ท่านต้องทำให้สำเร็จ ส่วนการประเมินตัวเลขไว้หรือไม่นั้น ยังไม่มีการประเมิน ยังต้องใช้เวลาการประเมินในระยะเวลาใกล้ๆ
"เราไม่ต้องการเห็นการปะทะใดๆทั้งสิ้น ไม่ต้องการเห็นความรุนแรง ใครจะใช้สิทธิ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย"
เมื่อถามอีกว่า การไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะว่า พูดกันชัดเจนว่า เป็นหน้าที่เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อบ้านเมือง ปัญหาอุปสรรคต่างๆก็มีการพูดคุยกันตั้งแต่เดือน เม.ย.แล้ว
**ค้านราชเลขาฯนำฎีกาแดงขึ้นทูลเกล้าฯ
วานนี้(13 ส.ค.) ที่องค์การกลาง พล.อ.สายหยุด เกิดผล รวมมือกับอีกหลายเครือข่าย อาทิ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานเครือข่ายสยามสามัคคี เป็นต้น ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านการถวายฏีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท. ทักษิณ เนื่องจากเป็นฎีกาที่มิชอบด้วยกฏหมาย และจะเป็นการกดดันสถาบันเบื้องสูง สร้างความแตกแยก ซึ่งอาจเป็นการตั้งต้นของการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ของประชาชน
ทั้งนี้ตัวแทนจากเครือข่ายองค์กรเอกชน ประกอบด้วย เครือข่ายปัญญาสยาม เครือข่ายธรรมาภิบาล มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย เครือข่ายปวงชนต่อต้านอธรรม ร่วมกันทำหนังสือถึง สำนักราชเลขาธิการ เพื่อขอคัดค้านการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ขอพระราช ทานอภัยโทษ ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ และขอให้สำนักราชเลขาธิการ โปรดงด เว้นนำเรื่องฎีกาอันไม่ชอบด้วยกฎหมายนี้ ขึ้นกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
**"วีระ"ลั่น 17 ส.ค.ไม่เปลี่ยนแปลง
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดขบวนประชาชนคนเสื้อแดง เพื่อไปถวายฎีกาว่า ยืนยันวันที่ 17 ส.ค.นี้ เป็นวันนัดหมายที่แน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะได้รับการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และได้ประชุมร่วมกับสำนักราชเลขาธิกาาร เรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มชุมนุมที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 04.00 น. จะมีการปราศรัย ชี้แจงทำความเข้าใจถึงขั้นตอนปฏิบัติในการถวายฎีกา
จากนั้นในเวลา 11 .00 น. จะมีการตั้งริ้วขบวนคนเสื้อแดงประมาณ 2 พันคน ที่บริเวณถนนหน้าพระธาตุ หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อนำกล่องบรรจุใบฎีกา ประมาณ 500 - 600 กล่อง ไปส่งให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ที่บริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง จะไม่มีการล่วงล้ำเข้าในเขตกำแพงพระบรมมหาราชวัง แต่จะมีแกนนำนปช.จำนวน 8 คน เป็นตัวแทนเข้าไปในพระบรมมหาราชวังและนำเอกสารใบถวายฎีกาไปยื่น ที่ศาลาลูกขุน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักราชเลขาธิการ หลังพิธีเสร็จสิ้น แกนนำทั้งหมดจะกลับมารายงานให้คนเสื้อแดงที่ สนามหลวงรับทราบ จากนั้นก็จะร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และสลายการชุมนุมในเวลาประมาณ 15.00 น.
นายวีระ กล่าวด้วยว่า การถวายฎีกาครั้งนี้ แกนนำนปช. ทุกคนไม่มีข้อวิตกใดๆ ตามที่มีคนข่มขู่ไว้ และขอฝากไปยังคนที่ไปแจ้งควาจับ 3 แกนนำนปช. เรื่องการถวายฎีกา ว่า ถ้าไม่ต้องการตกเป็นจำเลยเสียเอง ก็ขอให้ถอนแจ้งความเสีย
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การที่สำนักราชเลขาธิการได้ประสานมาเช่นนี้ เท่ากับเป็นเครื่องยืนยันว่า คนเสื้อแดงสามารถถวายฎีกาได้ ดังนั้นหลังจากการถวายฎีกาเสร็จสิ้นแล้ว พวกตนจะดำเนินคดีฟ้องกลับกลุ่มคนบุคคลที่พยายามขัดขวางการถวายฎีกาของคนเสื้อแดง ด้วยการแจ้งความดำเนินคดีพวกตนในข้อหาหมิ่นศาล ทั้งหมดในข้อหาแจ้งความเท็จ
**ถวายฎีกาไม่ผิด แต่"เหลิม"ไม่เอาด้วย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวยอมรับว่า ไม่ได้ร่วมลงชื่อถวายฎีกากับกลุ่มเสื้อแดง โดยมีเหตุผลส่วนตัว ไม่ขอพูด ส่วนที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ กล่าวว่า จะเกณฑ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาร่วมลงชื่อทุกคนนั้น ตนไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ผิดกฏหมายแน่นอน พวกที่ออกมาพูด คือพวกอ่านกฎหมายไม่รู้ ดูกฎหมายไม่เป็น
**"ชุมพล"ทำบื้อไม่รูใครขัดแย้งใคร
นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงเรื่องกลุ่มเสื้อแดงจะถวายฎีกาวันที่ 17 ส.ค.นี้ ว่า ไม่เป็นห่วงเรื่องนี้เลย คงไม่มีอะไร เป็นเพียงแค่ความเห็นฝ่ายหนึ่งมองว่าไม่ควรทำ เป็นการก้าวล่วงก็เท่านั้นเอง อีกฝ่ายหนึ่งก็เห็นว่าประชาชนเสนอไปตามปกติ
ต่อข้อถามว่าจะเป็นชนวนความขัดแย้งต่อไปเรื่อยๆหรือไม่ นายชุมพล ย้อนถามว่า ขัดแย้งระหว่างใครกับใคร สื่อมวลชนตอบว่าระหว่างสีต่างๆ นายชุมพล กล่าวว่า ก็คงไม่มีอะไร อย่างตนนี่ก็สีเขียวแล้ว ไม่มีอะไรทั้งสิ้น และจะไม่มีถึงขนาดเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมา
**"เทือก"ให้ ตร.ดูแลความเรียบร้อย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมแผนรักษาความปลอดภัยในกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะถวายฎีกา วันที่ 17 ส.ค. ว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ตนใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักในการดูแลความสงบก่อน หากไม่สามารถดูแลได้เขาจะกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อถามว่า ทางกลุ่มเสื้อแดงจะมาเรือนแสนคน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ถ้าทำผิดกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ ส่วนด้านการข่าวไม่มีอะไร ติดตามอยู่
**กอ.รมน.ได้แต่รอดู"ฎีกาแดง"ป่วน
พล.ต. ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงการถวานฎีกา ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ว่า กอ.รมน.ไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องนี้ และผู้บังคับบัญชาไม่ได้มอบหมายให้ กอ.รมน. ดำเนินการอะไร และกอ.รมน.ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม กอ.รมน. ติดตามเฝ้าดูสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่อยากให้ประชาชนเกิดความแตกแยก และเป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะประเมินสถานการณ์ แต่หากมีเหตุการณ์หรือเกิดความไม่สงบขึ้น กอ.รมน.จังหวัด หรือ กอ.รมน.ภาค มีแผนรองรับอยู่ คิดว่าประชาชนเข้าใจดีว่าอะไรเป็นอะไร
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น ขณะนี้ กอ.รมน.ในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อยู่ แต่เบื้องต้นน่าจะเป็นเรื่องของตำรวจ
"พสกนิกรทั้งหมด ล้วนเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน แต่มีความคิดเห็นแตกต่างกันเท่านั้น กอ.รมน. ถือเป็นพสกนิกรที่สื่อเรื่องต่างๆ ที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบ ซึ่ง ผบ.ทบ.พูดเสมอว่า ท่านไม่อยากแสดงความคิดเห็นอะไรเรื่องนี้ เพราะหากแสดงความคิดเห็นคงไม่เหมาะสม หรือหากพูดไปจะเหมือนกับเอียงไปด้านหนึ่ง ทหารแบ่งไม่ได้ว่า เราจะเข้ากับประชาชนกลุ่มไหน เพราะทหารต้องรักษาประเทศ และประชาชน ทั้งนี้ กอ.รมน. ส่วนกลางไม่ได้สั่งการให้ระงับ หรือขัดขวางการล่ารายชื่อ เพราะไม่ใช่งานของ กอ.รมน." โฆษก กอ.รมน.กล่าว
**พท.ลั่นอีก 3 เดือนมีบิ๊กเซอร์ไพรส์
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงความมั่นใจว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ ซึ่งจะเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ของจริงภายใน 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งตรงกับภายในเดือนพ.ย.นี้ และจะมีการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม โดยเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดสงคราม เกิดจลาจลรากหญ้า และอาจเกิดการรัฐประหารอีกครั้ง เพราะสถานการณ์ของเวลานี้รัฐบาลวันนี้ลำบาก ไม่มีบุคคลที่สามารถแก้ไขวิกฤตได้ รัฐบาลอยู่เพื่อซื้อเวลาเท่านั้น
สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เชื่อว่าจะไม่เดินทางกลับประเทศไทยก่อนเลือกตั้งแน่นอน แต่จะกลับมาหลังการเลือกตั้งใหญ่ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย จะได้เป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็จะกลับมาอย่างแน่นอน
"วันนี้รองเท้า เสื้อผ้าก็เตรียมพร้อมแล้ว อาจจะเป็นการอภัยโทษ หรือนิรโทษกรรมก็ได้ ต้องล้างทุกอย่างให้หมด จึงอยากให้จับตาดูเหตุการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า นี้ให้ดี" นายประชากล่าว.
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (13 ส.ค.) ที่ สน.ดุสิต นายวัชระ เพชรทอง ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบร.ต.ต.ภานุทัต นันสะอาง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา198 ผู้ใดดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดีหรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล หลังจากทั้ง 3 คนเป็นแกนนำในการล่าชื่อถวายฎีกาช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างผิดกฎหมาย โดยมี พ.ต.ท.ทินกร สมวันดี รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต ร่วมทำการสอบปากคำ
นายวัชระ กล่าวว่า ตนมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อตัวการที่ดำเนินการล่ารายชื่อถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีต นายนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โดยได้เขียนลงในแบบฟอร์ม จากหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน และนำมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อให้สืบสวนสอบสวนพฤติกรรมของกลุ่มผู้กระทำผิดที่ดำเนินการกดดัน และบีบบังคับสถาบันพระมหากษัตริย์
นายวัชระกล่าวว่า แบบฟอร์มในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน ชี้ให้เห็นว่า แกนนำทั้ง 3 คนกับพวก มีความผิดตามมาตรา 189 และ 198 แต่ในส่วนของตนที่มาแจ้งความนั้น จะแจ้งความเฉพาะมาตรา 198 เท่านั้น ซึ่งมีโทษความผิดที่หนักกว่า มาตรา 189 เพราะการที่กลุ่มนี้อ้างว่าสามารถล่ารายชื่อได้ถึง 5 ล้านรายชื่อนั้น เท่ากับเป็นการบีบบังคับ กดดัน สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง ตนเป็น ส.ส.มีหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย และไม่อาจจะนิ่งเฉยหรือนิ่งดูดายได้ จึงขอเป็นตัวแทนพ่อแม่พี่น้องประชาชน มาแจ้งความ
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า กลุ่มคนเสื้อแดง ไปล่ารายชื่อพี่น้องประชาชนในชนบท พร้อมบอกว่า หากต้องการให้ทักษิณกลับมา ให้ช่วยมาลงชื่อให้มากๆ ซึ่งตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่หลงเชื่อไปลงชื่อนั้น ไม่ได้อ่านรายละเอียดในฎีกาดังกล่าว และกลุ่มที่ดำเนินการ ก็ไม่ได้อ่านรายละเอียดของฎีกาดังกล่าวให้พี่น้องประชาชนฟัง แต่กลับเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนมาลงชื่อให้เยอะๆ เพื่อให้ทักษิณกลับประเทศไทยในฐานะผู้บริสุทธิ์เท่านั้น
"ขอถามว่า ถ้าเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ทำไมต้องหนีศาล ผู้บริสุทธิ์ทำไมต้องหนีการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม ทักษิณ อย่าได้ใช้อำนาจเงินมาซื้อใครในประเทศนี้อีกต่อไป ทักษิณ อาจจะใช้เงินซื้อคนบางคนได้ ทักษิณอาจจะชอบคนที่ทำตัวเป็นนกเอี้ยง แต่ผมเชื่อว่าทักษิณ ไม่สามารถใช้เงินซื้อคนทั้งประเทศไทยได้" ส.ส.พรรประชาธิปัตย์ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ทินกร กล่าวว่า เบื้องต้นจะสอบปากคำผู้แจ้งความร้องตามความประสงค์เอาไว้ หลังจากนั้น ก็จะแจ้งให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ส่วนเรื่องการดำเนินคดีนั้น ก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน
**ชี้"ฎีกาแดง"มีเลศนัยทางการเมือง
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึง กลุ่มคนเสื้อแดง จะถวายฎีกาในวันที่ 17 ส.ค.นี้ ว่า การดำเนินการดังกล่าวนั้น ไม่เป็นไปตามกฎหมาย และไม่เป็นไปตามราชประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมา จึงเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลจะต้องชี้แจงให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่า ในการอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยนั้น ทุกคนต้องยอมรับกระบวนการตามระบบนิติรัฐ
ส่วนการยื่นถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งตรงกับวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง จะมีการพิจารณาคดีกล้ายาง ของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยนั้น รัฐบาลไม่ควรจะประมาท เพราะการยื่นถวายฎีกาในวันดังกล่าว มีเลศนัย ต้องการหวังผลทางการเมือง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลจะต้องสร้างปัญญาให้เกิดความเข้าใจกับประชาชนทั่วไปว่า กระบวนการที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงดำเนินการอยู่นี้ อาจจะกระทบต่อความขัดแย้งในวงกว้างมากขึ้น
"ทุกคนเป็นห่วงว่า เดิมจะยื่นถวายฎีกาในช่วงที่เป็นวันมหามงคลนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่ในท้ายที่สุด แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงก็เลื่อนมาเป็นวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งตรงกับวันที่มีการตัดสินคดีของนายเนวิน จึงดูแล้วเหมือนกับมีเลศนัยว่า เหมือนกับต้องการให้เห็นว่า ถ้ามีฝ่ายหนึ่งมาให้กำลังใจในการพิจารณาของศาล อีกฝ่ายหนึ่งก็จะใช้โอกาสนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งของบุคคลทั้ง 2 ฝ่าย หรืออาจจะมีการปะทะกันของคนทั้ง 2 ฝ่ายได้ ซึ่งไม่อยากจะให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น จึงอยากขอร้องให้ทุกฝ่ายอย่าใช้เงื่อนไขในสิ่งที่ตนเองดำเนินการเพื่อสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลเองต้องมีมาตรการในการทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย" นายชินวรณ์กล่าว
**รายชื่อต้านฎีกาทะลุ 6 ล้าน
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ รวบรวมรายชื่อผู้ที่คัดค้านการยื่นถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าขณะนี้มีประชาชนมาร่วมลงชื่อเกิน 6 ล้านคนแล้ว เบื้องต้นกระทรวงมหาดไทย ได้มีการตั้งเป้าแรกไว้ที่ 10 ล้านคนขึ้นไป ซึ่งการตั้งโต๊ะ เพื่อให้ประชาชนได้แสดงความเห็นในการไม่เห็นด้วยกับการถวายฎีกา รวมทั้งประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็สามารถขอถอนรายชื่อได้
นายชวรัตน์ ยืนยันว่า จะไม่นำรายชื่อดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับกลุ่มคนเสื้อแดง และจะไม่ยื่นรายชื่อคนคัดค้านถวายฎีกา ไปประกบกับรายชื่อคนถวายฎีกาของคนเสื้อแดง แต่ก็จะเดินหน้าชี้แจงทำความเข้าใจ ให้ประชาชนลงชื่อคัดค้านการถวายฎีกาต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้สังคม และประชาชน ทราบว่า มีเสียงสะท้อนกลับที่มีต่อการถวายฎีกาว่า เป็นจำนวนเท่าใด
ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อยในวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงกำหนดยื่นถวายฎีกา และ จะมีการพิจารณาตัดสินคดีทุจริตจัดซื้อกล้ายางของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า การดูแลความปลอดภัย ต่างคนต่างทำหน้าที่ และพื้นที่ก็ไม่ติดกันด้วย ทั้งนี้ ในวันที่ 17 ส.ค. ตนจะนำ ส.ส. และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ไปให้กำลังใจ นายเนวิน ด้วยตนเอง หากไม่ติดภารกิจที่สำคัญจริงๆ
**ท่องคาถาทำความเข้าใจกับประชาชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการถวายฎีกาของคนเสื้อแดง ในการขอพระราชทานอภัยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า นักวิชาการก็ได้แสดงความคิดเห็น ท่าที ไปแล้ว และได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกอะไรต่างๆ เรื่องนี้จะมาถึงรัฐบาลก็ต่อเมื่อมีการยื่นฎีกาต่อสำนักเลขาธิการพระราชวัง และส่งมายังรัฐบาลแล้วเท่านั้น ทั้งนี้จะมีการจัดรายการพิเศษหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องของสถานี
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ไม่ห่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะเชิญคนที่มีความน่าเชื่อถือของสังคมมาเป็นแกนนำในการถวายฎีกา โดยรัฐบาลจะยังเดินหน้าทำความเข้าใจกับประชาชนว่า การถวายฎีกาไม่ใช่เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ และเรื่องที่จะถวายนั้น เข้าข่ายฎีกาหรือไม่ก็ต้องไปดูที่เนื้อหาสาระ แต่เท่าที่ติดตามมา หลายคนมีความเห็นว่าไม่ใช่ เป็นเรื่องของการเมือง ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้มันก็จะเดินไปตามเส้นทางของมัน เมื่อส่งไปยังสำนักเลขาธิการพระราชวัง จากนั้นก็จะส่งเรื่องมายังรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลก็จะให้ความเห็นชัดเจน
"จะเป็นใครมายื่นก็แล้วแต่ สำคัญที่เนื้อหาสาระตัวหนังสือ ถ้าเนื้อหาสาระไม่เข้าข่าย ต่อให้ใครมายื่นก็ไม่เข้าข่ายทั้งนั้น"
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะยับยั้งการกระทำอันมิบังควรนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการใช้สิทธิ และเท่าที่ตนได้ติดตามดูก็ยังไม่ชัดเจน มีความเห็นบางกลุ่มระบุว่า ขัดต่อกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการเป็นเรื่องของความเห็นแต่ละกลุ่มไป แต่ขั้นตอนที่จะมาถึงรัฐบาล ต้องผ่านสำนักราชเลขาธิการฯ มาก่อน เมื่อถามว่าขณะนี้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้แจ้งความต่อเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นความเห็นของแต่ละคนที่จะต้องรับผิดชอบในความเห็นของตัวเองไป
เมื่อถามว่าหวั่นหรือไม่ ว่าวันที่ 17 ส.ค.นี้ จะเกิดความวุ่นวายขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลความเรียบร้อย ทุกคนต้องเข้าใจว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างปัญหาให้กับประชาชนทั้งประเทศ ภาพลักษณ์ของประเทศจะได้รับผลกระทบ ความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ขณะนี้พูดตามจริงเวลาที่เราเดินทางไปติดต่อกับนักลงทุนต่างประเทศ เขาห่วงอยู่ 2 อย่าง คือ เรื่องการเมือง ไม่ต้องการจะเห็นความรุนแรง เหตุการณ์ไม่ปกติอีก อย่างที่ 2 คือ เรื่องไข้หวัด ซึ่งเราต้องแก้ไขกันไป ฉะนั้นหากไปทำอะไรที่เป็นอย่างนั้น ก็มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนมากขึ้น และจะทำให้คนประสบปัญหาเศรษฐกิจ คนยากจนลำบากที่สุด
**"มาร์ค"ลั่นต้องไม่มีการปะทะกัน
เมื่อถามว่า มีรายงานหรือไม่ว่าจะมีสัญญาณที่น่าห่วง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังครับ แต่เราก็ไม่ประมาท เพราะเราทราบว่าเมื่อไรก็ตามที่มีการรวมตัวของคนเยอะๆ ต้องระมัดระวัง เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุ เหตุแทรกซ้อนได้ เมื่อถามอีกว่าเกรงหรือไม่จะเกิดเหตุเนื่องจากเป็นวันเดียวกับที่ศาลตัดสินคดีกล้ายาง ของนาย เนวิน ชิดชอบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไม่ให้ปะทะกัน และ เจ้าหน้าที่จะต้องได้รับคำสั่งชัดเจน ไม่ให้คนสองกลุ่มปะทะกัน
เมื่อถามว่าได้มีการกำชับกับ พล.ต.อ.วิเชียร์ พจน์โพธิ์ศรี รักษาการ ผบ.ตร. หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าได้พูดกันตั้งแต่รอบแรกที่ท่านรักษาการแล้วว่า เป็นงานที่ท่านต้องทำให้สำเร็จ ส่วนการประเมินตัวเลขไว้หรือไม่นั้น ยังไม่มีการประเมิน ยังต้องใช้เวลาการประเมินในระยะเวลาใกล้ๆ
"เราไม่ต้องการเห็นการปะทะใดๆทั้งสิ้น ไม่ต้องการเห็นความรุนแรง ใครจะใช้สิทธิ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย"
เมื่อถามอีกว่า การไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะว่า พูดกันชัดเจนว่า เป็นหน้าที่เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อบ้านเมือง ปัญหาอุปสรรคต่างๆก็มีการพูดคุยกันตั้งแต่เดือน เม.ย.แล้ว
**ค้านราชเลขาฯนำฎีกาแดงขึ้นทูลเกล้าฯ
วานนี้(13 ส.ค.) ที่องค์การกลาง พล.อ.สายหยุด เกิดผล รวมมือกับอีกหลายเครือข่าย อาทิ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานเครือข่ายสยามสามัคคี เป็นต้น ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านการถวายฏีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท. ทักษิณ เนื่องจากเป็นฎีกาที่มิชอบด้วยกฏหมาย และจะเป็นการกดดันสถาบันเบื้องสูง สร้างความแตกแยก ซึ่งอาจเป็นการตั้งต้นของการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ของประชาชน
ทั้งนี้ตัวแทนจากเครือข่ายองค์กรเอกชน ประกอบด้วย เครือข่ายปัญญาสยาม เครือข่ายธรรมาภิบาล มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย เครือข่ายปวงชนต่อต้านอธรรม ร่วมกันทำหนังสือถึง สำนักราชเลขาธิการ เพื่อขอคัดค้านการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ขอพระราช ทานอภัยโทษ ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ และขอให้สำนักราชเลขาธิการ โปรดงด เว้นนำเรื่องฎีกาอันไม่ชอบด้วยกฎหมายนี้ ขึ้นกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
**"วีระ"ลั่น 17 ส.ค.ไม่เปลี่ยนแปลง
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดขบวนประชาชนคนเสื้อแดง เพื่อไปถวายฎีกาว่า ยืนยันวันที่ 17 ส.ค.นี้ เป็นวันนัดหมายที่แน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะได้รับการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และได้ประชุมร่วมกับสำนักราชเลขาธิกาาร เรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มชุมนุมที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 04.00 น. จะมีการปราศรัย ชี้แจงทำความเข้าใจถึงขั้นตอนปฏิบัติในการถวายฎีกา
จากนั้นในเวลา 11 .00 น. จะมีการตั้งริ้วขบวนคนเสื้อแดงประมาณ 2 พันคน ที่บริเวณถนนหน้าพระธาตุ หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อนำกล่องบรรจุใบฎีกา ประมาณ 500 - 600 กล่อง ไปส่งให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ที่บริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง จะไม่มีการล่วงล้ำเข้าในเขตกำแพงพระบรมมหาราชวัง แต่จะมีแกนนำนปช.จำนวน 8 คน เป็นตัวแทนเข้าไปในพระบรมมหาราชวังและนำเอกสารใบถวายฎีกาไปยื่น ที่ศาลาลูกขุน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักราชเลขาธิการ หลังพิธีเสร็จสิ้น แกนนำทั้งหมดจะกลับมารายงานให้คนเสื้อแดงที่ สนามหลวงรับทราบ จากนั้นก็จะร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และสลายการชุมนุมในเวลาประมาณ 15.00 น.
นายวีระ กล่าวด้วยว่า การถวายฎีกาครั้งนี้ แกนนำนปช. ทุกคนไม่มีข้อวิตกใดๆ ตามที่มีคนข่มขู่ไว้ และขอฝากไปยังคนที่ไปแจ้งควาจับ 3 แกนนำนปช. เรื่องการถวายฎีกา ว่า ถ้าไม่ต้องการตกเป็นจำเลยเสียเอง ก็ขอให้ถอนแจ้งความเสีย
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การที่สำนักราชเลขาธิการได้ประสานมาเช่นนี้ เท่ากับเป็นเครื่องยืนยันว่า คนเสื้อแดงสามารถถวายฎีกาได้ ดังนั้นหลังจากการถวายฎีกาเสร็จสิ้นแล้ว พวกตนจะดำเนินคดีฟ้องกลับกลุ่มคนบุคคลที่พยายามขัดขวางการถวายฎีกาของคนเสื้อแดง ด้วยการแจ้งความดำเนินคดีพวกตนในข้อหาหมิ่นศาล ทั้งหมดในข้อหาแจ้งความเท็จ
**ถวายฎีกาไม่ผิด แต่"เหลิม"ไม่เอาด้วย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวยอมรับว่า ไม่ได้ร่วมลงชื่อถวายฎีกากับกลุ่มเสื้อแดง โดยมีเหตุผลส่วนตัว ไม่ขอพูด ส่วนที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ กล่าวว่า จะเกณฑ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาร่วมลงชื่อทุกคนนั้น ตนไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ผิดกฏหมายแน่นอน พวกที่ออกมาพูด คือพวกอ่านกฎหมายไม่รู้ ดูกฎหมายไม่เป็น
**"ชุมพล"ทำบื้อไม่รูใครขัดแย้งใคร
นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงเรื่องกลุ่มเสื้อแดงจะถวายฎีกาวันที่ 17 ส.ค.นี้ ว่า ไม่เป็นห่วงเรื่องนี้เลย คงไม่มีอะไร เป็นเพียงแค่ความเห็นฝ่ายหนึ่งมองว่าไม่ควรทำ เป็นการก้าวล่วงก็เท่านั้นเอง อีกฝ่ายหนึ่งก็เห็นว่าประชาชนเสนอไปตามปกติ
ต่อข้อถามว่าจะเป็นชนวนความขัดแย้งต่อไปเรื่อยๆหรือไม่ นายชุมพล ย้อนถามว่า ขัดแย้งระหว่างใครกับใคร สื่อมวลชนตอบว่าระหว่างสีต่างๆ นายชุมพล กล่าวว่า ก็คงไม่มีอะไร อย่างตนนี่ก็สีเขียวแล้ว ไม่มีอะไรทั้งสิ้น และจะไม่มีถึงขนาดเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมา
**"เทือก"ให้ ตร.ดูแลความเรียบร้อย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมแผนรักษาความปลอดภัยในกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะถวายฎีกา วันที่ 17 ส.ค. ว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ตนใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักในการดูแลความสงบก่อน หากไม่สามารถดูแลได้เขาจะกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อถามว่า ทางกลุ่มเสื้อแดงจะมาเรือนแสนคน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ถ้าทำผิดกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ ส่วนด้านการข่าวไม่มีอะไร ติดตามอยู่
**กอ.รมน.ได้แต่รอดู"ฎีกาแดง"ป่วน
พล.ต. ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงการถวานฎีกา ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ว่า กอ.รมน.ไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องนี้ และผู้บังคับบัญชาไม่ได้มอบหมายให้ กอ.รมน. ดำเนินการอะไร และกอ.รมน.ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม กอ.รมน. ติดตามเฝ้าดูสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่อยากให้ประชาชนเกิดความแตกแยก และเป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะประเมินสถานการณ์ แต่หากมีเหตุการณ์หรือเกิดความไม่สงบขึ้น กอ.รมน.จังหวัด หรือ กอ.รมน.ภาค มีแผนรองรับอยู่ คิดว่าประชาชนเข้าใจดีว่าอะไรเป็นอะไร
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น ขณะนี้ กอ.รมน.ในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อยู่ แต่เบื้องต้นน่าจะเป็นเรื่องของตำรวจ
"พสกนิกรทั้งหมด ล้วนเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน แต่มีความคิดเห็นแตกต่างกันเท่านั้น กอ.รมน. ถือเป็นพสกนิกรที่สื่อเรื่องต่างๆ ที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบ ซึ่ง ผบ.ทบ.พูดเสมอว่า ท่านไม่อยากแสดงความคิดเห็นอะไรเรื่องนี้ เพราะหากแสดงความคิดเห็นคงไม่เหมาะสม หรือหากพูดไปจะเหมือนกับเอียงไปด้านหนึ่ง ทหารแบ่งไม่ได้ว่า เราจะเข้ากับประชาชนกลุ่มไหน เพราะทหารต้องรักษาประเทศ และประชาชน ทั้งนี้ กอ.รมน. ส่วนกลางไม่ได้สั่งการให้ระงับ หรือขัดขวางการล่ารายชื่อ เพราะไม่ใช่งานของ กอ.รมน." โฆษก กอ.รมน.กล่าว
**พท.ลั่นอีก 3 เดือนมีบิ๊กเซอร์ไพรส์
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงความมั่นใจว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ ซึ่งจะเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ของจริงภายใน 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งตรงกับภายในเดือนพ.ย.นี้ และจะมีการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม โดยเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดสงคราม เกิดจลาจลรากหญ้า และอาจเกิดการรัฐประหารอีกครั้ง เพราะสถานการณ์ของเวลานี้รัฐบาลวันนี้ลำบาก ไม่มีบุคคลที่สามารถแก้ไขวิกฤตได้ รัฐบาลอยู่เพื่อซื้อเวลาเท่านั้น
สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เชื่อว่าจะไม่เดินทางกลับประเทศไทยก่อนเลือกตั้งแน่นอน แต่จะกลับมาหลังการเลือกตั้งใหญ่ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย จะได้เป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็จะกลับมาอย่างแน่นอน
"วันนี้รองเท้า เสื้อผ้าก็เตรียมพร้อมแล้ว อาจจะเป็นการอภัยโทษ หรือนิรโทษกรรมก็ได้ ต้องล้างทุกอย่างให้หมด จึงอยากให้จับตาดูเหตุการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า นี้ให้ดี" นายประชากล่าว.